ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สังคมออนไลน์ ให้ความสนใจไปที่คลิปการปราศรัย ของนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ปราศรัยหาเสียงโจมตีจุดยืนทางการเมืองของ พรรคเพื่อไทย ความตอนหนึ่งว่า...
“...พรรคก้าวไกล ต้องการมาแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน อย่างถาวร และเป็นพรรคเดียว ที่เป็นกองหน้าประชาธิปไตยตัวจริงเสียงจริง เหลืออยู่ในสภา แค่พรรคเดียวแล้วค่ะพี่น้อง พรรคที่ประกาศว่าจะแลนด์สไลด์ แลนด์สไลด์ แลนสไลด์ เป็นรัฐบาลมาถึงสองรอบแล้ว แต่ไม่เคยทำอะไรเลย
พรรคก้าวไกลไม่ใช่คนหน้าอย่างหลังอย่าง ปากบอกแบบนี้ แต่กั๊กๆ ไม่รู้จะให้อิ๊งๆ ยังงนะคะ เอ๊ะ จะไปร่วมกับพรรคลุงป้อม หรือไปร่วมกับพรรคลุงตู่ พรรคก้าวไกลไม่ทำอย่างนั้น และขอให้สัญญาไว้ตรงนี้ว่าพรรคก้าวไกล จะไม่เล่นการเมืองแบบตบจูบค่ะ เพราะว่าบางพรรคการเมืองจนถึงวันนี้ ยังไม่สามารถให้ความเชื่อใจ มั่นใจ ว่าจะไม่ผสมพันธุ์กับเหี้ยค่ะ
ฝากบอกพี่น้องเสื้อแดงที่นั่งอยู่ที่นี้และทางบ้านด้วย เราจะเอาฆาตกรที่สั่งฆ่าประชาชน 99 ศพ ในเหตุการณ์คนเสื้อแดงราชประสงค์มาลงโทษค่ะ มันลอยนวลมานานแล้ว และครั้งที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชื่อ นายสุรพงษ์ โตวิจักขณ์ชัยกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ยอม ไม่กล้าเซ็น ทั้งๆ ที่อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ ทำเรื่องเสร็จแล้ว ผ่านอัยการแล้ว ขอเพียงรัฐมนตรีต่างประเทศเซ็นชื่อแกร๊กเดียว แต่ไม่กล้าพอ เพราะฉะนั้น วิญญาณของพี่น้องคนเสื้อแดง จึงยังไม่ได้รับความยุติธรรม มึงวันนี้ 13 ปีแล้วค่ะ
เขาเป็นพรรคที่คนเสื้อแดงยอมพลีชีวิต ยอมถวายหัวเพื่อปกป้อง แต่สิ่งที่พี่น้องเสื้อแดงได้รับจากพรรคการเมืองใหญ่นั้น หลังจากรับหนังสือเขาบอกว่า จะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่งค่ะ พี่น้อง...”
1) เห็นได้ชัดว่า พรรคก้าวไกล กำลังช่วงชิงมวลชนกับพรรคเพื่อไทย และปราศรัยแบบไม่ประนีประนอม กระนั้นก็ตาม สิ่งที่เจี๊ยบ อมรัตน์ กล่วมานั้น ต้องย้อนไปตรวจสอบดูว่า สมัยที่พรรคเพื่อไทยออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ปล่อยฆาตกร ซ้อนนิรทาคดีทุจริตของโคตรญาติเจ้าของพรรค เจี๊ยบ อมรัตน์ ซึ่งเป็นแกนนำเสือ้แดงนครปฐม ทำอะไรบ้างไหม พูดอะไรบ้างไหม เคลื่อนไหวอะไรบ้างไหม ถ้าไม่ ก็นับว่าระยำพอกัน
2) 4 ปีที่ได้เป็น ส.ส.กันมา ทั้งเจี๊ยบ อมรัตน์ และพรรคก้าวไกล มีสักวินาทีหนึ่งไหมที่ทวงถามความยุตะรรมเรื่องคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดหม เพื่อจะทวงคืนความเป็นธรรมกลับมาให้ ทั้งคนเสื้อแดง และที่ไม่ใช่ รวมถึงทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ถ้าไม่ นี่ก็แค่ “วาทกรรมหาคะแนน” เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่พรรคเพื่อไทย ซึ่งในกรณีนี้ เป็นความชั่วจริงๆ ที่ทำลายหลักนิติรับนิติธรรม ปิดกั้นความเป็นธรรมที่ผู้เสียชีวิตพึงได้รับ
3) พรรคก้าวไกลกำลังร้อนรน กลัวเสียมวลชน จึงรีบออกมา “ยกตนข่มท่าน” ว่าดิฉันนี่สิคะ มารดาแห่งประชาธิปไตย มิใช่นางอิ๊งๆ อะไรนั่น แต่ก็นั่นแหละ นอกจากสร้างวาทกรรมไปวันๆ ความเอาจริงเอาจังกลับสวนทางกับความ “ขยันพูด”
4) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าทุกพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งก็ต้องอยากเป็นรัฐบาลทั้งนั้น แต่การจะมาเป็นรัฐบาลได้ต้องมาอย่างสง่างามด้วย ไม่ใช่แค่คิดถึงจำนวนอย่างเดียวจนลืมดูอุดมการณ์ ย้ายพรรคกันไปมาตามสภาพดินฟ้าอากาศ
ถ้ารัฐบาลหน้ามีชื่อประยุทธ์-ประวิตร เมื่อไหร่ ผมเชื่อมั่นว่าพรรคก้าวไกลเขาก็พร้อมเป็นฝ่ายค้านได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ถ้าพี่น้องอยากเปลี่ยนแปลง ก็กาทั้งสองใบให้ก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาลให้ได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้สำเร็จครับ
5) นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อดีตนักเคลื่อนไหวการเมืองนอกรัฐสภาชื่อดังตั้งแต่ยุค 14 ตุลาคม 2516 -6 ตุลาคม 2519 -เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 -กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้ความเห็นทางการเมืองถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของพรรคก้าวไกลว่า จริงๆ แล้ว พรรคก้าวไกล ก็เป็นพรรคการเมืองที่ดีพรรคการเมืองหนึ่ง มีความตั้งใจที่จะสร้างพรรคขึ้นมาทำงานในเชิงมีหลักการและอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ว่ามันเหมือนสมัยพวกเราเป็นนักศึกษาหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่มีความตื่นตัว และมีความเร่าร้อนเกินความจำเป็น มักจะมีอาการออกไปทางสุ่มเสี่ยงเอียงซ้าย ตามภาษานักทฤษฎีการเมืองและมักจะมองคนอื่นเป็นพวกปฏิกิริยาล้าหลัง
แนวความคิดแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากพวกเรดการ์ดในจีนสมัยหนึ่ง พรรคก้าวไกลต้องปรับตัวเองและสลัดคราบความคิดที่จะไปถึงขนาดจะไปเปลี่ยนแปลงระบอบโครงสร้างการปกครองประเทศ เปลี่ยนแปลงระบอบสถาบันฯ ยกเลิกกฎหมายอะไรต่างๆที่มันยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นข้อเรียกร้องของประชาชน ในฐานะพรรคการเมืองที่เข้ามาตามระบอบของรัฐสภาและการเลือกตั้ง ที่มันไม่ได้มวลชน ไม่ได้แนวร่วม ไม่ได้ผู้สนับสนุนทำให้ตัวเองโดดเดี่ยว เรียกว่า เดินกลยุทธ์การเมืองผิด โดยหากพรรคก้าวไกลปรับตัวเอง และทำงานเหมือนกับที่ทำงานอยู่ในสภาฯในช่วงที่ผ่านมา ไปเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน จะดีกว่าที่จะไปเล่นเกมบนท้องถนน หรือไปท้าทายอำนาจศาล ไปอะไรกับสถาบันฯ ที่ไม่ใช่แนวทางที่ถูกของพรรคการเมือง
“ผมเชื่อว่าหากพรรคก้าวไกลปรับตัวเองและมีท่วงทำนองที่มีความสุภาพ แล้วก็สร้างนโยบายที่เป็นประโยชน์ของมหาชน ก็ทำให้ก้าวไกลมีโอกาสจะขึ้นไปแทนพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยมีแต่จะถอยลงมา เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นพรรคของทักษิณ คนในพรรคเพื่อไทยที่มันไม่กล้าพูดเพราะมันโกหกตัวเองทั้งนั้น แม้แต่คนเสื้อแดง ก็ยังแตกหนีออกไป ซึ่งถ้าก้าวไกลปรับตัวเอง ปรับกลยุทธ์ ปรับนโยบาย ก้าวไกลก็มีโอกาสเติบโตได้ เพราะหากดูจากหน้าเสื่อการเมืองตอนนี้ ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งที่สุดตอนนี้ ก็คือพรรคก้าวไกล ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ก้าวไกลก็เหมือนกับประชาธิปัตย์ สมัยเป็นฝ่ายค้าน แต่ว่าก้าวไกลเล่นประเด็นสะเปะสะปะกับประเด็นที่ไม่ควรไปเล่น เลยไม่ได้คนทุกชนชั้นมาเป็นแนวร่วม เป็นมิตรกันทางการเมือง”
นายประพันธ์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้ามาเป็นนายกฯรอบสองหลังเลือกตั้งปี 2562(ม็อบสามนิ้ว) ไม่สามารถเรียกมวลชนให้มาร่วมเคลื่อนไหวด้วยได้มาก เหมือนตอนพันธมิตรฯ หรือ กปปส.เคลื่อนไหว ทำให้เมื่อไม่มีมวลชนเข้าร่วมด้วย พลังเคลื่อนไหวก็ไปไม่ได้ ทำให้มาถึงตอนนี้ พลังในส่วนของกลุ่มที่เคลื่อนไหวดังกล่าว ก็อ่อนแรงและถดถอยไปเยอะ ไม่มีศักยภาพพอที่จะไปปลุกเร้าประชาชนให้มาเข้าร่วม อีกทั้งแกนนำหลายคนก็ถอดใจไปเยอะเพราะถูกดำเนินคดีหลายสิบคดี เสียอนาคตตัวเองไปเยอะ ผมจึงมองว่าพลังที่จะมาเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ยกเลิกมาตรา 112 มันไม่น่าจะเกิดขึ้น
พรรคก้าวไกลจึงควรรู้ว่าจุดขายของตัวเองอยู่ที่ไหน เขาสำคัญตัวเองผิดหรือไม่ ว่าจุดขายของพรรคไม่ใช่อยู่ที่จุดนี้ แต่พรรคก้าวไกลควรทำตัวเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีนโยบายก้าวหน้า รวมถึงต้องตอบให้ได้ว่า หากคนเลือกพรรคก้าวไกล แล้วจะพาสังคมไทยไปสู่สังคมแบบไหนในแต่ละด้าน จะแก้ปัญหาเรื่องความยากจน ความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมด้วยวิธีไหน และจะทำให้สำเร็จภายในกี่ปี ด้วยพลังของพวกคุณ คนรุ่นใหม่ อีกทั้งพรรคก้าวไกลควรตอบให้ได้ว่าจะดูแลประเทศในอนาคตอย่างไร
เขายังไม่ชัดเจนในเรื่องอุดมการณ์และแนวทาง และนโยบายด้านต่างประเทศของก้าวไกล ก็ไม่ชัดเจน คุณกำลังจะพาประเทศไปอยู่ในลักษณะเป็นเครื่องมือ เป็นสมุนหรือบริวารของพวกมหาอำนาจ ไม่เหมือนนโยบายของผู้นำประเทศในช่วงที่ผ่านมาที่เขาพยายามบาลานซ์ถ่วงดุลอำนาจ เขาไม่เทคไซด์ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่เขาจะคบหมดทั้งรัสเซีย จีน สหรัฐอเมริกา ที่ทำให้เกิดการ Balance of Power ได้ จนเราไม่ตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกทำลายของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เขากำลังพยายามพาประเทศไปเทคไซด์อยู่กับสหรัฐอเมริกา
“มีหลายเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องทบทวนตัวเอง ซึ่งหากเขาทบทวนตัวเอง แล้วก็สร้างมโนภาพให้ประชาชนเห็นว่า ถ้าเลือกผม คนรุ่นใหม่ จะพาประเทศชาติไปอย่างไร ต้องอธิบายให้ชัดเจน แต่ถ้าอีกห้าสิบปี ร้อยปีข้างหน้า สังคมอาจจะเปลี่ยนรูปเปลี่ยนร่างไปแล้ว ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ ณ วันนี้มันยังไม่ใช่ ก็เท่านั้นเอง”
6) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr มีเนื้อหาดังนี้...
อยากบอกพรรคก้าวไกลว่า หากต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีจริง อย่าได้หมกมุ่นอยู่กับการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วหันมาสร้างและพัฒนาคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าที่ยังไร้ระเบียบวินัยให้มีระเบียบวินัย ให้รู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น ให้นึกเสมอว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำจะไปกระทบหรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนหรือไม่อย่างไร และมุ่งพัฒนาคนแบบตรงจุดอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นดีกว่า แล้วพรรคก้าวไกลจะได้คะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ที่ยังเคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ ยังมีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ชอบพรรคก้าวไกลแต่ติดตรงทัศนคติของพรรคที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น
สรุป : พรรคก้าวไกลเล่นการเมืองด้วยท่าทีลำหักลำโค่น เน้นโชว์พฤติกรรมปะฉะดะ แต่ลองหาเรื่องที่เขา “ทำอย่างจริงจัง” ด้วย “วิธีการที่ดี” ที่มุ่งไปสู่ “ความสัมฤทธิ์ผล” ให้เจอสักเรื่องสิครับ ไม่มีเลย และเมื่อไม่สำเร็จ เพราะท่าทีและวิธีการของเขา กำหนดไว้แล้วให้ไม่สำเร็จ เขาก็จะโยนให้เป็นความผิดของคนอื่น พรรคอื่น และระบบ แล้วกันไปปลุกความก้าวร้าว โกรธ เกลียด เกรี้ยวกราด ให้แก่มวลชนของตนต่อไป
จึงน่าเสียดายว่า พรรคการเมืองที่สามารถดึงคนรุ่นใหม่ให้มาสนใจและกระตือรือร้นกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ ไม่สามารถสร้างมวลชนที่มีหลักการ เหตุผล และเลือกวิธีที่จะไม่สร้างผลกระทบ ทำสังคมแตกแยก เผชิญหน้ากัน
จะเพราะขี้เกียจ ไร้ปัญญา หรือว่าสันดานเป็นเช่นนี้
หรือเพราะนี่คือ “วิธีที่ง่ายที่สุด” ที่จะได้คะแนน โดยไม่ต้องลงมือทำ แค่อาศัยปลุกปั่นเก่งก็พอแล้ว
ฝากสังคมไทยพิจารณาครับ.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี