วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
รายได้หลักของประเทศไทยมีมาจากสองแหล่ง คือจากการส่งออกสินค้าและจากการท่องเที่ยว โดยรายได้จากการส่งออกสินค้านั้นส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ที่เจ้าของกิจการเป็นทุนต่างชาติเป็นจำนวนมาก ดังนั้นรายได้ส่วนนี้จึงถูกส่วนแบ่งจากเจ้าของกิจการคือต่างชาติเป็นจำนวนมาก ในขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวกระจายไปสู่ผู้ประกอบการและประชาชนคนไทยทุกภาคส่วน
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 มีการวางยุทธศาสตร์ชาติสองแนวทาง และหนึ่งในนั้น คือการสร้างชาติให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการ คือมุ่งรายได้หลักจากการท่องเที่ยวนั่นเอง
เป็นผลจากการเสด็จฯทรงเยือนยุโรป และทรงพบว่าหลายประเทศในยุโรปเขาไม่ต้องปลูก ไม่ต้องไถไม่ต้องหว่าน ก็มีรายได้จำนวนมากจากผู้คนประเทศอื่นเข้ามาท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอย และสยามก็เป็นประเทศที่สวยงาม มีวัฒนธรรมอารยธรรมประเพณีที่ดีงาม ชาวสยามก็มีน้ำใจเอื้ออาทรต้อนรับชาวต่างชาติเป็นอันดี มีวิสัยที่จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน จึงเป็นที่มาแห่งยุทธศาสตร์ชาติ สร้างชาติเป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการ
ในทันทีที่รัฐบาลเศรษฐาได้จัดตั้งขึ้นก็ได้เดินหน้าในกิจการสำคัญ 4 เรื่อง ที่ประมวลได้คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การระดมการลงทุนจากต่างประเทศ การเร่งส่งออกโดยการตั้งผู้แทนทางการค้าขึ้นแล้ว 2 คน และการส่งเสริมการท่องเที่ยวนับว่าเป็น 4 กิจกรรมที่ตรงเป้าเข้าจุด และต่อมาก็ได้เพิ่มขึ้นอีกกิจกรรมสำคัญหนึ่งคือการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนของประชาชน
ทำไมถึงดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญ 1 ใน 5 เรื่อง นั่นก็เพราะว่ารายได้จากการท่องเที่ยวไม่กระจุกตัวอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งหรือภาคใดภาคหนึ่ง แต่จะกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ทั่วประเทศแก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศ และแก่ประชาชนทั่วประเทศด้วย เป็นรายได้ประเภทที่ไม่ต้องลงทุนปลูก ไถ หว่าน หรือเก็บเกี่ยวใดๆ เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่มีความพร้อมอยู่แล้ว
การยกเลิกวีซ่าหรือฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้กระตุ้นให้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้าประเทศจำนวนมาก แต่ก็ยังน้อยถ้าเทียบกับปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งหมด นั่นก็เพราะยังมีปัญหาผลกระทบจากท่าทีทางการเมืองระหว่างประเทศของรัฐที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้และยังต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันด้วย โดยเฉพาะท่าทีในการต่อต้านคนจีน มองคนจีนเป็นศัตรู มองคนจีนเป็นพวกที่น่ารังเกียจ แล้วโหมกระแสจีนเทาที่ต้องต่อต้าน ที่ต้องขับไล่ออกไป กระทั่งเกิดเหตุร้ายกับนักท่องเที่ยวชาวจีนบ่อยครั้งขึ้น
จึงทำให้ 1 ใน 5 มาตรการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประเทศและประชาชนจากการท่องเที่ยวยังไม่ก้าวหน้าไปตามที่ประสงค์ จึงควรที่รัฐบาลจะได้พิจารณาเรื่องนี้ในภาพรวมสักครั้งหนึ่ง ในฐานะที่โดยเสด็จพระบรมราโชบายในการพัฒนาประเทศในสมัยรัชกาลที่ 5 ให้บังเกิดมรรคผลแก่ประเทศชาติและประชาชนอีกครั้งหนึ่งในปัจจุบันสมัย
ประการแรก การพิจารณายกเลิกหรือเร่งรัดการออกวีซ่าให้กับผู้ขอเดินทางเข้าประเทศไทยให้มากที่สุดและเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันนี้เรื่องวีซ่าเป็นเรื่องที่ไร้แก่นสารและไร้สาระมากขึ้นทุกที เพราะไม่ใช่ยุคเดินเรือสำเภาอีกแล้ว แต่เป็นยุคดิจิทัลที่สามารถตรวจสอบข้อมูลข่าวสารและข้อมูลส่วนบุคคลในการเข้าเมืองได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่จำเป็นต้องมีระบบวีซ่าอีกต่อไป และขณะนี้ประเทศไทยก็ได้เว้นวีซ่าให้กับหลายประเทศ และหลายประเทศก็ได้ยกเว้นวีซ่าให้กับประเทศไทย
แม้กระทั่งรัสเซียก็เว้นวีซ่าให้กับประเทศไทย ที่คนไทยสามารถเดินทางไปรัสเซียได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า รวมทั้งฮ่องกงด้วย ดังนั้นใครหรือหน่วยงานใดที่หวงรายได้จากวีซ่าก็ควรจะได้สังวรเรื่องนี้ว่าเป็นความเห็นแก่ตัวที่เป็นอันตรายต่อรายได้ของประเทศ แต่ที่สำคัญคือรัฐบาลต้องมีความแน่วแน่แก้ไขในเรื่องนี้
นโยบายลึกลับบางอย่างในการถ่วงเวลาออกวีซ่าให้กับชาวอาหรับหรือมุสลิมในตะวันออกกลาง เช่น มาตรการต้องส่งออกมาออกวีซ่าในประเทศไทย หรือถ่วงเวลาไว้ถึง 6 เดือน เนื้อแท้ก็คือการทำลายประเทศไทย การขัดขวางรายได้ของผู้ประกอบการชาวไทยทั่วประเทศที่ต้องยกเลิกแก้ไขโดยพลัน
ประการที่สอง ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าและใหญ่โตมากอยู่ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยถึงปีละ 430,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันหดหายไป
เพราะมีการออกมาตรการให้รถที่นำนักท่องเที่ยวเข้ามาจากมาเลเซียเข้ามาได้เฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาเท่านั้น จะเดินทางออกไปยังจังหวัดอื่นไม่ได้ ถ้าจะไปก็ต้องจอดรถที่นำนักท่องเที่ยวเข้ามาทิ้งไว้แล้วไปหารถอื่นเช่า ซึ่งทำไม่ได้เพราะไม่มีรถเพียงพอ และไม่มีบริการเช่นว่านั้น จึงทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางกลับและเข้ามาประเทศไทยน้อยลง กระทบต่อรายได้ปีละ 430,000 ล้านบาทอย่างรุนแรง
เรื่องไม่เป็นเรื่องที่เกิดจากคนไม่ซื่อตรงต่อประเทศเพียงคนเดียว แต่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงแก่ชาติบ้านเมือง และรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 430,000 ล้านบาท และดูเหมือนว่าเรื่องนี้ก็ยังเงอะๆ งะๆ ทำลักษณะประดุจ “คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว”แต่ผลที่เกิดขึ้นคือประชาชนและผู้ประกอบการใน7 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส แล้วนายกฯเศรษฐาจะว่าอย่างไร
วันนี้ก็ว่ากันเบาะๆ แค่สองเรื่องก่อน

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี