อันที่จริงแล้ว เราได้นำพระพุทธพจน์ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสสั่งสอนพุทธศาสนิกชนในประเด็นนี้มาหลายครั้ง เพื่อตอกย้ำเตือนสังคมไทยให้ตั้งสติอย่าได้เชื่อใจคนโกหกเป็นเด็ดขาดคนที่ฝังกับการพูดเท็จ จะไม่ “ทำบาป” อย่างอื่นทุกอย่างได้นั้นเป็นไม่มี เพราะเขาได้ “โกหกหลอกลวง”ตัวเองจนถึงที่สุด และ “ขบถต่อตัวเองแล้วอย่างสิ้นเชิง”

ดั่งที่ท่านพระธรรมโกศาจารย์ได้เขียนเป็นพุทธศาสนสุภาษิตว่า “คนพูดเท็จล่วงสัตยธรรมเสียอย่างหนึ่ง ไม่คำนึงถึงโลกหน้า จะไม่พึงทำบาปเป็นอันไม่มี ... เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโนวิติณฺณปรโลกสฺส นตฺถิ ปาปํ อการิยํ”

เยี่ยงนี้สังคมไทยยังจะเชื่อใจ “คนกล่าวเท็จ”ได้หรือไม่ สมควรที่สังคมไทยตั้งสติมีสมาธิใช้ปัญญาตริตรองอย่าเชื่อใจคนโกหก

ทำไมเราถึงกล่าวเรื่องนี้บ่อยครั้ง เพราะหลากหลายพฤติกรรมหลายวาทกรรมที่ประดิษฐ์ขึ้นล้วนเป็นภัยอันใหญ่หลวงที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคมไทยจนมิอาจจะปล่อยข้ามไปได้

การก่ออารยะขัดขืนของ 2 เยาวชนหญิงทั้ง “น้องตะวัน - นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ น้องแบม - นางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์” เพื่อกดดันกระบวนการยุติธรรม หนึ่งในอำนาจอธิปไตยให้ปล่อยผู้ต้องหาคดีการเมืองให้มีอิสรภาพด้วยการอนุญาตให้ประกันตัว แล้วกลับออกมาความผิดเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถูกนำไปโหนกระแสป่วยวิกฤตทั้งที่อยู่ในความดูแลใกล้ชิดจากทีมแพทย์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ที่เป็นองค์กรเป็นโรงเรียนแพทย์เป็นแหล่งฝึกปฏิบัติทางคลินิกของสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่นคณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์คณะสหเวชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ชั้นนำของประเทศที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนและสังคมไทยในด้านความรู้ความสามารถในการรักษาผู้ป่วย

กรณีการหาเสียงเลือกตั้งของนักการเมืองจากพรรคการเมืองกลุ่มอำนาจเก่า ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอีกประเด็นที่สังคมไทยต้องตั้งสติใช้ปัญญาตริตรองว่าสามารถไว้ใจเชื่อใจให้คนเหล่านี้เข้ามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนได้หรือไม่

กลุ่มอำนาจเก่าที่พยายามเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อบริหารประเทศต่อจาก “รัฐบาลลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ระบุว่าการบริหารราชการแผ่นดินตลอด 8 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนได้เลย ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นต้นตอที่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่มีความซับซ้อน ขยายวงกว้างและรุนแรงยิ่งขึ้นทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเมือง สร้างหนี้กว่า4 ล้านล้าน ไม่เกิดประโยชน์

ทว่า “เศรษฐา ทวีสิน” ประธานกรรมการบริษัทแสนสิริ ยักษ์ใหญ่วงการธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์กลับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า ปี 2565นับได้ว่าเป็นปีแรกที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดีในปี 2566 การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยมีอนาคตขึ้น ทาง “แสนสิริ” เตรียมบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์จำนวน 52 โครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท

แล้วบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มี“เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ มีนายหญิง-คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์และคนในตระกูลดามาพงศ์ร่วมกันถือครองหุ้นผลประกอบการเป็นเยี่ยงไร อิ่มหมีพีมันกันหรือไม่

สรุป 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลบริหารงานผิดพลาดล้มเหลวจนไม่สามารถสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจจริงหรือ???

เริ่มต้นหาเสียงก็โกหกประชาชนเยี่ยงนี้

ยังจะเชื่อได้หรือว่าต่อไปไม่พึงประพฤติชั่วอื่น

รวยแล้วไม่โกงไม่มีแน่นอนเยี่ยงนี้