วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เขียนให้คิด
เขียนให้คิด

เขียนให้คิด

เฉลิมชัย ยอดมาลัย
วันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2566, 02.00 น.
ช่วงเวลาแห่งการฟาดฟันเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐ

ดูทั้งหมด

  •  

มีคำถามง่ายๆ ว่าทำไมคนเรา (บางคน) ต้องการเป็น สส. แล้วทำไม สส. ทุกคนต้องการเป็นรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี 

การเป็น สส. มีอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไป รัฐมนตรีมีอภิสิทธิ์เหนือ สส. ส่วนนายกรัฐมนตรีก็ยิ่งมีอภิมหาอภิสิทธิ์เหนือบรรดารัฐมนตรีทั้งปวง และเหล่า สส. ด้วย แต่ก็ยกเว้นในกรณีที่นายกรัฐมนตรีบางคนต้องยอมให้รัฐมนตรีขี่คอ เพราะต้องการอยู่ในอำนาจนานๆ แต่ไร้ศักดิ์ศรีเท่านั้น


การมีอำนาจรัฐ คือการมีผลประโยชน์มหาศาล ผู้ใดมีอำนาจรัฐ ผู้นั้นสามารถยึดกุมผลประโยชน์มหาศาลได้โดยง่าย แม้บางครั้งจำเป็นต้องแบ่งปันผลประโยชน์กับกลุ่มคนบางกลุ่ม เพื่อให้สามารถยึดกุมอำนาจรัฐไว้ในกำมือให้นานที่สุด ก็ต้องยอมแบ่งเพราะเมื่อบวกลบกลบหนี้แล้ว หากเห็นว่าทำอะไรก็ตาม แล้วยังทำให้ตนเองมีอำนาจรัฐได้ต่อไป ก็ยอมทนได้ เพียงเพื่อให้ตนเองมีอำนาจรัฐเท่านั้นเป็นพอ

การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ เพราะฉะนั้น นักการเมืองจึงต้องทำทุกหนทางเพื่อให้ตนเองมีอำนาจรัฐ และสามารถยึดกุมอำนาจรัฐให้ยาวนานที่สุด หากยึดกุมได้จนวันที่ตัวเองหมดลม ก็ยังกระทำ ดังนั้นจะเห็นเป็นประจำว่า นักการเมืองจำนวนไม่น้อย แม้จะเดินจะเหินไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมวางมือทางการเมือง บางคนใกล้จะตายอยู่รอมร่อ เรียกว่าจะตายวันตายพรุ่งแต่ก็ยังกระสันจะยึดกุมอำนาจรัฐไว้ต่อไป 

การมีตำแหน่งแห่งที่ทางการเมืองจึงเป็นหนทางของการมีผลประโยชน์มหาศาล ยิ่งมีตำแหน่งใหญ่ และตำแหน่งสำคัญ ก็ยิ่งมีผลประโยชน์มากมายเหลือคณานับ ดังนั้น จึงไม่ต้องประหลาดใจว่า ทำไมนักการเมืองจึงทำทุกหนทางเพื่อให้สามารถแย่งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปครอบครองให้จงได้ แต่หากไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญๆ โดยเฉพาะกระทรวงที่มีงบประมาณมากๆ  

เรายังจดจำได้ดีว่า มีนักการเมืองรายหนึ่ง (ปัจจุบันตายไปแล้ว) ที่มาจากผู้รับเหมาก่อสร้าง รับงานสัมปทานของรัฐ บอกว่า การต้องเป็นฝ่ายค้าน มันอดอยากปากแห้ง 

ด้วยคำพูดที่ว่า เป็นฝ่ายค้าน มันอดอยากปากแห้ง ก็จึงทำให้นักการเมืองแก่ๆ บางราย ที่รู้ดีว่าชาตินี้ไม่มีวันได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ก็จึงประกาศว่าขอเป็นรัฐบาลไปตลอดปีตลอดชาติ เพราะเมื่อเป็นฝ่ายรัฐบาลแล้ว ก็จะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เนื่องจากเล่นการเมืองมานานกว่า 20-30 ปี 

อำนาจการเมืองนำไปสู่การมีผลประโยชน์สารพัดชนิดทั้งอำนาจเงิน และอำนาจทางสังคม เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องการผลประโยชน์มหาศาลจึงมุ่งหน้าเข้าสู่เวทีการเมือง เนื่องจาก ผู้มีอำนาจการเมืองคือผู้ที่สามารถดูดกลืนและกอบโกยทรัพยากรของประเทศได้สะดวกดาย ยิ่งมีอำนาจการเมืองมาก ก็มีอำนาจดูดกินได้มาก 

จึงไม่ต้องประหลาดใจว่า เหตุใดอำนาจรัฐจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาผลประโยชน์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้มีอำนาจรัฐในบ้านเมืองของเรานั้น มิได้เลวทรามต่ำช้าสามานย์ไปเสียทั้งหมด บางคนก็เป็นคนดี ใช้อำนาจรัฐเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับสาธารณะ แต่ในความเป็นจริง สาธารณชนต้องรู้ดีว่า ระหว่างคนมีอำนาจรัฐที่เป็นคนดีกับคนเลว กลุ่มใดมีมากกว่ากัน

ตามทฤษฎีการเมือง แบ่งผู้ที่เข้าไปมีอำนาจรัฐไว้คร่าวๆ ดังนี้ 

เข้าไปแสวงหาอำนาจรัฐ เพื่อใช้อำนาจรัฐปกป้องตัวเอง และผลประโยชน์ของตัวเอง เนื่องจากมีประสบการณ์เลวร้ายมาก่อน เพราะว่าถูกนักการเมืองและข้าราชการกลั่นแกล้ง รังแก และขูดรีดในสมัยที่ตนเองไม่มีอำนาจรัฐ

เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการมีอำนาจรัฐ ทั้งโดยชอบธรรม และไม่ชอบธรรม คือกินทั้งตามน้ำและทวนน้ำ 

เข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เพิ่มเติม และปกป้องผลประโยชน์เดิมของตนเอง โดยเฉพาะพวกที่อ้างว่ารวยแล้วไม่โกง ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจแล้ว ต้องการเข้ามาพัฒนาประเทศ ขอบอกว่าพวกนี้ล้วนโกหกทั้งสิ้น แต่จริงๆ แล้วเข้าสู่เวทีการเมือง เพราะต้องการมีอำนาจรัฐสำหรับหนุนส่งธุรกิจของตนเอง

เข้ามาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ อุทิศตัวเพื่อทำงานให้บ้านเมือง และประชาชน เพื่อให้บ้านเมืองและประชาชนมีความสุข ความเจริญมากขึ้นคนกลุ่มนี้นับได้ว่าเป็นนักการเมืองน้ำดี เป็นนักการเมืองคุณภาพ แต่ทว่ามีจำนวนน้อยเสียเหลือเกิน 

เมื่อคุณทราบแล้วว่าคนที่เข้าสู่เวทีของอำนาจการเมืองมีสี่ชนิด ดังนั้นก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณว่าจะเลือกคนชนิดใดเข้าไปเป็น สส. (หรือ สว. หากจะมีการเลือกตั้ง สว. อีกครั้งในอนาคต)

ทุกวันนี้ คุณน่าจะเห็นชัดแล้วว่า นักการเมืองจำนวนมากในบ้านเมืองของเราเป็นนักการเมืองประเภทใด ระหว่างเข้ามาเพื่อทำความเจริญให้กับบ้านเมือง หรือเข้ามาเพื่อล้างผลาญทำลายล้างบ้านเมือง

แต่ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่า นักการเมือง หรือ สส. ก็คือตัวสะท้อนภาพลักษณ์ของประชาชน หากประชาชนมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง และเป็นคนดี ก็ต้องเลือกนักการเมืองประเภทคนดี เข้าไปทำงานแทนตัวเอง แต่หากตรงกันข้าม ก็จะได้นักการเมืองมาเฟียเจ้าพ่อเจ้าแม่ นักเลงหัวไม้ คนจำพวกสารพัดขี้ฉ้อคดโกง

ไม่เคยปรากฏว่านักการเมืองเลว มาจากคนดี แล้วก็ไม่เคยปรากฏเช่นกันว่า นักการเมืองดี มาจากคนเลว ขอย้ำและย้ำว่านักการเมือง และ สส. คือกระจกสะท้อนคุณภาพ ความดีความเลวของประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง สส. 

เมื่อพิจารณาการสืบทอดอำนาจรัฐในสังคมไทย จะพบว่าหลังจากมีกลุ่มบุคคลเข้ากระทำการแย่งชิงพระราชอำนาจจากพระมหากษัตริย์ ได้สำเร็จ เมื่อ พ.ศ. 2475 หลังจากนั้นก็พบว่ามีการสืบทอดอำนาจโดยกลุ่มคนต่างๆ มาเป็นระยะๆ ดังพบว่าคณะผู้โค่นล้มแล้วแย่งชิงพระราชอำนาจได้สืบทอดการมีอำนาจรัฐอยู่นานถึง 25 ปีจนกระทั่งถูก สฤษดิ์ ธนรัชต์ กระทำรัฐประหาร แล้วหลังจากนั้นก็มีการก่อรัฐประหารเป็นระยะๆ มาจนถึงปัจจุบัน

จะพบว่าการมีอำนาจรัฐในสังคมไทยนั้นอยู่ในกำมือของคนเพียงสองกลุ่มคือทหารตำรวจกับนักการเมือง (นักการเมืองในที่นี้มีหลายชนิด เช่น มาจากข้าราชการ นักธุรกิจ มาเฟีย เจ้าพ่อเจ้าแม่)

นักการเมืองเข้าสู่การมีอำนาจรัฐโดยอาศัยการเลือกตั้ง เมื่อมีอำนาจรัฐแล้วก็ใช้ช่องว่างของกฎหมายแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โกงบ้านกินเมืองสารพัดรูปแบบ จนสุดท้ายทหารและตำรวจก็ก่อรัฐประหารอีก เรื่องแบบนี้วนไปเวียนมาหลายทศวรรษแล้ว แต่ก็ดูเสมือนว่าจะยังคงเกิดขึ้นแบบซ้ำๆ ซากๆ ไปอีกนาน ดังที่นักรัฐศาสตร์เรียกว่าวงจรอุบาทว์ (Vicious Circle) 

วันนี้บ้านเมืองของเรากำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้ง เราก็จะเห็นชัดว่าพรรคการเมืองทุกพรรคต่างพยายามช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง เพื่อให้ได้คะแนนนิยมสูงสุด เพื่อให้พรรคการเมืองของตนเข้าไปมีอำนาจรัฐให้จงได้ หรือพูดง่ายๆ คือต้องการเข้าไปเป็นรัฐบาลเพื่อมีอำนาจรัฐสูงสุด ดังนั้น เราจึงพบเห็นเป็นประจำว่า พรรคการเมืองทุกพรรคต่างใช้กลอุบายการเมืองเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม แล้วพยายามสร้างภาพให้พรรคของตนกลายเป็นพระเอก หรือเป็นแม่พระ 

ตราบใดที่บ้านเมืองของเรายังมีวงจรอุบาทว์ ก็ไม่ต้องหวังว่าบ้านเมืองของเราจะหลุดพ้นไปจากเรื่องการสืบทอดอำนาจรัฐการยึดอำนาจด้วยการรัฐประหาร และการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยการทุจริตสารพัดรูปแบบ

แม้ว่าเราทุกคนจะพยายามโกหกตัวเองมาโดยตลอดว่า ประเทศไทยมีประชาธิปไตยมาตั้งแต่หลังการแย่งชิงพระราชอำนาจได้สำเร็จ เมื่อปี 2475 แต่ทว่าจนถึงบัดนี้ ประเทศไทยก็ไม่เคยมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงตามแบบสากล แต่เรามีประชาธิปไตยแบบไทยๆ (ตามคำอ้างของคนลวงโลกที่ชอบพูดเพื่อโกหกตัวเอง และโกหกคนไทยทั้งประเทศ)

เราจะได้ยินข้ออ้างเรื่องประชาธิปไตยตลอดเวลา แต่มันเป็นเพียงการอ้างเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจรัฐ และเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจรัฐ แล้วก็พยายามสืบทอดอำนาจรัฐต่อไปเรื่อยๆ 

หากย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลังยุคแย่งชิงพระราชอำนาจได้แล้ว ก็จะพบว่า แม้จะแย่งชิงพระราชอำนาจมาได้แล้ว กลุ่มบุคคลที่ร่วมกันชิงพระราชอำนาจก็มิได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะขัดแย้งและแก่งแย่งอำนาจระหว่างกันมาโดยตลอดดังจะพบความไม่ลงรอยกันระหว่างพระยามโนปกรณ์นิติธาดากับหลวงประดิษฐ์มนูธรรม จนนำไปสู่การทำรัฐประหารโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา แล้วรัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนาก็มีความขัดแย้งกับพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นประจำ จนเป็นเหตุให้รัชกาลที่ 7 ตัดสินพระทัยเสด็จไปประทับณ อังกฤษ แล้วทรงประกาศสละราชสมบัติในกาลต่อมา 

หลังจากยุคพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นใหญ่ ก็มาถึงยุคของหลวงพิบูลสงคราม ซึ่งจะพบว่าหลวงพิบูลฯ เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วยังกวาดเอาตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ มาเป็นของตนอีกด้วย เช่น รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย 

หมดยุคหลวงพิบูลฯ ก็มาถึงยุคควง อภัยวงศ์ แล้วก็ต่อด้วยยุคของหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช แล้วการเมืองไทยก็เกิดความระส่ำระสายตลอดมา มีการแย่งชิงอำนาจกันเองระหว่างนักการเมืองจำพวกขุนนางและขุนทหารตลอดเวลา ผลัดกันขึ้นไปมีอำนาจรัฐเป็นระยะๆ แล้วก็จะเห็นหน้าของนักการเมืองจำพวกขุนนางกับขุนทหารหน้าเดิมๆ สู้กันไปมาเพื่อหวังจะมีอำนาจรัฐ จนที่สุดบางคนก็ต้องหนีออกนอกประเทศ บางคนก็ต้องตายอยู่นอกประเทศ 

แต่ที่สุดมหัศจรรย์คือ เราพบว่าผู้มีอำนาจรัฐบางรายตะกละอำนาจมาก จนถึงกับก่อการรัฐประหารรัฐบาลของตนเอง แล้วสืบทอดอำนาจรัฐต่อไป 

สาธารณชนเห็นชัดแล้วว่า ผู้ยึดกุมอำนาจรัฐในช่วงแรกๆ หลังจากแย่งชิงพระราชอำนาจจากพระมหากษัตริย์ได้แล้ว ก็คือบรรดาขุนนางและขุนทหาร แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป 3-4 ทศวรรษ ก็เริ่มมีนักการเมืองเข้าไปเป็นตัวแสดงในเกมการแย่งชิงอำนาจรัฐมากขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งหลังจากเหตุการณ์วันมหาวิปโยค14 ตุลาคม 2516 ก็มีนักการเมืองเข้าสู่รัฐสภามากขึ้นและมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีการก่อรัฐประหารเป็นระยะๆ เช่นกัน 

เรายังพบด้วยว่าประวัติศาสตร์การเมืองไทยยุคใหม่ยังคงดำเนินไปตามรอยเดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำๆ กับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น เรื่องการแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา เรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งมาเกิดในยุคปัจจุบัน แต่เกิดมาตั้งแต่ยุคของ ป. พิบูลสงคราม แล้ว ยิ่งในยุคถนอม กิตติขจร ก็ยิ่งชัดเจนกว่า เพราะมีการแต่งตั้งสมาชิกสภาทั้งหมด โดยมีเพียงสภาเดียวเท่านั้น

ขออนุญาตกระโดดข้ามบางช่วงบางเวลา เพราะหากพูดถึงทุกยุค ก็จะไม่มีพื้นที่พอสำหรับการนำเสนอบทความของสัปดาห์นี้ แต่ขอข้ามไปพูดถึงยุครัฐบาลชาติชาย ชุณหะวัณ ที่ชนะการเลือกตั้งมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ถูกรัฐประหาร เพราะมีการทุจริตคอร์รัปชันมากมาย 

จากนั้นก็จะพบว่าเมืองไทยมีการเลือกตั้ง แล้วมีรัฐประหาร แล้วมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นระยะๆ เสมอมา แต่ปัญหาที่ยังคงเกิดขึ้นตลอดเวลาคือ การทุจริตคอร์รัปชั่นในหมู่คนผู้มีอำนาจรัฐ โดยเฉพาะนักการเมือง 

บัดนี้จะมีการเลือกตั้งใหม่ในอนาคตอันใกล้ (คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคม 2566) แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีการพัฒนาคือ พฤติกรรมสามานย์ของนักการเมืองจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าบ้านเมืองจะผ่านช่วงเวลาแห่งวิกฤตมาแล้วสักกี่ครั้งก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือพฤติกรรมทุจริตของผู้มีอำนาจรัฐจำพวกฉ้อฉลปล้นประเทศ

ก่อนจะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส. เราก็จะเห็นว่านักการเมืองต่างออกมาสาดโคลนใส่กัน พ่นน้ำลายเข้าใส่กัน ปั้นน้ำเป็นตัว โกหกพกลมตลอดเวลา โดยเฉพาะการจงใจโฆษณาชวนเชื่อด้วยนโยบายลวงโลกสารพัดชนิด

ช่วงก่อนการเลือกตั้ง สส. คือช่วงแห่งการโกหกของเหล่าบรรดานักการเมืองจากทุกพรรคการเมือง เป็นช่วงที่แต่ละฝ่ายสาดสีสาดโคลนเข้าใส่กันอย่างดุเดือด แต่หลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อได้ทราบว่าพรรคการเมืองไหนได้ สส. จำนวนกี่ราย เมื่อนั้นก็จะพบว่านักการเมืองที่เคยด่ากันอย่างสาดเสียเทเสีย กลับสามารถผสมพันธุ์ทางการเมืองได้อย่างน่าอัศจรรย์ ราวกับว่าไม่เคยด่า ไม่เคยว่ากันและกันมาก่อน หากพวกเขาแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเมืองได้ลงตัวแล้ว การผสมพันธ์ุเพื่อแบ่งปัน (ฮั้ว)ผลประโยชน์ทางการเมืองจะดำเนินต่อไป แต่ก่อนจะรู้ผลการเลือกตั้ง ก็ต้องเข้าใจว่าช่วงของการหาเสียงคือช่วงเวลาของการฟาดฟันกันเพื่อช่วงชิงคะแนนเสียงจากประชาชน หากประชาชนยังไม่ฉลาด ก็จะตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองสามานย์ตลอดไปย้ำว่าหากประชาชนยังไม่ฉลาด และยังรู้ไม่เท่าทันกลโกงของนักการเมืองสามานย์ ตราบนั้นเมืองไทยและคนไทยก็จะประสบความปั่นป่วนโกลาหลตลอดไป 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
18:38 น. ‘กมธ.ป.ป.ช.’ ซ้ำดาบฮั้ว สว.! เรียก‘กกต.-ผู้ร้อง’ให้ข้อมูลอุดช่องโหว่-สาวขบวนการ
18:23 น. ลมกระโชกแรง! บ้านริมน้ำกระบี่ทรุดตัวพังถล่ม บาดเจ็บ 2 ราย
18:18 น. 'กมธ.ป.ป.ช.'ตีธงสอบ 2 ประเด็นร้อน เชิญ'กรมบัญชีกลาง'ขึงพืดปม'ตึก สตง.'ถล่ม
18:14 น. ล้มได้ก็ลุกเป็น ‘นิน เพชรพัณณิน’กีฬา การเมือง ชีวิต ความรัก
18:11 น. ‘ในหลวง-พระราชินี’เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันวิสาขบูชา 2568
ดูทั้งหมด
ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
(คลิป) 'ฐปณีย์' เละคาบ้าน! ด้อยค่าคนไม่เห็นด้วย 'เมียจ่าปืน' ออกโรงตอกกลับไม่ใช่ IO
'สมชาย'เคลียร์ชัดๆ ไขกระจ่าง'วิษณุ'ไปศาลอาญาทำไม?
(คลิป) หลอกหลอน 'โฆษกพรรคเพื่อไทย' ไปตลอดชีวิต
ดูทั้งหมด
สังคมที่ ‘ชิงชัง’ ทักษิณ ชินวัตร? แต่ละคนจะช่วยชาติได้อย่างไร
แต่ละคนจะช่วยชาติได้อย่างไร
ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน40) หลังอินเดียประกาศอิสรภาพ
บุคคลแนวหน้า : 11 พฤษภาคม 2568
บ่อนกาสิโน-แพทองธาร ชินวัตร : ภาพลักษณ์ไทย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘กมธ.ป.ป.ช.’ ซ้ำดาบฮั้ว สว.! เรียก‘กกต.-ผู้ร้อง’ให้ข้อมูลอุดช่องโหว่-สาวขบวนการ

ลมกระโชกแรง! บ้านริมน้ำกระบี่ทรุดตัวพังถล่ม บาดเจ็บ 2 ราย

สื่อเวียดนามจับตาไทย ผ่อนปรนขายน้ำเมาวันพระใหญ่ได้บางสถานที่ หวังกระตุ้นท่องเที่ยว

'เบสท์ ชนิดาภา'แชร์อุทาหรณ์ ถูกมิจฉาชีพหลอกสูญเงิน 1.2 ล้านบาท

แชร์อุทาหรณ์! ร้านเสริมสวย'กัดสีผม'จนหัวเหวอะ เตือนภัยต้องทำกับช่างผู้เชี่ยวชาญ

'แทมมี่'จัดใหญ่! ศึก100พลัสไทยเทนนิสลีก

  • Breaking News
  • ‘กมธ.ป.ป.ช.’ ซ้ำดาบฮั้ว สว.! เรียก‘กกต.-ผู้ร้อง’ให้ข้อมูลอุดช่องโหว่-สาวขบวนการ ‘กมธ.ป.ป.ช.’ ซ้ำดาบฮั้ว สว.! เรียก‘กกต.-ผู้ร้อง’ให้ข้อมูลอุดช่องโหว่-สาวขบวนการ
  • ลมกระโชกแรง! บ้านริมน้ำกระบี่ทรุดตัวพังถล่ม บาดเจ็บ 2 ราย ลมกระโชกแรง! บ้านริมน้ำกระบี่ทรุดตัวพังถล่ม บาดเจ็บ 2 ราย
  • \'กมธ.ป.ป.ช.\'ตีธงสอบ 2 ประเด็นร้อน เชิญ\'กรมบัญชีกลาง\'ขึงพืดปม\'ตึก สตง.\'ถล่ม 'กมธ.ป.ป.ช.'ตีธงสอบ 2 ประเด็นร้อน เชิญ'กรมบัญชีกลาง'ขึงพืดปม'ตึก สตง.'ถล่ม
  • ล้มได้ก็ลุกเป็น ‘นิน เพชรพัณณิน’กีฬา การเมือง ชีวิต ความรัก ล้มได้ก็ลุกเป็น ‘นิน เพชรพัณณิน’กีฬา การเมือง ชีวิต ความรัก
  • ‘ในหลวง-พระราชินี’เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันวิสาขบูชา 2568 ‘ในหลวง-พระราชินี’เสด็จฯทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันวิสาขบูชา 2568
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

บ่อนกาสิโน-แพทองธาร ชินวัตร : ภาพลักษณ์ไทย

บ่อนกาสิโน-แพทองธาร ชินวัตร : ภาพลักษณ์ไทย

11 พ.ค. 2568

ปากแจ๋ว ปากพล่อย อ้างวิชาการบังหน้า

ปากแจ๋ว ปากพล่อย อ้างวิชาการบังหน้า

4 พ.ค. 2568

ประเทศวิบัติ เพราะนักการเมืองโง่มีอำนาจรัฐ

ประเทศวิบัติ เพราะนักการเมืองโง่มีอำนาจรัฐ

27 เม.ย. 2568

อันวาร์, มิน อ่อง หล่าย, ทักษิณ และแพทองธาร

อันวาร์, มิน อ่อง หล่าย, ทักษิณ และแพทองธาร

20 เม.ย. 2568

แพทองธารไม่เห็นปัญหา reciprocal tariff

แพทองธารไม่เห็นปัญหา reciprocal tariff

13 เม.ย. 2568

แก้ปัญหา US tariff ด้วยสติปัญญาของแพทองธาร!!!

แก้ปัญหา US tariff ด้วยสติปัญญาของแพทองธาร!!!

6 เม.ย. 2568

แผ่นดินไหว ภัยพิบัติที่รัฐบาลไทยไม่เคยเตรียมตัว

แผ่นดินไหว ภัยพิบัติที่รัฐบาลไทยไม่เคยเตรียมตัว

30 มี.ค. 2568

ดูเตอร์เต-ทักษิณ ความเหมือนที่ต่างกันกับสงครามปราบยาเสพติด

ดูเตอร์เต-ทักษิณ ความเหมือนที่ต่างกันกับสงครามปราบยาเสพติด

23 มี.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved