จากข่าวนักท่องเที่ยวต่างชาติและประชาชนคนไทยถูกจับกุมในข้อหาเกี่ยวกับการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งมีการเรียกรับผลประโยชน์ที่มิชอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ประเทศไทยกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพราะประชาชนมีข้อมูลจากหลายประเทศกว่า ٧٠ ประเทศที่กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายและอาจมีสารพิษที่น้อยกว่าบุหรี่มวน เหตุการณ์ที่เกิดกับดาราสาวไต้หวันทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศและองค์กรตำรวจของไทยเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
จึงเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มิได้นิ่งเฉยต่อปัญหาดังกล่าวหลังจากมีการร้องเรียนไปยังเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำไปสู่การออกแนวทางปฏิบัติกรณีความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้เป็นแนวทางที่เกิดความชัดเจน ทั้งในกรณีการขายหรือให้บริการ กรณีการนำเข้า และกรณีครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า โดยกรณีการครอบครองนั้นในชั้นจับกุมให้เจ้าพนักงานผู้จับแจ้งผู้ที่จะถูกจับกุมทราบว่าการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นความผิดตามกฎหมายแต่ความผิดดังกล่าวสามารถตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากรได้ และให้พิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องหาชั่วคราวโดยไม่ต้องมีประกัน ส่วนกรณีการนำเข้าและการขายหรือให้บริการนั้นความผิดชัดเจนอยู่แล้ว แต่ปัญหาเกิดจากไม่มีบทบัญญัติกฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการครอบครอง จึงเกิดการตีความที่ไม่เหมือนกันและเกิดความสับสนแม้กระทั่งฝ่ายกฎหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็ยอมรับว่าตำรวจบางนายไม่แม่นข้อกฎหมาย
การออกแนวทางปฏิบัติดังกล่าว ทางสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอรายงานละเอียดยิบ เมื่อวันที่ ٤ มีนาคม ที่ผ่านมาจึงถือว่าเป็นการผสมผสานระหว่าหลักนิติศาสตร์และหลักรัฐศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาของสังคมแต่แนวทางปฏิบัติจะได้รับการปฏิบัติจริงหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน คงเป็นเรื่องที่สังคมต้องติดตาม โดยหลักแล้วกฎหมายก็ต้องมีวิวัฒนาการไปตามสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ก็คล้ายคลึงกับอีกหลายเรื่องในประเทศไทยที่มีทั้งผู้เห็นด้วยและผู้คัดค้าน แต่ความจริงหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือบุหรี่ไฟฟ้าสามารถพบเห็นซื้อขายกันได้โดยทั่วไป แม้จะมีการกวดขันจับกุมจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน แต่ก็ดูจะย้อนแย้งกับประเทศชั้นนำจำนวนมากที่กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าอยู่ภายใต้การควบคุมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ยิ่งในประเทศที่การบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ มาตรการห้ามแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอาจจะไม่ได้บรรุผลสัมฤทธิ์อย่างที่ได้ตั้งใจไว้
แนวทางปฏิบัตินี้จะป้องกันเหตุรีดไถซ้ำได้หรือไม่ การจับ การตั้งข้อหาหลังจากนี้จะถูกสื่อสารออกไปยังตำรวจทุกนายทั่วประเทศหรือไม่ และความเป็นจริงในทางปฏิบัติจะเป็นเช่นไรคงเป็นการเร็วเกินไปที่จะตอบคำถามได้ แต่ประเด็นดังกล่าวนี้ก็ได้จุดประกายให้สังคมกลับมาถกเถียงกันอีกครั้งว่าถึงเวลาที่จะทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่แค่ประเด็นข้อกฎหมายหรือการรีดไถประชาชน หรือเปลี่ยนส่วยเป็นภาษีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นประเด็นที่ผู้กำหนดนโยบายของประเทศต้องชั่งน้ำหนักระหว่างทางเลือกต่างๆ ที่ตั้งอยู่บนข้อมูลที่มีเหตุมีผล เชื่อถือได้ และสอดคล้องกับความคาดหวังของประชาชน รวมทั้งประโยชน์โดยรวมที่จะเกิดกับประเทศ เรามีกลไกรัฐสภาเป็นที่ถกเถียง แสวงหาข้อยุติและรับฟังเสียงและความเห็นที่แตกต่างบางทีเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าต้องเป็นอีกเรื่องที่กลไกรัฐสภาจะได้นำเสนอทางออกที่เหมาะสมให้กับประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี