รัฐบาลมีหน้าที่อะไร มีหน้าที่แก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม หรือมีหน้าที่โทษคนอื่น โยนความผิดว่า เรื่องราวเลวๆที่ปรากฏนั้น มันเกิดมานานแล้ว เกิดในยุครัฐบาลก่อนๆ ปัญหาต่างๆ ล้วนเกิดมาจากคนอื่น มันไม่ได้เกิดจากรัฐบาลของฉัน แล้วก็ไม่ได้เพิ่งเกิดปัญหาในยุคที่ฉันเป็นรัฐบาล
รัฐบาลใดก็ตามที่อ้างแบบนี้ แก้ตัวแบบนี้ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นรัฐบาลที่ไร้ความรับผิดชอบ ไร้ความสำนึก และไร้ปัญญา
ถามว่า การที่ใครก็ตามทุรนทุราย กระเสือกกระสนต้องการเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่ออะไร คนที่กระสันอยากเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ตอบแบบไร้ความรับผิดชอบหรือว่าปัญหาต่างๆ มันเกิดมาจากรัฐบาลยุคก่อนๆ แม้จะเป็นความจริงว่าปัญหาต่างๆ มันเกิดมาก่อนหน้าที่ตนเองเข้าไปรับตำแหน่งรัฐบาล แต่ก็มิได้หมายความว่าผู้เป็นรัฐบาลยุคปัจจุบันจะอ้างว่าปัญหามีมาก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นรัฐบาลปัจจุบันจึงไม่ต้องรับผิดชอบ
หน้าที่ของรัฐบาลคือแก้ปัญหาให้สาธารณชน ดังนั้นเมื่อสังคมมีปัญหาใดก็ตาม รัฐบาลก็ต้องแก้ปัญหาให้ลุล่วง แม้อาจจะแก้ปัญหาได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็ต้องพยายามแก้ให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ปัญหาคาราคาซัง หมักหมม และพอกเป็นดินพอกหางหมู
ส่วนเรื่องที่อ้างว่าปัญหาต่างๆ มีมานานแล้ว ก็สามารถอ้างได้ แต่ทว่าไม่สามารถอ้างว่ามีปัญหามานานแล้ว จึงผลักภาระการแก้ปัญหาไปให้คนอื่น แล้วอ้างแบบไร้ความรับผิดชอบว่าเป็นปัญหาเก่า
ถามจริงๆ เถอะ รัฐบาลไม่รู้บ้างเลยหรือว่าสังคมมีปัญหาอะไรสะสมหรือหมักหมมมาก่อน ก่อนจะเสนอหน้าเข้าไปเป็นรัฐบาลนั้น ไม่เคยศึกษามาก่อนบ้างหรือไรว่าสังคมมีปัญหา มีความทุกข์ร้อนในเรื่องใด
ก็ไหนเวลาตะเกียกตะกายด้วยความกระสันอยากเข้าไปเป็นรัฐบาล มักอ้างตลอดเวลาว่ามาเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติ แถมยังโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ นานาสารพัดว่าจะเข้าไปทำให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนมีความสุข จะเข้าไปขจัดปัดเป่าความทุกข์ความร้อนให้หายไปจากสังคม แต่แล้วไฉนจึงอ้างว่าปัญหาต่างๆ มีมาก่อนรัฐบาลของตน การอ้างเช่นนั้นมิได้หมายความว่าจะทำให้ผู้เป็นรัฐบาลพ้นความรับผิดชอบจากภาระการแก้ปัญหาของสังคม
ย้อนกลับไปมองประเด็นการอภิปรายตามมาตรา 152 ที่เพิ่งจบสิ้นไป (อันที่จริงต้องบอกว่าทุกการอภิปราย โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล) สังคมมักจะพบว่าทั้ง สส. ฝ่ายค้านและรัฐบาลที่ถูกอภิปรายต่างสาดน้ำลายเข้าใส่กันตลอดเวลา โดยต่างฝ่ายต่างอ้างถึงความไม่มีประสิทธิภาพ ความไม่โปร่งใส และความไม่มีสติปัญญาของแต่ละฝ่าย
ดังพบสิ่งที่ฝ่ายค้านอ้างว่ารัฐบาลล้มเหลว เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้สังคมได้ ทั้งๆ ที่ปัญหาที่ฝ่ายค้านอ้างนั้น ก็เป็นปัญหาที่เกิดมาตั้งแต่สมัยที่ฝ่ายค้านดำรงตำแหน่งรัฐบาล ส่วนฝ่ายรัฐบาลก็อ้างว่า ปัญหาที่ฝ่ายค้านยกมาพูดนั้นเป็นปัญหาเก่าคั่งค้างมานานแล้ว เป็นปัญหาที่เกิดมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลก่อนๆ
สรุปคือคำพูดของจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเป็นการประจานกันและกัน แล้วยังประจานตัวเองของทั้งสองฝ่าย เข้าทำนอง ฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน
ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในแวดวงราชการ และในทุกๆ แวดวง ไม่เว้นแม้กระทั่งในรั้วโรงเรียน ในเขตมหาวิทยาลัย และในเขตกำแพงวัด ทั้งวัดของศาสนาพุทธ และศาสนาอื่นๆ รวมถึงปัญหาทุนจีนสีเทาดำ ปัญหาบ่อนซ่องโสเภณีและโสเภนาย ปัญหาน้ำมันเถื่อน ปัญหาของเถื่อน ปัญหามาเฟียอิทธิพลมืด ปัญหาเงินใต้โต๊ะ ปัญหายึดทางเท้าเป็นที่ทำกินโดยคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องจ่ายเงินให้มาเฟียและเจ้าหน้าที่รัฐ ปัญหามลภาวะ ปัญหาแป๊ะเจี๊ย ปัญหาจราจรติดขัดขั้นวิกฤต ปัญหาน้ำทั้งน้ำแล้งและน้ำท่วม ปัญหาการศึกษาไร้คุณภาพ และอีกสารพัดปัญหา ล้วนแล้วแต่เกิดมานานในสังคมไทย และเป็นปัญหาที่คนไทยทุกคนประจักษ์เป็นอย่างดี แต่น่าประหลาดใจที่ปัญหาต่างๆ เหล่านั้น ไม่สามารถถูกขจัดให้หมดสิ้นไปได้ ไม่ว่าจะมีรัฐบาลมาแล้วกี่สิบชุด แล้วเมื่อถึงวันเลวคืนร้าย คนในกลุ่มนักการเมืองก็งัดเอาปัญหาเหล่านี้มาพล่ามพ่นสาดน้ำลายใส่กันกลางสภา แล้วลากไส้ของตนเองออกมาประจานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายปัญหาก็ไม่ได้ถูกขจัดให้หมดสิ้นไป
ตัวอย่างเรื่องทุนจีนสีเทาดำ เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานไม่น้อยกว่า 10 ปีแล้ว คำถามคือคนในภาครัฐรู้ปัญหาใช่หรือไม่ แล้วถามต่อไปว่า คนในภาครัฐมีส่วนรู้เห็นเป็นใจสนับสนุนให้เกิดเรื่องผิดกฎหมายนี้ ใช่หรือไม่ ส่วนนักการเมืองก็รู้เห็นในปัญหานี้ใช่หรือไม่ แล้วทำไมทั้งนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่แก้ไขหรือยับยั้งปัญหานี้ให้หมดสิ้นไป ทำไมปล่อยให้คาราคาซังมาจนถึงปัจจุบัน เหตุที่ปล่อยปัญหาไว้เพราะว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องผิดกฎหมายเช่นนี้ ใช่หรือไม่ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมืองจะอ้างว่าไม่เคยรู้ว่าเมืองไทยมีปัญหานี้มาก่อน
การอ้างว่านายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุนจีนสีเทาดำ เป็นสิ่งที่อ้างได้ แต่ก็มีคำถามว่านายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีไม่เกี่ยวข้องจริงๆ หรือ หากไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แล้วคนใกล้ชิดหรือสมุนบริวารของคนทั้งสองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากมีคนใกล้ชิดหรือสมุนบริวารของตนเข้าไปข้องแวะกับเรื่องทุนจีนสีเทาดำ ก็ไม่สามารถอ้างหรือโกหกว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเมื่อคนใกล้ชิดและสมุนบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว ก็หมายความว่าน่าจะมีผลประโยชน์บางอย่างซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้าไปยังบุคคลผู้มีตำแหน่งระดับผู้นำของประเทศ ก็เป็นได้ จริงหรือไม่
การอ้างว่าปัญหาต่างๆ สะสมคั่งค้างมานานแล้ว และรัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอยู่ ก็เป็นเพียงคำอ้างที่ไร้ความรับผิดชอบ เพราะหากพยายามแก้ปัญหาจริงๆ จังๆ แล้วทำไมปัญหาจึงยังมีปรากฏให้เห็นอย่างครึกโครมในสังคมตลอดเวลา
เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากที่คนระดับรัฐมนตรีบอกว่าปัญหาทุนจีนสีเทาดำเกิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี นั่นแสดงว่ารัฐมนตรีรู้ปัญหานี้ดี เมื่อรู้แล้วทำไมไม่มีปัญญาแก้ปัญหา หรือหากจะถามอีกมุมคือ ไม่แก้ปัญหาเพราะจงใจเก็บปัญหาหรือเลี้ยงปัญหาไว้ใช่หรือไม่
ข้อแก้ตัวที่น่าขยะแขยงของคนที่เป็นรัฐบาลคือ ที่พบว่ามีปัญหานี้มากขึ้น และสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้มากขึ้นในระยะนี้ เนื่องจากรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหานี้จึงทำให้จับกุมผู้กระทำผิดได้มากขึ้น คำถามก็จึงมีตามมาว่า แล้วทำไมรัฐบาลเพิ่งเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหานี้ ทำไมเพิ่งจะเร่งจับกุมผู้กระทำผิดในคดีเหล่านี้ ก็ในเมื่อรัฐบาลพูดเองว่าปัญหานี้มีมาตั้งนานแล้ว สรุปว่าแม้รัฐบาลจะรู้ว่ามีปัญหามานานแล้ว แต่ก็ปล่อยปละละเลยให้ปัญหาคาราคาซังใช่หรือไม่
ที่ตลกยิ่งกว่าคือการอ้างว่าทุนจีนสีเทาดำ หรือมาเฟียจีนทุนสีเทาดำชอบวิ่งไปหาผู้มีอำนาจ ก็ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่า ผู้มีอำนาจหมายถึงใคร แล้วรัฐบาลเป็นผู้มีอำนาจ ใช่หรือไม่ นั่นแสดงว่ามาเฟียจีนวิ่งไปหารัฐบาล ใช่หรือไม่ หรือรัฐบาลจะบอกว่ามาเฟียจีนวิ่งไปหามาเฟียไทยที่เป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และนักการเมือง ก็ในเมื่อรัฐบาลรู้ว่ามาเฟียจีนวิ่งซบผู้มีอำนาจรัฐของไทย แล้วทำไมรัฐบาลไทยปล่อยให้มาเฟียจีนวิ่งไปหาผู้มีอำนาจรัฐได้ หรือรัฐบาลไทยจะอ้างว่าผู้มีอำนาจในประเทศไทยนั้นมีมากมาย แต่รัฐบาลไทยไม่มีอำนาจจัดการ
เรื่องที่คนระดับรัฐมนตรีบอกว่า ไม่ทราบว่าเรื่องมาเฟียจีนทุนสีเทาดำเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดบ้างนั้น ขอให้ไปตรวจสอบกันเอง ก็ต้องบอกว่า หากคนระดับรัฐมนตรียังพูดแบบปัดสวะได้ถึงเพียงนี้ ก็ขอให้ลาออกจากตำแหน่งไปเสียเถอะอยู่ไปก็เปล่าประโยชน์ สิ้นเปลืองงบประมาณ แล้วที่สำคัญ การพูดจาเช่นนั้นก็ไม่ต่างไปจากการยอมรับว่าอาจจะมีพรรคการเมืองเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทาดำ แต่ตนเองพูดไม่ได้ หรือไม่กล้าพูด เนื่องจากตนเองมีผลประโยชน์โดยมิชอบจากทุนจีนสีเทาดำ
การอ้างว่าทุนจีนสีเทาดำเกิดมานาน และมีอดีตนายกรัฐนตรี และรัฐมนตรีในยุคก่อนๆ เกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยง แต่ทว่านายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรียุคปัจจุบันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นับว่าเป็นการอ้างแบบไร้ความรับผิดชอบอย่างที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าคำอ้างแบบไร้สติเช่นนี้จะออกมาจากปากของคนที่มีตำแหน่งรัฐมนตรี
ต้องบอกตรงๆ ว่าการอ้างว่าเรื่องเลวๆ ทรามๆ เกี่ยวข้องกับรัฐบาลก่อนๆ หรือเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในรัฐบาลก่อนๆ คือคำอ้างที่บอกว่า คนอื่นชั่วช้าเลวทราม แต่ตนเองเป็นคนดี ขาวสะอาด บริสุทธิ์
คำถามคือ คนมีอำนาจรัฐที่อ้างว่าตนเองเป็นคนดี แต่จงใจโยนความผิดให้คนอื่น คนพรรค์อย่างนี้เป็นคนดีจริงๆ หรือ คนที่อ้างเช่นนี้ลืมไปหรือเปล่าว่า ตนเองมีสถานภาพเป็นรัฐมนตรี เมื่อคนระดับรัฐมนตรีรู้ว่ารัฐบาลชุดเก่าทำความผิดไว้ หรือรู้ว่านายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ ทำความผิดไว้ แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้คนผิดลอยนวลอยู่ได้
กล่าวโดยสรุปคือ คนที่อ้างว่าตนเองดี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาความเลวทรามต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ ทั้งๆ ที่ตนเองมีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือ คนพรรค์อย่างนี้ไม่ใช่คนดีที่แท้จริง ส่วนคนที่เคยทำเลวมาก่อนเมื่อครั้งที่ตนเองมีอำนาจรัฐ แล้วเมื่อตนเองหมดอำนาจไป ก็กลับป่าวประกาศว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถแก้ปัญหา หรือขจัดความเลวร้ายต่างๆ ในสังคมได้ คนพรรค์นี้ก็เลวทรามไม่ต่างไปจากรัฐบาลที่มีอำนาจแล้วไม่สามารถแก้ปัญหาความเลวร้ายที่เกิดในสังคมได้
มูลเหตุสำคัญที่ปัญหาเลวร้ายต่างๆ ในบ้านเมืองของเราไม่ถูกขจัดให้หมดสิ้นไปอย่างเด็ดขาด เพราะว่าบ้านเมืองของเรามีคนที่ชอบโยนความผิดให้คนอื่น ทั้งๆ ที่ตนเองมีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือ
ข้อบอกทิ้งท้ายว่า หากมีอำนาจรัฐแล้ว แต่ไม่สามารถใช้อำนาจรัฐขจัดปัดเป่าปัญหาของบ้านเมืองให้หมดสิ้นไปได้ ก็อย่าเข้าไปมีอำนาจรัฐเลย เพราะคนพรรค์อย่างนี้มีอำนาจรัฐก็เพื่อใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้ตนเองเท่านั้น แต่ไม่มีปัญญาแก้ปัญหา และขจัดความเลวร้ายให้หมดสิ้นไปจากประเทศ เพราะว่าตนเองนั้นคือต้นตอของความเลวร้าย และเป็นต้นตอของปัญหาสังคม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี