7 วันที่ผ่านมาแสดงให้เห็นความอ่อนพรรษาของสามเณรไร้เดียงสาที่เพิ่งจะผ่านการบรรพชาเป็นพระอันดับในทางการเมือง ไร้เดียงสาด้วยอาการด้อยประสบการณ์หรือขาดการอบรมสั่งสอนจากบุพการี เป็นประเด็นที่สังคมไทยต้องตริตรองศึกษากันไม่น้อย แต่ประเด็นหนึ่งที่ไม่ต้องตริตรองเพราะพฤติกรรมค่อนข้างชัดเจนคือเรื่องของ “มารยาท”
ที่ถือว่า “ศีลเสมอกัน” อย่างมาก จนไม่น่าแปลกใจ
“มารยาท” หรือ หรือ จรรยา, จริยา, มรรยา ประมวลพฤติกรรมซึ่งวางกรอบความคาดหมายสำหรับพฤติกรรมทางสังคมตามบรรทัดฐานตามปกติร่วมสมัยภายในสังคม จำได้ว่ามี “โคลงโลกนิติ”สื่อเจตนารมณ์สอนในเรื่องนี้ความว่า
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน
โครงโลกนิติบาทนี้สอนให้รู้ว่า “ความยาวของก้านบัวสามารถบอกความลึกตื้นของแหล่งน้ำที่มันอยู่ได้ มารยาทบอกให้ทราบถึงความเป็นไปของชาติตระกูลคำพูดของคนสามารถแสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้น ฉลาด เขลา ชั่ว หรือเลว เหมือนกับที่หญ้าเหี่ยวแห้งบอก ถึงความไม่สมบูรณ์ของดินตามตรงกับสำนวน สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”
ดังนั้นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นของ “ทิม-พิธาลิ้มเจริญรัตน์” ผู้ทะนงตนว่าได้รับการสนับสนุนจากโหวตเตอร์ 14 ล้านเสียงเศษ เพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 บริหารประเทศตามแนวนโยบายที่ได้เสนอไว้บนเวทีหาเสียงเลือกตั้งและในการพบปะประชาชนผู้เป็นโหวตเตอร์ทั้งหลาย
“ทิม- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ เนื่องจากรอคณะกรรมการการเลือกตั้งมีเวลาในการตรวจสอบความถูกต้องและประกาศรับรองผล 60 วัน
ทว่าพฤติกรรมที่เดินสายในการพบองค์กรเอกชนก็ดี หรือเรียกองค์กรภาครัฐเข้าพบเพื่อรับทราบแนวนโยบายก็ดีเป็นช่วงเวลาที่ “ราชอาณาจักรไทย” มี “นายกรัฐมนตรีชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีคณะรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา 500 เสียง บริหารประเทศในฐานะรัฐบาลรักษาการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 อย่างไร้มารยาทแบบที่ไม่เคยมีหัวหน้าพรรคการเมืองไทยคนใดในประวัติศาสตร์การเมืองตั้งแต่ “ปฏิวัติสยาม” เคยกระทำกันมาก่อน
ข้อกฎหมายที่นักการเมืองไร้เดียงสาหรือบุพการีไม่มีเวลาอบรมก็ตามแต่ไม่ศึกษาและออกมาตั้งข้อกล่าวหาผู้อื่นว่าดื้อด้านซื้อเวลาไม่เก็บข้าวของไม่ลุกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีทั้งที่แพ้เลือกตั้งโดยไม่คิดจะตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูความเป็นจริงแม้แต่น้อย
นี่ก็ไม่แพ้กันแม้แต่น้อย ว่าที่ท่านผู้ทรงเกียรติจากปทุมธานี ที่โพสต์ข้อความดุเดือดจนกระบวนการยุติธรรมไทยร้อนฉ่า เป็นข้อความที่ไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเช่นกัน
การเป็นท่านผู้ทรงเกียรติฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารก็ใช่ว่าจะแสดงตนยกตัวข่มขู่ฝ่ายตุลาการได้ เพราะอำนาจ 3 ฝ่ายนั้นเท่าเทียมและคัดคานกัน
ความที่สมองไม่เข้าใจคำว่า “ประชาธิปไตย” มีแต่เสียงสำรอกสำรากแอบอ้างเรียกร้อง พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจึงมีลักษณะเยี่ยงนี้
ที่เรียกกันว่า “ศีลเสมอกัน” ที่หมายถึงบุคคลที่มีมาตรฐานในเรื่องต่างๆ เท่าๆ กัน มีความคิดเรื่องความดีความชั่วเสมอกัน, มีความเชื่อและศรัทธาในสิ่งเดียวกัน, มีมุมมองในเรื่องต่างๆ คล้ายกัน,มีความชอบและรสนิยมตรงกัน, รักษาศีลเสมอกันไม่ต่ำไม่สูงไปกว่ากัน, มีจาคะเสมอกัน
อย่าแปลกใจที่จะได้เห็นพฤติกรรมของบุคลากรกลุ่มนี้ออกมาในลักษณะที่ไม่แตกต่างกันเยี่ยงนี้
“ศีลเสมอกัน” ในความสัมพันธ์ ทำไมถึงสำคัญนัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี