ที่คุยโวโอ้อวดเอาไว้เยอะระหว่างเดินสายหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เมื่อได้รับโอกาสแล้วจากประชาชนที่หลงเล่ห์ “ยุทธศาสตร์ก้าวไกล - การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่ไอ้ส์อีส์ขึ้นเวทีสำรอกสำรากล้วนตอแหล แถเหตุมากมายหลายเรื่อง นโยบายหาเสียงใช้หลักมโนว่าจะเป็นอย่างนั้นเยี่ยงนี้แล้วจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ นักการเมืองรุ่นใหม่กับพฤติกรรมการเมืองอย่าง “ไดโนเสาร์เต่าล้านปี” อย่างนี้ การเมืองจะดี ปากท้องดี มีอนาคตจริงหรือ
แค่เรื่องแรก เดินเข้าไปหาสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อจะโชว์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกเบิกเนตรเรื่องค่าแรง 450 บาททำทันทีที่เป็นรัฐบาล ก็โดนกรรมการสอท.ตบปากแตกจนแดกของเผ็ดไม่ได้เสียแล้ว ยังจะดิ้นเดินสายพบสภาองค์การลูกจ้างฯตอแหลค่าแรง 450 บาท
แต่เวลาออกสื่อกลับแถว่า “พรรคก้าวไกล” เป็น “รัฐบาลผสม” ทางพรรคเพื่อไทยก็เสนอขึ้นค่าแรงเป็น 600 บาทต่อวันภายในปี 2570 ดังนั้นก็ต้องหารือกันในพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง แสดงว่านโยบายที่ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงสำรอกสำรากเพื่อเกทับบลัฟแหลกพรรคการเมืองคู่แข่งเท่านั้น เพื่อปกปิดไม่ให้สังคมเห็นความไร้เดียงสา ว่าการปรับอัตราค่าแรงงาน ต้องขึ้นตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ ประสิทธิภาพของแรงงาน
ถัดมาวันเดียว “หมอเดชา ศิริภัทร” เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) หมอพื้นบ้านเมืองสุพรรณบุรี เล่าความหลังเมื่อครั้ง “สังคมไทย”เคลื่อนไหวให้นำ “กัญชา”ออกจากยาเสพติดเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ นักเรียนนอกชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ก็อุตส่าห์ร่วมกิจกรรมนี้ ไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อยกล่าวหาใส่ร้าย แต่กลับมีคลิปวีดีโอที่หนุ่มนักเรียนนอกที่ชื่อ “ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ร่วมกิจกรรมนี้ แถมยังคุยโวโอ้อวดถึงการสร้างรายได้จากภาษีกัญชา และการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างในสหรัฐอเมริกาด้วย
ที่สำคัญที่สุดพฤติกรรม “ปากว่าตาขยิบ” อย่าง “กรณีการแก้ไข/ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112” ที่ไม่ได้มีระบุไว้ในเอ็มโอยู เพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ แต่พรรคก้าวไกลจะดำเนินการตามภาระหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งยังระบุไว้ในตอนบนของเอ็มโอยูด้วยว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” เสมือนหนึ่งว่าจะไม่มีการดำเนินการเรื่องนี้ จน “บิ๊กป๊อก - ปิยบุตร แสงกนกกุล”ออกมาตัดพ้ออดีตปรปักษ์ว่า การนำข้อความนี้มาไว้ใน เอ็มโอยู อาจจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของสส.พรรคก้าวไกลในรัฐสภา
แค่การนำนโยบายที่นำเสนอต่อสังคมไทยในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง “พรรคก้าวไกล”ยังไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตรรกะต่างๆ นานา แล้วเรื่องอื่นใดจะยังสามารถดำเนินการได้จริงหรือ
พระพุทธองค์ตรัสสั่งสอนไว้ว่า นตฺถิ อการิยํ ปาปํมุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน “คนมักพูดมุสา จะไม่พึงทำชั่วย่อมไม่มี” คนที่มักพูดมุสา คือคนที่พูดปดอยู่เป็นประจำ เป็นคนเหลาะแหละหละหลวม ไม่มีสัจจะ ไม่มีความจริงใจให้ใคร เป็นคนกลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ คนที่พูดมุสาคือโกหกอยู่เสมอ ถือเป็นคนไม่ดี เพราะการที่เขาพูดโกหกนั้นก็เป็นการประพฤติชั่วทางวาจา ที่เรียกว่า วจีทุจริต ทุกครั้งที่เขากล่าวคำมุสา นั่นคือการทำชั่ว
และคนที่โกหกอยู่เสมอนั้น ย่อมมีแนวโน้มที่จะทำความชั่วอย่างอื่นด้วย การที่คนโกหกจะไม่ทำความชั่วอย่างอื่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น คนที่มักพูดมุสาคือโกหกอยู่เสมอนั้น จึงเป็นบุคคลที่คบไม่ได้อีกประเภทหนึ่ง จัดอยู่ในจำพวกคนพาล พึงหลีกเว้นเสียให้ไกล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี