การกีดกันทางเพศระหว่างชายกับหญิงเป็นการกระทำของคนที่ไม่น่าจะมีสติปัญญาที่ดี แต่น่าจะเป็นคนจำพวกใจแคบมากกว่า เมื่อใจแคบเสียแล้วก็ไม่น่าจะมีสติปัญญาที่ปลอดโปร่ง เมื่อสติปัญญาไม่โปร่งแล้ว ก็จึงเข้าข่ายอับจนและไร้สติปัญญา
เมืองไทยเป็นเมืองหนึ่งที่ดูเสมือนว่ามีการกีดกันทางเพศ แต่เมื่อดูจริงๆ แล้วมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่าคนไทยจำนวนน้อยไม่ได้ดูถูกเพศแม่ ไม่เคยเก็บเมียไว้แค่ในครัว แต่ก็ไม่เคยต้องการให้เพศแม่ต้องไปเผชิญกับความเหนื่อยยากแสนสาหัส ดังนั้น งานบางอย่างจึงเป็นงานที่ไม่สนับสนุนให้คนเพศแม่ทำ แต่ถึงกระนั้น เมื่อคนเพศแม่ตั้งใจจริงว่าจะกระทำงานใดก็ตาม แม้จะเป็นงานยากแสนยาก ก็ไม่เคยมีใครคัดค้าน หรือขัดขวางความตั้งใจจริงของคนเพศแม่ได้ แล้วก็เป็นที่ประจักษ์มาโดยตลอดว่าคนเพศแม่ทำงานที่หลายคนบอกว่ายากและลำบากได้ดีมากเสียด้วย
แต่ก็มีบางคนที่เลยเถิดไปมาก เพราะเรียกร้องให้เพศแม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป เนื่องจากขัดกับหลักความจริง เช่น การเรียกร้องให้เพศแม่บวชเป็นพระภิกษุในประเทศไทย เรื่องนี้หากพูดไม่ชัด ไม่ตรงประเด็นจะถูกมองว่ากีดกันผู้หญิงไม่ให้เข้าถึงทางธรรม
อันที่จริงเป็นคนละประเด็นกัน เพราะการเข้าถึงทางธรรมโดยแท้ ไม่จำเป็นต้องบวชเป็นพระเสมอไป คนหลายคนไม่ได้บวชพระ แต่ทว่ามีธรรมสูงส่งกว่าคนโกนหัว ห่มเหลืองจำนวนมากด้วยซ้ำไป ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องอ้างว่าเพื่อให้ผู้หญิงบรรลุธรรมขั้นสูง จึงต้องบวชเป็นภิกษุณี หรือพระสงฆ์เพศหญิง (อันนี้ไม่ได้รวมถึงบรรดาคนเพศชายที่บวชพระ แต่ชอบมีจิตประหวัดไปถึงการมีเพศสัมพันธ์กับเพศชายด้วยกัน ที่หลายๆ คนเรียกคนจำพวกนั้นว่า หลวงเจ๊)
การที่ผู้หญิงไม่สามารถบวชเป็นภิกษุณีได้ในยุคปัจจุบัน มิได้เกิดมาจากการถูกกีดกันเพราะเป็นหญิง แต่มันมีมูลเหตุสำคัญมาจากภิกษุณีได้หมดสายสืบทอดไปนานแล้ว ดังนั้น จึงไม่สามารถสืบสายต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังเป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกันมาก แต่จะถกจะเถียงอย่างไร ก็ขอให้ยึดหลักข้อเท็จจริงในทางพุทธศาสนาเป็นสำคัญ อย่าไปเอาเรื่อง gender เข้ามาผสมปนเป มิฉะนั้น จะกลายเป็นประเด็นที่หลายคนบอกว่าพูดๆ ไปแล้วกลายเป็นดัดจริต เช่น ประเด็นมีนักการเมืองหญิง
รายหนึ่งถามว่า ทำไมห้ามผู้หญิงเข้าไปในเขตชั้นในของเจดีย์หรือสถูป นักการเมืองหญิงรายนั้นอ้างว่าเป็นการกีดกันเพศหญิง และเป็นการจงใจละเมิดสิทธิของผู้หญิง
ขอบอกว่าเรื่องที่นักการเมืองหญิงรายดังกล่าวอ้างนั้นแสนดัดจริต นอกจากดัดจริตแล้วยังผิดฮีต ผิดขนบธรรมเนียมของการเคารพบูชาสถานที่สำคัญตามแนวคิดของคนโบราณด้วยการที่คนโบราณเขาห้ามไว้ แสดงว่าเขาต้องมีเหตุผล โดยเฉพาะเหตุผลด้านความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง คนโบราณไม่ได้ห้ามโดยมีฐานแนวคิดด้านสิทธิของเพศต่างๆ แต่ทว่านักการเมืองหญิงรายนั้นก็พยายามหาเสียงสร้างคะแนนนิยมให้ตนเองโดยการบิดเบือนประเด็น ด้วยการอ้างสิทธิของหญิงเป็นเครื่องโฆษณาชวนเชื่อ การมีนักการเมืองหญิงจำพวกนี้ในเมืองไทย คือการทำให้ขนบประเพณีที่ดีงามของบ้านเราเสื่อมลงอย่างชัดเจน แต่ก็โชคดีของบ้านเมืองเรา เพราะนักการเมืองหญิงรายดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จในงานการเมืองตามที่มุ่งหวังไว้
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอพูดเลยไปถึงการที่พรรคการเมืองที่ก่อตั้งมาประมาณ 20 กว่าปี แล้วประกาศว่าพรรคที่ว่านั้นคือสถาบันการเมือง ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรเลย เพราะหลักของรัฐศาสตร์ก็บอกตรงๆ โต้งๆ ว่าพรรคการเมืองคือสถาบันการเมืองชนิดหนึ่ง พรรคการเมืองที่ว่านั้นคือพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่คอการเมืองเข้าใจตรงกันว่าเป็นของทักษิณ ชินวัตร
ล่าสุด พรรคการเมืองของทักษิณมีหัวหน้าพรรคคนล่าสุด คือลูกสาวคนเล็กของทักษิณ ที่ชื่อแพทองธาร ถามว่าเป็นเรื่องประหลาดไหมที่ลูกสาวเจ้าของพรรคมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค ตอบว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก เพราะสมบัติของพ่อก็คือสมบัติของลูก ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อพรรคเป็นของพ่อ พ่อก็ย่อมให้ลูกสาวรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ถามว่าแล้วที่ผ่านๆ มานั้น ทำไมพรรคของทักษิณจึงให้คนอื่นเป็นหัวหน้าพรรค ตอบว่า ก็ต้องดูให้ชัดว่าคนที่เป็นหัวหน้าพรรคของทักษิณนั้นมีอำนาจบริหารจัดการพรรคโดยอิสระแท้จริงหรือไม่ เรื่องนี้คอการเมืองตอบได้ดี และตอบได้ชัดเจน
จะอย่างไรก็ตาม คอการเมืองหลายคนคงเห็นมาแล้วว่า พรรคการเมืองของทักษิณนั้นเปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง หลังจากประสบปัญหาด้านการทุจริตผิดกฎหมาย เมื่อพรรคเดิมถูกยุบไป ก็ตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องง่ายดายมากสำหรับการตั้งพรรคการเมืองในประเทศไทย เพราะมีเงินมากเพียงพอ ก็สามารถตั้งพรรคการเมืองได้แล้ว ส่วนเบื้องหลังของพรรคจะเป็นอย่างไร ผู้พิจารณาอนุมัติให้ตั้งพรรคการเมืองไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะเขามีหน้าที่อนุมัติให้จัดตั้งพรรค โดยเขาไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นมา หรือเบื้องหน้าเบื้องหลังของพรรค หากคุณผู้อ่านไม่เชื่อ ก็ลองไปขออนุญาตจัดตั้งพรรคการเมืองดูได้ แล้วจะรู้ว่ามันง่ายมาก ง่ายกว่าการเป็นเจ้าของรถยนต์หรูมูลค่า 100 ล้านบาทเสียอีก ดังนั้น จึงเห็นว่ามีการตั้งพรรคการเมืองไทยกันจนเกร่อ แต่ตั้งแล้วบางพรรคก็ฝ่อไปภายในเวลาอันแสนสั้น เพราะไร้เงินหล่อเลี้ยง
ต้องบอกว่าเคยมีนักการเมืองหญิงรายหนึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคของทักษิณให้จงได้ แต่ก็ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จ จนนักการเมืองหญิงรายนั้นต้องตะกายไปตั้งพรรคการเมืองเอง แล้วก็ประกาศตัวเป็นหัวหน้าพรรคใหม่พรรคนั้น แต่น่าสมเพชที่ปรากฏว่าไม่ประสบผลสำเร็จทางการเมือง สุดท้ายนักการเมืองหญิงรายนั้นก็ต้องลากตัวเองออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคที่ตนพยายามตั้งขึ้น แล้วโอนตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้นายทุนพรรครับต่อไป แล้วนักการเมืองหญิงรายนั้นก็ร่อนเร่ไปตามกระแสลมที่พัดมาพัดไป นั่นสรุปได้ว่า ต่อให้เป็นนักการเมือง (หญิง) มานานเน ได้กินตำแหน่งรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง แต่เมื่อเจ้าของพรรคตัวจริงเขาไม่ให้เธอเป็นหัวหน้าพรรคของเขา เธอก็ต้องกระเด็นออกไป แล้วไปหามงกุฎตำแหน่งหัวหน้าพรรคสวมศีรษะตัวเอง แต่ทว่ามงกุฎที่หามาสวมจนได้ก็ไม่งามพอ เธอก็จึงเร่งถอดมงกุฎออก แล้วรอดูลู่ทางการเมืองต่อไป แต่หลายคนก็คิดตรงกันว่า อนาคตการเมืองของเธอคงริบหรี่เต็มที เพราะความหวังบรรดามีที่เธอวาดหวังไว้ล้วนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหัวหน้าพรรคของทักษิณ รวมถึงการถูกเสนอเชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคทักษิณ
วันนี้ เวลานี้ และบัดนี้ พรรคของทักษิณมีหัวหน้าพรรค (หญิง) เป็นตัวเป็นตนแล้ว ซึ่งก็คือลูกสาวคนเล็กของทักษิณ ผู้ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่คำว่ารุ่นใหม่ของเธอก็ถูกคอการเมืองไทยตีความว่าใหม่เพราะอายุน้อยด้อยประสบการณ์การเมือง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากนัก เพราะทักษิณสามารถคุมอยู่หลังฉากได้อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากทักษิณจะคุมหลังฉากให้แล้ว ยังมีแม่ของหัวหน้าพรรคคนใหม่ช่วยคุมทักษิณอีกชั้นหนึ่ง เรียกว่างานนี้หลังฉากการเมืองจะมีฉากสองฉากซ้อนกันอยู่ จึงทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องคนเบื้องหลัง แต่ถึงกระนั้นก็มีคอการเมืองไทยวิพากษ์ต่อไปว่า แล้วคนหลังฉากการเมืองมีฝีมือจริงหรือ หากมีฝีมือจริง ทำไมเจ้าของพรรคการเมืองจึงต้องกลายเป็นนักโทษอาญาแผ่นดิน แล้วทำไมนายกรัฐมนตรีหญิงจำพวกหุ่นเชิดจึงต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสีการเมืองอยู่ในปัจจุบัน เรื่องนี้เป็นคำถามคาใจว่า ตกลงแล้วคนเบื้องหลังหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่จะสามารถเชิดหัวหน้าพรรคคนใหม่ล่าสุดให้พุ่งทะยานไปเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนต่อไปของประเทศไทยได้จริงหรือ หรือหากเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงได้จริงๆ แล้วจะซ้ำรอยเดิมกับนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ผู้มีนามสกุลชินวัตรเหมือนกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าเมืองไทยไม่เคยมีประเด็นการกีดกันเรื่องเพศในการทำงานใดๆ ยกเว้นงานนั้นเป็นงานที่ผู้หญิงทำไม่สะดวก หรือเป็นพิษเป็นภัยต่อความปลอดภัยของผู้หญิงโดยตรง ก็ต้องยกเว้นงานนั้นไป แต่สำหรับงานการเมืองในไทยนั้น เรามีนักการเมืองหญิงมากมายได้ความบ้าง ไม่ได้ความบ้าง ก็นับเป็นเรื่องปกติ เพราะนักการเมืองชายที่มีล้นแผ่นดินก็หาได้มีความดีไปเสียทุกคนไม่ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เมื่อเข้าสู่เวทีการเมืองแล้ว ไม่มีอะไรต่างกัน เพราะมีทั้งดีและเลวปรากฏให้เห็นเป็นประจำ ไม่มีใครยืนยันว่านักการเมืองชายดีกว่านักการเมืองหญิง หรือนักการเมืองหญิงเลวกว่านักการเมืองชาย ย้ำว่าพอๆ กันทั้งชายและหญิง ส่วนนักการเมืองชายหน้าใหม่หรือหน้าเก่าก็ตามที่มีสันดานชอบละเมิดทางเพศกับหญิงนั้น ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคก่อนๆ ก็ไม่ค่อยต่างกันมากนัก ส่วนนักการเมืองหญิงจะไปลากเอาสามีคนอื่นไปเป็นสามีตัวเอง ก็มีให้เห็นพอประมาณ สรุปเหมือนเดิมว่า ไม่มีอะไรดีเลวต่างกัน เพราะดีเลวพอๆ กันทั้งชายและหญิง
กลับมาที่ประเด็น make a wish ขอให้คนไทยมีนายกรัฐมนตรีหญิงดีๆ สักคนเถอะนะ เจ้าประคุณเอ๋ย ลูกช้างขอเถอะนะ
คำขอนี้จะจริงหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สอง หรือคนที่สาม หรือคนต่อๆ ไป แต่เราพอจะเห็นเค้าลางได้ว่าน่าจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนต่อไป เพราะเมื่อพรรคที่มีทุนหนามากที่เชื่อว่าเพื่อไทยประกาศให้สาธารณชนรับรู้ว่าหัวหน้าใหม่คือแพทองธาร นั่นก็หมายความว่าโอกาสที่หัวหน้าพรรคจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก็อย่างที่สาธารณชนรับรู้มานานแล้วว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะนายกรัฐมนตรีของไทยนั้นสามารถมาจากพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง แต่ไม่จำเป็นต้องชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งเสมอไป หากชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งแล้วยังมีนิสัยเฟอะฟะ ปากแจ๋ว ตะกละโลภจะเอาตำแหน่งการเมืองแบบกินรวม ทั้งๆ ที่ไม่ได้ชนะแบบฟ้าถล่มดินทลาย เพียงแค่ฟลุคชนะเลือกตั้งเท่านั้น ก็ดันเกิดอาการเสียสติโดยพลัน ก็เลยทำให้พลาดโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ยังอุตส่าห์ประกาศด้วยการโกหกว่าตนคือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ส่วนนายกรัฐมนตรีอีกจำพวกหนึ่งก็มาจากการรัฐประหาร ซึ่งรับรองว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหารไม่มีวันหมดไปจากประเทศไทยง่าย ๆ ตราบเท่าที่นักการเมือง
ยังเปิดโอกาสให้ทหารก่อรัฐประหารยึดอำนาจรัฐได้ เพราะฉะนั้น เรื่องการยึดอำนาจหรือรัฐประหารนั้น จะด่าทหารเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องด่านักการเมืองที่เป็นต้นตอของปัญหาด้วย ส่วนรัฐประหารไปแล้วจะเสียของหรือไม่เรื่องนี้ไม่ต้องถาม เพราะเสียของมาตลอด ไม่เคยได้ผลดีเลยสักครั้งเดียว แต่ถึงจะยึดอำนาจแล้วเสียของ ก็ยังคงมีการยึดอำนาจต่อไป ตราบเท่าที่มีเหตุปัจจัยการเมืองหนุนนำ
เราได้แต่หวังว่า หากเรามีนายกรัฐมนตรีหญิงคนต่อไป ก็หวังว่านายกรัฐมนตรีหญิงจะไม่ทำตัวเลวทรามต่ำช้า ทุจริตคอร์รัปชัน ส่วนเรื่องอดีตต่างๆนานาของคนที่อาจจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงนั้น รับรองว่าล้างไม่หมด ล้างไม่ได้ ล้างไม่ออกอย่างแน่นอน แต่อดีตก็คืออดีต แก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ก็หวังว่าจะไม่ทำตัวเองให้เลวทรามเหมือนข่าวที่ปรากฏในอดีตอีกเท่านั้น ส่วนจะอ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นคนทำ เพราะคนทำคือคนมีอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ตนเองยังเป็นเด็ก ก็พอจะอ้างได้ แต่ก็ได้แค่อ้าง เพราะความผิดที่สังคมมองเห็นได้บังเกิดไปแล้ว
ตามธรรมเนียมที่ดีงามของสังคมไทย เราต่างก็ให้กำลังใจ และแสดงความยินดีกับบุคคลที่ได้รับตำแหน่งใหม่ นับเป็นการแสดงมุทิตาจิต ด้วยจิตที่ยินดีด้วยความจริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วก็หวังว่าผู้ที่ได้รับตำแหน่งใหม่จะสำเหนียกไว้เสมอว่า เมื่อมีตำแหน่งแล้ว ก็ต้องใช้ตำแหน่งสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้สังคม มิใช่ใช้ตำแหน่งแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้ตนเอง
ส่วนความหวังที่สำคัญที่ฝากไปถึงผู้ได้รับตำแหน่งใหม่ก็คือ หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนต่อไปก็ขออย่าได้สร้างความวิบัติให้กับประเทศไทยเหมือนนายกรัฐมนตรีหญิงคนเดิมเลย ย้ำว่าอดีตมันล้างไม่ได้ เพราะมันผ่านไปแล้ว แต่อนาคตยังมาไม่ถึง ขอให้อย่าจงใจผิดพลาดเหมือนที่เคยเกิดในอดีตก็พอ น้ำที่เน่าแล้วมันก็เน่าไปแล้ว แต่เราสามารถบำบัดน้ำเน่าได้ หากไม่พยายามรักษาความเน่าให้อยู่ต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี