เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หลบหนีหมายจับคดีทุจริตประพฤติมิชอบ หลบหนีโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ เดินทางกลับประเทศไทย
เริ่มต้นเข้ารับโทษจำคุก ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ
1. ทักษิณติดคุก
ปัจจุบัน ถือว่า นายทักษิณ ชินวัตร มีสถานะเป็น “นักโทษชาย” หรือ “น.ช.”
ต้องรับโทษจำคุก คดีถึงที่สุดแล้ว 3 คดี ได้แก่ 1.คดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ จำคุก 3 ปี 2.คดีหวยบนดินจำคุก 2 ปี และ 3.คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป จำคุก 5 ปี
ปรากฏว่า มีเพียงคดีที่ 3 ที่ศาลสั่งให้นับโทษต่อจากสองคดีแรก
เมื่อสองคดีแรกระยะเวลารับโทษจำคุกทับซ้อนกัน เท่ากับว่า นายทักษิณจะต้องรับโทษจำคุกรวมคดีที่สาม เป็นจำคุกรวม 8 ปี
2. นักโทษเทวดา?
ปรากฏว่า นายทักษิณถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯแดน 7 สถานพยาบาลราชทัณฑ์ อยู่ได้ไม่ทันข้ามคืน!!!
ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 00.20 น. ของวันที่ 23 ส.ค.2466
มีรายงานว่า นายทักษิณพักที่ชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตร.อยู่ที่ห้องรอยัลสูท ห้องหนึ่ง
ห้องโอ่โถง สะดวกสบาย หรูหรา วิวสวยงามมาก
ปัจจุบัน ยังไม่มีแผนการส่งตัวกลับเข้าเรือนจำแต่อย่างใด
กระทั่งสังคมวิพากษ์วิจารณ์ แล้วลูกสาวนายทักษิณก็ยังตอบโต้คำถามที่ว่า “ตกลงเป็นนักโทษหรือเทวดา?”
อุ๊งอิ๊งตอบว่า “เทวดาค่ะ”
ก่อนจะอ้างขยายความภายหลังว่าหมายถึงเป็นเทวดาของลูก
3. ป่วยหนักจริง หรืออิงการเมือง?
ทางราชทัณฑ์ ระบุว่า มีการตรวจสอบ พบว่า น.ช.ทักษิณ อายุ 74 ปี มีโรคประจำตัว ต้องติดตามโดยแพทย์เฉพาะทางตลอด
เข้าข่ายเป็นกลุ่มเปราะบาง จำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง
จากนั้น อ้างว่ามีอาการความดันสูง จึงส่งไป รพ.ตร.
สิ่งที่สังคมครหาสงสัย คือ ทักษิณป่วยหนัก จริงหรือไม่? เพราะก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทย ยังมีคลิปหลักฐานแสดงว่าแข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส
และต่อให้มีอาการป่วยติดตัว แต่จำเป็นถึงขนาดต้องไปนอนประจำอยู่บนชั้น 14 หรูหรา สะดวกสบาย (วิวสวยงามไม่ต่างกับโรงแรมห้าดาว) ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องกลับไปอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือในเรือนจำอีกแล้วหรือไม่?
นักโทษคนอื่นๆ ได้รับสิทธิเช่นนี้บ้างหรือไม่?
ถ้านายวัฒนา อัศวเหม นายประชา มาลีนนท์ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือแม้แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฯลฯ ผู้หลบหนีโทษจำคุกคดีทุจริตประพฤติมิชอบคนอื่นๆ เดินทางกลับมารับโทษ จะได้ไปอยู่ รพ.ตร. ห้องวิวสวยหรูแบบนี้บ้าง ได้หรือไม่?
คนอื่นๆ ที่ติดคุกอยู่ เช่น นายบุญทรง นายภูมิ เสี่ยเปี๋ยง ฯลฯ ตอนนี้ยังอยู่ในเรือนจำหรือไม่? จะมานอน รพ.ตร.ห้องพักสุดหรูวิวสวยแบบนี้บ้าง ได้หรือไม่?
น.ช.คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ติดคุก คดีทุจริตประพฤติมิชอบ มิได้เป็นบิดาของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะได้รับโอกาสแบบนี้ ด้วยหรือไม่?
4. ทักษิณติดคุก เพราะคดีการเมืองเล็กน้อย จริงหรือ?
มีการพยายามสร้างเรื่องว่า ทักษิณติดคุกเพราะคดีการเมือง ถูกกลั่นแกล้ง การลงโทษก็ไม่ควรจะเหมือนนักโทษคนอื่นๆ ควรเอาแบบออง ซาน ซู จี หรือนักโทษทางการเมือง
ความจริง ทักษิณติดคุก เพราะต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ศาลนี้ มีมาก่อนรัฐประหารปี’49 ตัดสินคดีทุจริตของนักการเมืองมามากมาย
ทักษิณมีคดีหลายคดี บางคดีศาลยกฟ้อง (ทักษิณชนะ โดยไม่ต้องมาสู้คดีเอง) เช่น คดีเงินกู้กรุงไทย คดีทีพีไอ เป็นต้น
บางคดี ทักษิณหนีจนโทษจำคุกขาดอายุความไปแล้ว คือ คดีที่ดินรัชดา
คงเหลือ 3 คดีศาลฎีกาฯ พิพากษาคดีถึงที่สุด และยังไม่ขาดอายุความ ซึ่งแต่ละคดี มีประเด็นสาระสำคัญตามคำพิพากษา ดังนี้
(1) คดีทุจริตเงินกู้เอ็กซิมแบงก์
ช่วงปี 2546 - 2547 ทักษิณ ชินวัตร อาศัยความเป็นนายกรัฐมนตรีไทย สั่งการเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลทหารพม่า 4,000 ล้านบาท เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของครอบครัวตัวเอง
ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2546 มีการประชุมสุดยอดผู้นำกัมพูชา ลาว พม่า และไทย ที่เมืองพุกาม สหภาพพม่า นายกฯ ทักษิณถึงขนาดอนุมัติกำหนดการให้ลูกชายร่วมเดินทางเป็นคณะทางการด้วย
พนักงานบริษัทชิน แซทเทิลไลท์ฯ และบริษัทเอไอเอส กิจการของทักษิณ ก็ได้เข้าไปโชว์สินค้าบริเวณสถานที่จัดการประชุมด้วย ทั้งๆ ที่ การประชุมไม่มีความตกลงความร่วมมือด้านโทรคมนาคม
จากนั้น ทักษิณ ชินวัตร ให้เพิ่มเงินกู้สนับสนุนการพัฒนาโทรคมนาคมในชนบทของพม่า 3 โครงการ มูลค่า 24 ล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัทชิน แซทเทิลไลท์เป็นผู้ดำเนินโครงการ
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขณะนั้น ไม่เห็นด้วย เพราะเพิ่งจะอนุมัติให้เงินกู้พม่าไป 3 พันล้านบาท
นายสุรเกียรติยืนยันว่า “ไม่สมควรจะมีความร่วมมือด้านโทรคมนาคมเป็นการเฉพาะกับประเทศไทย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไทยเป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดภายในประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ข้อครหาว่ามีผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง”
นายทักษิณสั่งการว่า “เราให้หลักการขอไว้ 3,000 ล้านบาทเมื่อเขาขอมา 5,000 ล้านบาท ก็ให้พบกันครึ่งทาง ให้เขา 4,000 ล้านบาท และให้นายสุรเกียรติ์ แจ้งไปว่า นายกฯ ทักษิณสั่งการว่าให้เพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท และจะให้การอุดหนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย”
ในที่สุด เอ็กซิมแบงก์ต้องอนุมัติสินเชื่อ 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลพม่า ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ต่ำกว่าต้นทุนในขณะนั้น รวมทั้งขยายระยะเวลาปลอดการชำระหนี้การจ่ายเงินต้นจาก 2 ปี เป็น 5 ปี ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธนาคาร นั่นเป็นเหตุให้เอ็กซิมแบงก์ได้รับความเสียหายตามประมาณการโครงการทั้งสิ้น 670 ล้านบาท
กระทรวงการคลังต้องจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ปี’49 และ ปี’50 ชดเชยความเสียหาย คิดถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2551 เป็นเงิน 189 ล้านบาท
แม้ในภายหลัง ทางพม่าจะได้ชำระหนี้จนครบถ้วนเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 แต่นั่นก็ภายหลังจากการกระทำผิดสำเร็จแล้ว และเป็นการชำระหนี้ในยุคหลัง
ในความเป็นจริง กระทรวงการคลังต้องเอาเงินภาษีคนไทยทั้งประเทศ ไปชดเชยให้เอ็กซิมแบงก์ เพราะอดีตนายกฯ ทักษิณต้องการช่วยให้กิจการของตนประกอบธุรกิจในพม่าอย่างราบรื่น ได้รับประโยชน์จากการขายสินค้า
ศาลฎีกาฯ พิพากษาลงโทษนายทักษิณ ชินวัตร ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 จำคุก 3 ปี
(2) คดีทุจริตหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว
ในยุครัฐบาลทักษิณ ดำเนินโครงการหวยบนดิน สั่งให้กองสลากเป็นเจ้ามือหวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว โดยไม่รอแก้ไขกฎหมายรองรับ
ไม่ต้องการให้เงินจากการขายสลากถูกจัดสรรเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน
ไม่เสียภาษีสารพัดอย่าง
แถมกู้เงิน 20,000 ล้านบาท จาก “ธนาคารออมสิน” มาสำรองหน้าตัก
เพราะสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว เป็นสลากกินรวบที่กองสลากอาจขาดทุนบางงวด เหมือนเจ้ามือหวยใต้ดิน ไม่มีการจำกัดวงเงินรางวัล เป็นเรื่องการพนันขันต่อ แล้วก็เคยขาดทุนจริงๆ 7 งวด
ยิ่งกว่านั้น รายได้จากการขายหวยบนดิน ก็ไม่ได้จัดสรรปันส่วนนำส่งเข้าเป็นเงินแผ่นดินตามกฎหมายสลากกินแบ่ง แต่ใช้อุบายออกระเบียบใช้จ่ายเงินเอง
ส่วนที่มักคุยโม้โอ้อวด ว่านำเงินหวยบนดินมาเป็นทุนการศึกษา เป็นโครงการช่วยเหลือเด็กยากจนต่างๆ นานานั้น เป็นแค่เงินส่วนน้อย
ระหว่างดำเนินโครงการหวยบนดิน ตั้งแต่งวด 1 ส.ค.2546 ถึงงวด 16 ก.ย. 2549 ได้เงินจากการขายหวยบนดินทั้งสิ้น 123,339 ล้านบาท หักเงินรางวัลจ่ายให้ผู้ถูกรางวัล 69,242 ล้านบาท
เหลือกำไรอยู่มากกว่า 5 หมื่นล้านบาท
ที่อวดอ้างว่าเอาไปให้ทุนการศึกษาเด็ก ยังไงก็ไม่ถึงหมื่นล้านบาท แถมการใช้จ่ายเงินพวกนี้ไม่ผ่านการตรวจสอบของ สตง.
แสดงว่า ยังมีเงินที่กินมาจากชาวบ้าน ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท หายไปไหน? ยังไม่มีหลักฐานชี้แจงมาจนถึงวันนี้
ศาลฎีกาฯ ระบุชัดเจนว่า การจำหน่ายสลากดังกล่าว เป็นการจัดให้มีการเล่นพนัน ซึ่งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ โดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจ การใช้จ่ายเงินรายได้ไม่มีการกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน และไม่ปรากฏว่าได้รับการตรวจรับรองจาก สตง.ในทุกกรณี มิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบราชการในทุกขั้นตอน
ศาลฎีกาฯ พิพากษาลงโทษนายทักษิณ ชินวัตร ผิดอาญา 157 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
(3) คดีแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตเอื้อหุ้นชินคอร์ปฯ
นายทักษิณ ชินวัตร ขณะเป็นนายกฯ ให้บุคคลอื่น (นอมินี)ถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แทน
โดยที่บริษัท ชินคอร์ปฯ เป็นคู่สัญญาต่อหน่วยงานของรัฐและมีการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่หุ้นชินคอร์ปฯด้วย
ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยในสาระสำคัญว่า นายทักษิณยังคงถือหุ้นบริษัท ชินคอร์ปฯ ซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยให้บุคคลอื่นมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นแทน อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม
นายกฯทักษิณยังได้มอบนโยบายและสั่งการให้ตรา พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตฯโดยมีมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีและยกเว้นภาษีสรรพสามิต(ฉบับที่ 68) ลงวันที่ 28 ม.ค. 2546 ให้ลดพิกัดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากอัตราร้อยละ 50 เหลือร้อยละ 10 และมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2546 เห็นชอบแนวทางให้คู่สัญญาภาคเอกชนนำภาษีสรรพสามิตมาหักออกจากส่วนแบ่งรายได้ หรือค่าสัมปทานที่คู่สัญญาภาคเอกชนจะต้องนำส่งให้คู่สัญญาภาครัฐได้
การดำเนินการดังกล่าว เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอสซึ่งได้รับสัมปทานดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท. ชื่อขณะนั้น) และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด หรือบริษัท ดีพีซี ได้รับสัมปทานดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท. ชื่อขณะนั้น)
โดยทั้ง 2 บริษัทเป็นบริษัทในเครือของบริษัทชินคอร์ปฯ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
เพื่อให้ทั้ง 2 บริษัทได้รับคืนเงินภาษีสรรพสามิตที่ชำระแล้ว โดยมีสิทธินำไปหักออกจากค่าสัมปทานที่ต้องนำส่งให้ ทศท. และ กสท.
เป็นผลให้ ทศท. และ กสท. ได้รับความเสียหาย
ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า การกระทำของจำเลย เป็นการเข้ามีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม และเป็นผลให้บริษัทที่จำเลยเป็นผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์ อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต
พิพากษาว่า จำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร)มีความผิด ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำคุก 2 ปี และฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น จำคุก 3 ปีรวมเป็นจำคุก 5 ปี
นี่คือที่มาว่า ทำไมทักษิณจึงต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี