จำเลยคดีอาญา ละเมิดมาตรา 112 ขบถในราชอาณาจักรและอื่นๆ อีก 25 ข้อหาซึ่งลงสมัคร สส.ในนามพรรคก้าวไกล บอกกับ สำนักข่าวรอยเตอร์สว่า “หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยคุณต้องเคลื่อนไหวเดินหน้าพร้อมกันทั้งบนถนนและในสภา”ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกดผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล จังหวัดปทุมธานี บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส
พิเคราะห์จากการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวต่างประเทศบ่งชี้ว่า เธอต้องการส่งสารให้ฝรั่งตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเข้าใจสถาบันฯและกฎหมายในแง่ลบ
เพราะสำนักข่าวรอยเตอร์สเสนอแต่ความเข้มงวดรุนแรงของกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าบังคับใช้อย่างเข้มข้น และมีบทลงโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี ต่อจำเลยที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รอยเตอร์สก็เหมือนสื่อตะวันตกทั่วไป ที่ฝักใฝ่ฝ่ายปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ดังนั้น การที่สำนักข่าวต่างประเทศติดตามทำข่าวจำเลยคดีอาญา มาตรา 112 ไม่ได้มีเป้าหมายจะนำเสนอบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง วันที่14 พฤษภาคม ที่จะมาถึงแต่อย่างใด เพราะรอยเตอร์สได้บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า หากศาลตัดสินว่าเธอมีความผิดในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเธอจะขาดคุณสมบัติในสภานิติบัญญัติ“หน้าที่ในสภาของเธอก็จบลง”
ผู้เขียนทำข่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สมา 10 กว่าปีที่ไม่เคยเสนอข่าวผู้สมัครที่ไม่ใช่ตัวแปรของการเลือกตั้ง หรือ ผู้สมัครที่ไม่มีโอกาสชนะเลือกตั้ง ตามคติของสำนักข่าวที่ว่า บิ๊กเนมส์ บิ๊กนิวส์ เพราะสำนักข่าวต่างประเทศ มีเป้าหมายให้คนทั่วโลกได้รับรู้ข้อมูลที่มีนัยจากการเลือกตั้งทั่วไป
แต่รอยเตอร์สยุคใหม่ที่เปลี่ยนไปเป็น “ธอมสัน รอยเตอร์ส” เมื่อวันที่ 19 เมษายนส่งผู้สื่อข่าวคนไทยไปติดตามการหาเสียงของจำเลยคดีละเมิดกฎหมายปกป้องสถาบัน โดยรอยเตอร์สพาดหัวข่าวว่า
“วัยรุ่นไทย(จำเลยอายุ 30 ปีรอยเตอร์สยังพาดหัวว่า Young Thai) ผู้มีคำถามราชวงศ์แสวงหาชนะที่นั่งในสภา” และให้รายละเอียดในเนื้อข่าวว่า ที่จังหวัดปทุมธานี จำเลยคดี 112 ที่มีปัญหากับราชวงศ์เดินเคาะประตูบ้านหาเสียงด้วยความหวังชนะเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกด เดินสายเคาะประตูบ้านแล้วบ้านเล่าขอให้ประชาชนลงคะแนนให้เธอในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ถึงแม้ว่าเธออาจถูกศาลตัดสินจำคุกในเวลานั้น (วันเลือกตั้งหรือก่อนเลือกตั้ง) ในข้อหาขบถในราชอาณาจักรและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพระหว่างการประท้วงที่ไม่เคยมีมาก่อนในปี 2563
หญิงวัยสามสิบปี เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวหลายร้อยคนจากขบวนการ นักศึกษาที่ประท้วงในสิ่งต้องห้ามจากท้องถนนมาสู่หีบบัตรลงคะแนนในฐานะผู้สมัครเลือกตั้งพรรคก้าวไกล
ปี 2563 ลูกเกด กับพวก นำเรื่องบทบาทของราชวงศ์ มาประท้วงในสังคมอย่างเปิดเผย ซึ่งตามรัฐธรรมนูญพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพตามกฎหมาย และการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพผิดกฎหมายเข้มงวด ที่รู้จักกันว่า มาตรา 112 เป็นกฎหมายปกป้องสถาบัน การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีบทลงโทษจำคุกสูงสุดถึงสิบห้าปี รอยเตอร์สไม่ได้ให้รายละเอียดว่ามีน้อยคนนักที่ถูกจำคุกถึงสิบปี และมาตรา 112 มิเคยลงโทษใครหากไม่จาบจ้วงสถาบันสูงสุดที่คนไทยส่วนใหญ่เทิดทูนเหนือสิ่งใด
ลูกเกดผู้สมัคร สส. พรรคก้าวไกล บอกกับรอยเตอร์สว่า“ต้องการให้กฎหมาย(มาตรา 112) ผ่านการแก้ไขไม่ใช่ยกเลิกนี่เป็นประเด็นที่ลูกเกดในนามพรรคก้าวไกลรณรงค์ให้ลดความรุนแรงของบทลงโทษการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ และเสริมว่า...
“หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทย คุณไม่สามารถฝากความหวังไว้กับการประท้วงบนถนนอย่างเดียวหรือในสภาเพียงเท่านั้น” ลูกเกดบอกรอยเตอร์ส ระหว่างการหยุดพักจากหาเสียงว่า “ทั้งสองแนวทางจำเป็นต้องเคลื่อนไหวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน”
ปี 2563 ผู้ประท้วงเริ่มจากการต่อต้านทหารที่ครอบงำการเมืองมาตั้งแต่หลังยึดอำนาจในปี 2557 และการเลือกตั้งที่มีข้อครหา 5 ปีต่อมา ผู้ประท้วงเปิดพื้นที่กว้างออกไป โดยตั้งคำถามเรื่องอำนาจของราชวงศ์ ผู้ประท้วงชี้ให้เห็นในสิ่งที่พวกเขาทึกทักเอาเองถึงอำนาจที่ไม่เหมาะสมระหว่างกองทัพกับสำนักพระราชวัง ที่ให้ความชอบธรรมกับกองทัพที่เข้ามาแทรกแซงรัฐบาลจากการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า
กองทัพชี้แจงว่า เพียงแต่เข้ามาแทรกแซงการเมืองพลเรือน เมื่อกองทัพเห็นว่าชาติอยู่ในภาวะใกล้เป็นรัฐล้มเหลว กองทัพเข้ามากอบกู้เมื่อชาติอยู่ในภาวะวิบัติและไม่เคยแทรกแซงการเลือกตั้ง รอยเตอร์สรายงานว่า สำนักพระราชวังไม่แสดงความเห็นเรื่องการเมือง
รอยเตอร์สรายงานด้วยว่า ในที่สุดผู้ประท้วงก็ถูกปราบปราม โดยส่วนใหญ่แกนนำการประท้วงถูกดำเนินคดี ตามกฎหมายหลายร้อยคน และปัจจุบันนี้กำลังสู้คดีในศาล
ลูกเกด กล่าวว่าเธอถูกดำเนินคดีอาญา 28 ข้อหา รวมทั้งสองคดี เป็นข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งอาจทำให้เธอจบอาชีพในสภา ถ้าเธอชนะเลือกตั้ง เพราะผู้ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกขาดคุณสมบัติเป็นฝ่ายนิติบัญญัติตามกฎหมาย
ทั้งหมดที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่าผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญารวมทั้งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสองคดี ที่ตัวจำเลยรู้ดีว่า ไม่มีโอกาสได้เป็นสส.เพราะต้องคดีร้ายแรง แต่ลงสมัคร สส.ในนามพรรคก้าวไกล และให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ส เพื่อส่งสารไปให้ประเทศตะวันตกเข้าใจในอุดมการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯของเธอ และพรรคก้าวไกล
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี