พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ มรณภาพ เมื่อวานนี้
ท่านละสังขารด้วยความสงบ หลังอาพาธไตวายเฉียบพลัน
1. เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.2566) เฟซบุ๊กส่วนตัวของพระกิตติศักดิ์ Phra Kittisak แจ้งข่าวการมรณภาพ ระบุว่า
“หลวงลุงละสังขารด้วยความสงบ
เมื่อเวลา 9.09 น. วันที่ 23 เมษายน 2566 ณโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม
จึงแจ้งมาเพื่อทราบค่ะ”
ก่อนหน้านั้น เพิ่งจะอัปเดตความคืบหน้าอาการอาพาธ ระบุว่า
“เรียนกัลยาณมิตรของพระอาจารย์กิตติศักดิ์
ตอนนี้พระอาจารย์อาพาธเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
และเมื่อวันพฤหัสฯท่านมีอาการไตวายเฉียบพลัน และตรวจพบอาการต่อเนื่องว่ามีเลือดในกระเพาะอาหาร
ตอนนี้พระอาจารย์ยังอยู่ในไอซียู
และวันนี้ พบว่า หลังจากมีการแก้ปัญหาเรื่องแผลในกระเพาะอาหารเมื่อวานแล้วยังมีเลือดออก
ทางทีมแพทย์ได้แก้ปัญหาอีกครั้ง
อาการ ณ ตอนนี้ ถือว่าท่านยังอยู่ในขั้นวิกฤติ
น้อยเห็นว่าหลายท่านถามมาด้วยความห่วงใย น้อยจึงตัดสินใจโพสต์อาการท่านคร่าวๆ โดยที่ยังไม่ได้ขออนุญาตจากท่าน น้อยจึงขอแจ้งแค่นี้นะคะ
ทำไมน้อยมาโพสต์ในเฟซท่าน เพราะตอนนี้น้อยถือโทรศัพท์ท่านอยู่แต่น้อยไม่ได้ Log Out ค่ะ และหลายคนไม่ได้เป็นเพื่อนบนเฟซน้อย
หลังจากน้อยแจ้งข่าวแล้ว น้อยจะไม่โพสต์ที่เฟสพระอาจารย์อีกนะคะ เพราะรู้สึกว่าไม่เหมาะ รอให้ท่านหายดีแล้วให้ท่านมาโพสต์แจ้งเอง หรือท่านอนุญาตให้โพสต์ถึงจะโพสต์ค่ะ
กัลยาณมิตรหลายท่านของพระอาจารย์ไม่รู้จักน้อยอาจจะสงสัยว่าน้อยเป็นใคร ขออนุญาตแนะนำตัวเสียเลยนะคะ
น้อยทำงานกับพระอาจารย์มา 20 กว่าปีค่ะ ตั้งแต่ก่อนพระสุพจน์ สุวโจ จะมรณภาพ
ช่วยกันเรียกร้องในคดีพระสุพจน์และงานอื่นๆ ค่ะ และทุกวันนี้ก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในสวนเมตตาธรรมค่ะ
และกราบขอบคุณทุกๆ การช่วยเหลือจากทุกๆ ท่าน แทนพระอาจารย์ด้วยนะคะ
น้อยขออนุญาตไม่ตอบข้อความ ไม่รับโทรศัพท์นะคะ และน้อยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พลังใจจากทุกๆ ท่าน จะนำพาให้พระอาจารย์ท่านผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้
เพราะหมอเองบอกว่าพระอาจารย์ท่านมีสติดีมากช่วยให้การรักษาของหมอง่ายขึ้นเยอะ
ขอขอบคุณมาอีกครั้งค่ะ...”
2. หลังการมรณภาพ คุณน้อยได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Apavadee Ngamkum ระบุว่า
“กราบลาหลวงลุงด้วยความเคารพ
เดินทางสู่สัมปรายภพด้วยความราบรื่น
ไม่ต้องห่วงหนู ไม่ต้องห่วงหมา ไม่ต้องห่วงสวน หนูจะดูแลให้ดีที่สุด
ขอบพระคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา
ไม่ว่าทุกข์หรือสุขความเป็นความตายที่เราร่วมเผชิญกันมา เราสองคนรู้ดีที่สุด
เจอหลวงพี่สุพจน์ เจอหลวงพี่มหา เจอหลวงพี่สุทัศน์ ฝากกราบด้วย
หลวงพี่คงเจอน้องกล้วย น้องเตย ลุงลัคกี้ พี่นิลแล้ว หลวงลุงก็ไม่เจ็บไม่ปวดด้วย
แล้วสักวันหนึ่งถ้าบุญมีเราคงได้เจอกัน...
มีอะไรที่เราติดค้างกันขออโหสิกรรมต่อกันนะคะ
ออ..หลวงลุงรับปากหนูแล้วนะว่าถ้าหลวงลุงตายก่อนหนูหลวงลุงจะไม่มาหลอกหนู
ด้วยรักและเคารพ”
3. พระกิตติศักดิ์ เป็นพระสงฆ์สายพระอาจารย์พุทธทาสภิกขุ
เป็นพระที่ปลีกวิเวกไปพำนักอยู่ที่สำนักปฏิบัติสงฆ์ สวนป่านเมตตาธรรม
รักสุนัข เลี้ยงสุนัขบางแก้วไว้ในสวนป่าเมตตาธรรมหลายสิบตัว
เมื่อสัก 20 ปีกว่ามาแล้ว เป็นพระนักกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ จุดยืนต่อต้านระบอบทักษิณ และร่วมเผยแพร่คำสอนอาจารย์พุทธทาสภิกขุร่วมกับพระสุพจน์ สุวโจ ซึ่งถูกฆาตกรรมที่สวนป่าเมตตาธรรม เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2548 โดยสภาพศพถูกฟันเหวอะหวะ จนบัดนี้ ก็จับใครไม่ได้
ท่านพำนักอยู่ที่ สวนป่าเมตตาธรรม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่เรียกร้องการคลี่คลายคดีฆาตกรรมพระสุพจน์มาโดยตลอด
ขณะเดียวกัน สวนป่าเมตตาธรรมก็ถูกข่มขู่ คุกคาม จากกลุ่มอิทธิพลมืดมาโดยตลอด
เคยมีการบุกรุก การยิงปืนขู่ เหตุลอบวางเพลิง คนงานเสียชีวิตอย่างปริศนา ฯลฯ
พระกิตติศักดิ์เอง เคยกล่าวด้วยว่า รู้สึกกังวลกับการใช้ชีวิตอยู่ในมูลนิธิฯ เนื่องจากไม่รู้จะเกิดเหตุอะไรที่รุนแรงอีก ป้องกันตัวยาก
“มีการบุกรุกป่า มีการข่มขู่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2545 ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่น่าสงสัยกับคดีนี้ ก็มีคนใกล้ชิดนักการเมืองระดับชาติแถวนี้ เมื่อเกิดเหตุอะไรก็เข้ามาเกี่ยวข้องทุกครั้ง คงไม่ใช่กลุ่มอื่น เพราะทางมูลนิธิฯ ไม่มีศัตรู ออกบิณฑบาตชาวบ้านก็เป็นมิตร และมูลนิธิฯไม่เคยหนักใจกับชาวบ้าน แต่ต้องการให้คนที่ทำงานด้านชุมชนได้ทำงานเต็มที่ ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ต้องเกรงกลัวอำนาจมืด” พระกิตติศักดิ์ กล่าว
พ.อ.ปิยวัฒก์ กิ่งเกตุ อดีตผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เคยกล่าวในเวทีเสวนา “4 ปีคดีพระสุพจน์ : บทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมและสังคมไทย” ระบุว่า การวางแผนคดีฆาตกรรมดังกล่าว บุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีความรู้ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจึงพบว่ามีความพยายามในการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น มีดที่ใช้ก่อเหตุ บุหรี่ก้นกรอง ในส่วนคนร้ายมีการแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน และเชื่อว่ามีผู้เกี่ยวข้องหลายราย หลังจากลงไปสืบพบผู้ที่คาดว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องบางคนได้ถูกตัดตอนไป...”
4. พระอาจารย์กิตติศักดิ์ เป็นคนพูดตรง พูดแรง ก่อนจะอาพาธ ท่านทำกิจกรรมอย่างเข้มแข็ง
กัลยาณมิตรต่างศาสนาของพระอาจารย์กิตติศักดิ์ เคยเขียนถึงท่านไว้ว่า
“ตั้งแต่ผมนายเบดูอิน ห่างเหินจากกิจกรรมที่เคยทำในการเคลื่อนไหว ร่วมกับองค์กรต่างๆ มาอย่างยาวนาน ก็ทำให้ห่างจากมิตรสหาย ไปมากทีเดียว
หนึ่งในกัลยาณมิตร ที่สนิทและยังคิดถึงอยู่ก็คือ พระกิตติศักดิ์กิตติโสภโณ จากกลุ่มเสขิยธรรม และท่านก็เป็นประธานมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
กิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ถือว่าเป็นพระในสายของท่านพุทธทาสภิกขุ เป็นพระนักกิจกรรมที่ล้ำยุคเสมอ
ท่านไม่ใช่พระที่ใบ้หวย บอกเบอร์ เสกเครื่องรางของขลัง ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นพระที่เผยแพร่ ศาสนาด้วยเทคโนโลยีเฉกเช่นท่านพระปลัด
กลุ่มเสขิยธรรม เป็นกลุ่มที่ต้องการนำพุทธศาสนาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับศาสนาอิสลาม ไม่ต้องการเห็นศาสนาพุทธเป็นเพียงสิ่งที่ปฏิบัติเฉพาะกับพระ และจำกัดพื้นที่ภายในวัดเท่านั้น
เมื่อมีภารกิจสานสัมพันธ์เมื่อใด ท่านจะนึกถึงถึงผมเสมอๆเราจะร่วมกันคิดร่วมกันทำในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆไปจนถึงเรื่องละเอียดอ่อน
อีกท่านหนึ่งที่มักจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันคือบาทหลวงวิชัย โภคทวี
ผมมักจะนั่งสนทนากับกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ในเรื่องศาสนาแบบลึกๆ แต่เราไม่เคยเถียงกันในเรื่องเหล่านี้เลย เพราะเราต่างเข้าใจกันในเบื้องต้นแล้วว่า พุทธกับอิสลาม ทำอย่างไรก็ไม่เหมือนกันแน่นอน คนละศาสนา คนละความเชื่อ จะให้มาเหมือนกันคงไม่ได้แน่ เราหลีกเลี่ยงที่จะบอกว่าศาสนาใดดีกว่าศาสนาหนึ่ง หรือศาสนาหนึ่งเลว ศาสนาหนึ่งดี เราคุยกันในสาระแก่นสารของศาสนาแลกเปลี่ยนอย่างคนที่ใคร่รู้ และเข้าใจซึ่งกันและกัน
หลายครั้งที่ได้เวลาละหมาด(นมาซ) ท่านจะเตือนผมว่า เบดูอิน ได้เวลาแล้ว หรือได้เวลาฉันเพล ผมก็จะบอกท่านว่าท่านไม่หิวหรือ...อะไรทำนองนี้
ช่วงที่เกิดสึนามิ เราก็ลงไปเยี่ยมเยียนพี่น้อง ทั้งชุมชนพุทธและมุสลิม ผมก็ใส่หมวกแบบมุสลิมเดินคู่ไปกับพระ ไปชุมชนมุสลิมผมก็ให้ กิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ คุยกับผู้นำศาสนา อิสลาม เสียดายที่ผมหาภาพเหล่านั้นไม่เจอ
ยิ่งช่วงที่เกิดเหตุการณ์ภาคใต้ใหม่ๆ พวกเรา สามศาสนา จะออกเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มแรกๆ ผมว่า คำว่าสมานฉันท์ นี่กลุ่มพวกเราก็ดูจะเป็นผู้ริเริ่มคำคำนี้ด้วยซ้ำไป เราจัดอภิปรายพร้อมแถลงข่าวบ่อยมากในระยะนั้น
แต่เมื่อมีองค์กรอื่นทำ พวกเราก็เปลี่ยนไปเคลื่อนไหวอย่างอื่นแทน แต่สิ่งที่เราไม่เคยทิ้งกันเลยก็คือเรื่องศาสนสัมพันธ์ การสร้างความรักความเข้าใจให้แก่กันและกัน
บันทึกนี้เกิดขึ้นจากความคิดถึงกัลยาณมิตรหลายๆ ท่านโดยเฉพาะหลวงพ่อหลวงพี่ทั้งหลายที่เคยร่วมงานกันมา.....”
5. สุดท้าย ก่อนที่พระกิตติศักดิ์จะเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ ท่านได้เขียนบทกวีธรรมะ บทสุดท้าย
โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก Phra Kittisak ระบุว่า
“พบหลักชัยร่มรื่นชื่นใจนัก
พบความรักความชังดังใจหมาย
พบความดีความงามความเป็นตาย
พบวิมุตสุดท้ายในจริงลวง”
โอกาสนี้ ขอกราบนมัสการลาพระอาจารย์กิตติศักดิ์ ด้วยความเคารพนับถือในหัวใจและจิตวิญญาณของท่านอย่างที่สุด
6. สำหรับสวนป่าเมตตาธรรมรักษ์ มีที่มาจากอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ยกพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ให้มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ใช้เป็นสถานปฏิบัติธรรมเมื่อปี 2541
“มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์” เป็นองค์กรบริหารงาน ขึ้นทะเบียนโดยสมบูรณ์ในปี 2545 และมอบพื้นที่กว่า 800 ไร่ให้เป็นป่าชุมชน ซึ่งมีเนื้อที่สวนป่าเหลืออยู่กว่า 450 ไร่ เนื้อที่สถานปฏิบัติธรรม 80 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นป่าสงวนเสื่อมสภาพ ที่สถานปฏิบัติธรรมพยายามฟื้นฟูสภาพป่า
อย่างไรก็ตาม มีนายทุนและคนของนักการเมืองพยายามบุกรุกยึดครองตั้งแต่ช่วงปี 2545 จนเกิดปัญหาความขัดแย้งกันหลายครั้ง
หลังการมรณภาพของพระกิตติศักดิ์ น่าสนใจว่า อนาคตของสวนป่าเมตตาธรรม จะเป็นอย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี