“ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” นี่คือบทบัญญัติตามมาตราที่ 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบจากประชาชนมากกว่า 16.8 ล้านเสียง
บทบัญญัติดังกล่าวนี้ได้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญไทยทุกยุคทุกสมัย แม้จะมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แล้วมีการยกร่างขึ้นใหม่ ก็ใช้ข้อความเดิมนี้ทั้งหมด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงแต่อย่างใด
การที่มีกลุ่มนักศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อ้างชื่อว่าองค์กรขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ซึ่งน่าจะถูกครอบงำโดยพรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นพวกคนรุ่นใหม่ รวมทั้งนักการเมือง นักเรียกร้องประชาธิปไตยและคณาจารย์บางส่วน ดำเนินการจัดเวทีเสวนา ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลาเมื่อเร็วๆ นี้ และมีจุดยืนที่ชัดเจน ในการเรียกร้องเสรีภาพที่จะแยก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ถูกรวมเรียกชื่อว่ารัฐปาตานีให้เป็นอิสระ ถึงขนาดที่จัดให้มีการทำประชามติ ด้วยการลงความเห็น บนเอกสารที่มีการจัดเตรียมไว้ซึ่งระบุชัดเจนว่าจะให้แยกรัฐปาตานีออกจากประเทศไทยหรือไม่อย่างชัดเจน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายหลัก อันเป็นแม่บทที่ใช้ในการบริหารประเทศชาติ
ในช่วงที่มีการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งนั้น มีข้อมูลรวมทั้งคลิปของการหาเสียงของพรรคการเมืองดังที่กล่าวไว้แล้ว โดยผู้นำของพรรคได้ประกาศชัดเจนว่า จะสนับสนุนให้ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีเสรีภาพ ในการที่จะแสดง การเรียกร้อง ที่อาจจะนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนที่อยู่อาศัยนั้นให้เป็นอิสระ โดยมีการกล่าวไว้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ว่า “ต่อไปนี้ให้คนปัตตานี คนยะลา คนนราธิวาส เลือกนายกจังหวัดของตัวเอง ภาษีที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นใช้ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องให้กรุงเทพมหานครอีกต่อไป ลมหายใจที่เกิดขึ้น น้ำที่เรากิน ฟุตบาtที่เราเดิน แก้ด้วยคนในพื้นที่” ซึ่งแสดงถึงวิธีคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกฎหมาย และอาจเป็นภัยต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งอาจจะเป็นการยุยงชักนำให้ประชาชนและเยาวชนในพื้นที่หลงผิดว่าสิ่งนั้นสามารถจะทำได้
หากศึกษาประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ก็มีบันทึกประวัติศาสตร์อย่างชัดเจนว่า พื้นที่ที่เรียกว่าปัตตานีและที่อยู่ใกล้เคียง ได้อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศไทยมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แล้ว และก็เป็นมาอย่างต่อเนื่อง พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ทรงปกครองบ้านเมืองโดยมิได้มีการแบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา ไม่ว่าจะในพื้นที่ใดๆ ของชาติไทย ทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าซึ่งอาจจะมีความแตกต่างด้านเชื้อชาติ ศาสนา ก็ได้รับการดูแลภายใต้พระบรมโพธิสมภารโดยเสมอกัน ยิ่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือรัชกาลที่ 9 นั้น พระองค์รวมทั้งราชวงศ์ก็ได้ทรงเอาใจใส่ดูแลประชาราษฎร์ในถิ่นนี้อย่างดียิ่ง ถึงขนาดที่มีการจัดสร้างพระตำหนักที่ประทับในจังหวัดนราธิวาส เพื่อให้สามารถจะประทับเพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่นั้นได้อย่างใกล้ชิด และยังได้ทรงดำเนินโครงการในพระราชดำริหลายอย่างเรื่อง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยตลอดมา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้
ใครก็แล้วแต่ที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย ควรจะมีความสำนึกในบุญคุณของแผ่นดินเกิด มีความรักชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในเรื่องที่กล่าว แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่พยายามสร้างกระแส จากการปลุกปั่น โดยอ้างเสรีภาพเพียงอย่างเดียว ไม่ได้คำนึงว่าสิ่งที่อ้างนั้นเมื่อนำมาปฏิบัติ เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายของบ้านเมือง ถือว่าเป็นเรื่องที่รู้แต่สิทธิ แต่ไม่สำเหนียกนึกในหน้าที่ของการเป็นประชาชนที่ดี ไม่ได้เคยคิดที่จะสร้างความรักสมัครสมานสามัคคี ของคนในชาติให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ทรงปกครองแผ่นดินเพื่อให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินหรือประชาชนทุกคน อยู่เย็นเป็นสุข ทรงต่อสู้เพื่อรักษาอิสรภาพของประเทศชาติไม่ว่าจะในสมัยอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรอยุธยา หรือแม้แต่ในอาณาจักรรัตนโกสินทร์ นอกจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1ที่ทรงปกป้องแผ่นดินอย่างเต็มที่จากการรุกรานของกองทัพพม่าที่เรียกกันว่าศึกสงคราม 9 ทัพ จนสามารถรักษาประเทศชาติให้อยู่ได้ ส่วนในสมัยรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช รัชกาลที่ 5 ก็ทรงปกป้องแผ่นดินไทยจากประเทศฝรั่งเศสซึ่งเป็นนักล่าอาณานิคม ที่ทำให้หลายประเทศที่อยู่รอบประเทศไทยต้องตกเป็นเมืองขึ้น แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน ก็รักษาแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานได้เกิดและอยู่อาศัยได้ ประชาชนชาวไทยทุกคนก็ควรจะทำหน้าที่ในการปกป้องบ้านเมืองนี้เช่นกัน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงประพันธ์เพลงไว้เพลงหนึ่งมีชื่อว่า ไร้รักไร้ผล โดยมีเนื้อเพลงดังนี้
เรานี้เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติศาสนา
ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย
แม้ใครตั้งจิตรักตัว จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน
ควรจะร้อนอกร้อนใจ เพื่อให้พรั่งพร้อมทั่วตน
ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล
แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่อย่างไร
นับเป็นการเตือนสำนึกของประชาชนชาวไทย ให้มีความรักชาติ ศาสนา และนำมาซึ่งความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ เพราะหากประชาชนขาดซึ่งความสามัคคี ชาติก็จะย่อยยับอับจน และทุกคนจะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร
คนผู้ใดหรือกลุ่มใดก็ตาม ที่ออกมาแสดงเจตนารมณ์และมีพฤติกรรมที่ส่อให้เห็นถึงการที่ต้องการแยกแผ่นดินบางส่วนออกจากการเป็นชาติไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนั้น จึงเข้าข่ายที่เรียกว่า เป็นกบฏต่อแผ่นดิน
การจัดเวทีเสวนาของกลุ่มองค์กรขบวนการนักศึกษาดังกล่าว จึงนับเป็นภัยต่อประเทศชาติ และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตราที่ 1 จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลที่มีหน้าที่จะต้องดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะยากนัก มาดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่โดยรวดเร็ว
ประเทศชาติเป็นหนึ่งพึงจำไว้
เอกราชรักษาไว้มิให้หา
หากใครคิดเหยียบย่ำหรือทำลาย
ไทยทั้งหลายรวมหมู่สู้สุดใจ
ปิยะ เนตรวิเชียร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี