การปั่นกระแสโครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ในระยะแรกเริ่มก็ดูเหมือนว่าจะมีผู้หลงเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ประเทศไทย และเป็นโครงการใหญ่ที่ร่วมมือกันระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียจะทำให้ไทยโชติช่วงชัชวาลอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
จนถึงวันนี้ก็มีความชัดเจนแล้วว่าซาอุดีอาระเบียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่กุข่าวสร้างเรื่องขึ้นเองในประเทศไทยโดยแท้ แต่จะมีแหล่งที่มาจากไหนยังมืดมนอนธการ แม้กระนั้นก็มีคนคาดหมายได้ว่ามีเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังที่หวังใช้เรื่องนี้ทำลายโอกาสในการเป็นศูนย์กลางคมนาคมเชื่อมสองฝั่งฟากมหาสมุทรของประเทศไทยไปนิรันดร
เพราะสักวันหนึ่งถ้าทำโครงการแลนด์บริดจ์แล้วฉิบหายวายวอด ประเทศไทยก็จะเสียหายใหญ่หลวง และไม่สามารถทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของโลกในฐานะที่เป็นประเทศ ocean link คือเชื่อมสองฝั่งฟากมหาสมุทรระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิกได้อีกต่อไปคนวางแผนร้ายอำมหิตคิดชั่วต่อบ้านเมืองของเราก็คงจะหัวเราะไปตลอดกาล
แต่บ้านเมืองนี้ศักดิ์สิทธิ์ ความคิดชั่วๆ แบบนั้นจึงมีผู้คนรู้เท่าทันและแฉโพยความจริงออกมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงวันนี้ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าสิ่งที่เรียกว่าโครงการแลนด์บริดจ์นั้นก็คือโครงการเพื่อความฉิบหายแห่งชาติ ที่เป็นภัยร้ายแรงต่อฐานะอันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต
แลนด์บริดจ์คืออะไร ก็คือการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย โดยมีท่าเรือสำหรับขนถ่ายสินค้าทั้งด้านฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งอ่าวไทย มีระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับว่าจะสร้างตรงจุดใด วัตถุประสงค์คือจะใช้ทางรถไฟเป็นจุดเชื่อมต่อขนส่งสินค้าที่ขนถ่ายจากเรือบรรทุกสินค้าระหว่างฝั่งทะเลอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย โดยมีระยะทางขนส่งโดยทางรถไฟราว 200 กิโลเมตร
บรรดาเรือสินค้าที่มาจากด้านมหาสมุทรอินเดียเข้ามายังทะเลอันดามันก็จะเข้ามาจอดที่ท่าเรือขนถ่ายสินค้าฝั่งทะเลอันดามันเพื่อขนถ่ายสินค้าลงจากเรือแล้วบรรทุกรถไฟขนไปยังท่าเรือด้านฝั่งอ่าวไทย เพื่อขนตู้สินค้าลงเรือไปส่งยังแหลมฉบัง มาบตาพุด ซึ่งมีระยะทางจากท่าเรือฝั่งอ่าวไทยไปยังแหลมฉบังหรือมาบตาพุดจะเป็นระยะเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับว่าจะสร้าง ณ จุดใด แต่รวมแล้วก็คงมีระยะทางประมาณ400 กิโลเมตร จะมากจะน้อยกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับจุดที่ก่อสร้าง
หมายความว่าต้องขนตู้สินค้าจากเรือบรรทุกสินค้าที่มาจากมหาสมุทรอินเดียลงท่าเรือแล้วขนขึ้นตู้รถไฟแล่นไปส่งยังท่าเรือฝั่งอ่าวไทย แล้วขนลงเรือบรรทุกสินค้าเพื่อนำไปส่งยังแหลมฉบัง และมาบตาพุดต่อไป นั่นคือต้องยกตู้สินค้าจากเรือลงท่าเรือ จากท่าเรือขึ้นรถไฟ จากรถไฟไปลงท่าเรือ และขนลงเรือเพื่อไปส่งยังแหลมฉบัง มาบตาพุด ก็นึกเอาเองเถิดว่าการขนขึ้นขนลงตู้สินค้าแบบนี้จะเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายสักเท่าใด
ข้อสำคัญคือ ตู้สินค้าที่มากับเรือบรรทุกสินค้านั้น แต่ละลำจะมีตู้สินค้าตั้งแต่ 1,000-2,000 ตู้ ขึ้นอยู่กับขนาดระวางเรือ ดังนั้น เรือบรรทุกสินค้าแต่ละลำจึงมีตู้สินค้าที่ต้องขนโดยรถไฟกว่า 10 ขบวนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับปริมาณของตู้สินค้า และเมื่อรถไฟขนไปถึงท่าเรือฝั่งอ่าวไทยแล้ว เรือที่มารอรับสินค้าก็ต้องรอจนตู้สินค้าเต็มลำเรือจึงจะออกเรือไปส่งสินค้าได้
ดังนั้นเรือที่มารับสินค้าก็ต้องรอรถไฟขนส่งตู้สินค้านับ 10-20 ขบวน จะใช้เวลานานเท่าใดก็สุดแท้แต่ปริมาณตู้สินค้า รวมความว่าต้องใช้เวลานับวันนับคืนจึงจะออกเรือได้
และข้อสำคัญคือเรือขนส่งสินค้านั้นเขาจะมีรายได้จากระยะทางขนส่ง ถ้าหากขนส่งข้ามประเทศ ข้ามทวีป มีระยะทางไกลก็จะได้ค่าระวางมาก แต่ถ้าขนจากท่าเรือฝั่งอ่าวไทยไปยังแหลมฉบัง มาบตาพุด ซึ่งเป็นระยะทางสั้นๆ เป็นเส้นทางในประเทศก็จะไม่คุ้มค่าหรือคุ้มกับต้นทุนของเรือดังนั้นจะมีเรือสินค้าที่ไหนมาทำอาชีพแบบนี้ตรงนี้ ดีไม่ดีก็จะไม่มีเรือมาขนส่งสินค้า และปัญหาสำคัญก็คือเรือสินค้าลำหนึ่งต้องรอรถไฟขนสินค้าให้เต็มลำเรือก็เสียเวลามาก จะพากันฉิบหายใหญ่
ปัญหาที่ไม่พูดกันก็คือเมื่อเรือขนส่งสินค้ามาถึงท่าเรือฝั่งอันดามันก็ต้องถือว่าเป็นการส่งสินค้าเข้ามายังราชอาณาจักรไทย ซึ่งต้องปฏิบัติการภาษีศุลกากร ณ ท่านั้น จะตั้งเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนหรือไม่ก็สุดแท้แต่ข้อกำหนด ดังนั้นเมื่อเรือมาถึงแล้วจะขนส่งสินค้าเตลิดเปิดเปิงไปไม่ได้จะต้องผ่านพิธีการศุลกากรก่อน ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือครึ่งเดือนก็ได้ ดังนั้น การจะขนสินค้าจากท่าเรือฝั่งอันดามันซึ่งรับสินค้าจากต่างประเทศไปยังท่าเรือฝั่งอ่าวไทยก็อาจใช้เวลานานและไม่เป็นไปดังคาดหมายว่าจะขนไปได้ทันที ซึ่งแม้ปานนั้นก็ยังใช้เวลากว่าจะเต็มลำเรือ
เหล่านี้คือความพิกลพิการที่เห็นได้ชัด และทำนองเดียวกันกับการขนส่งสินค้าจากแหลมฉบัง มาบตาพุด มายังท่าเรือฝั่งอ่าวไทยเพื่อขนขึ้นรถไฟไปยังท่าเรือฝั่งทะเลอันดามัน ก็ต้องถือว่าเป็นการขนส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักร ก็ต้องมีพิธีการศุลกากรอีก ไม่อาจขนเตลิดเปิดเปิงรวดเดียวได้ ก็ยิ่งเสียเวลามากขึ้น
และถ้ามีปัญหาการตีความเรื่องพิกัดอัตราภาษีศุลกากรที่ทำให้ออกสินค้าไม่ได้ สินค้าก็ต้องเก็บไว้ในคลัง จะขนไปลงเรืออีกฝั่งหนึ่งทันทีย่อมไม่ได้ ก็ยิ่งฉิบหายกันใหญ่
สิ่งเหล่านี้ไม่มีการพูดถึงกันเลย พูดถึงความสำเร็จ ความโชติช่วงชัชวาลชนิดผายลมเอาตามใจชอบ จนผู้คนหลงผิดไปตามๆ กัน
ซึ่งเรื่องนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง จะปล่อยให้ความหลงผิดผ่านไปตามใจชอบนั้นก็จะเป็นความเสียหายร้ายแรงต่อบ้านเมือง จึงจำต้องแสดงความจริงให้ปรากฏและต้องย้ำว่าโครงการแลนด์บริดจ์นั้นคือโครงการเพื่อความฉิบหายแห่งชาติที่จะบังเกิดขึ้นทั้งปัจจุบันและอนาคต
ประเทศไทยเป็นประเทศ ocean link การเชื่อมต่อสองฝั่งฟากมหาสมุทรเพื่อความเป็นมหาอำนาจในการคมนาคมของ ocean link เป็นศักยภาพอันสูงสุดและจำเป็นของประเทศไทย แต่ปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นต้องขุดคลองแบบคลองสุเอซหรือคลองปานามาอีกแล้ว เพราะเทคนิคด้านวิศวกรรมก่อสร้างเขาสามารถทำเป็นคลองลอยฟ้าแทนที่จะทำเป็นคลองขุดซึ่งมีปัญหาด้านสภาวะแวดล้อมได้เรียบร้อยแล้ว และต้นทุนก็ถูกมาก และนี่ก็คืออนาคตที่ควรจะต้องทำ แต่คนใจดำอำมหิตไม่คิดจะทำ
น่าอนาถหนอประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี