กว่า 140 วันที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร อ้างว่าป่วยหนัก ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ โดยล่าสุดแพทย์โรงพยาบาลตำรวจกลุ่มหนึ่งอ้างว่านักโทษชายทักษิณมีปัญหาสุขภาพขั้นร้ายแรง อาจถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อหรือพูดง่ายๆ คืออาจจะตายเมื่อไรก็ได้ เนื่องจากป่วยหนักมาก ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่า 140 วัน โดยจะต้องรักษาต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีกำหนด ซึ่งก็หมายความว่าหมดโอกาสหายป่วย ซึ่งน่าจะลงท้ายด้วยการเสียชีวิตในที่สุด เพราะเกินกำลังการรักษาของแพทย์
ถามว่าทำไมโรงพยาบาลตำรวจใจดีมากเหลือเกิน ที่อนุญาตให้นักโทษชายทักษิณรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ยาวนานกว่า 4 เดือน ทั้งๆ ที่นักโทษรายอื่นๆ ที่ป่วยหนักมากๆ แล้วถูกส่งไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ เพราะมีหลักฐานยืนยันว่านักโทษที่ไปรับการรักษาในโรงพยาบาลตำรวจนั้น เมื่อเข้าไปรับการรักษาแล้วจะถูกส่งตัวกลับไปเรือนจำ โดยไม่มีเคยมีนักโทษรายใดได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปพักรักษาตัวในห้องพิเศษชั้น 14 แบบที่นักโทษชายทักษิณอ้างว่าเข้าไปรับการรักษาตัวในห้องพิเศษ ชั้น 14
เมื่อโรงพยาบาลตำรวจแสดงความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจนเช่นนี้ ก็จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ทำไมโรงพยาบาลตำรวจจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ หรือว่าโรงพยาบาลตำรวจได้รับเงินสนับสนุนการดำเนินการจากนักโทษชายทักษิณมากกว่าได้รับเงินจากงบประมาณแผ่นดิน หรือจากเงินบริจาคของประชาชนทั่วไป
สาธารณชนยังไว้หน้าผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจอย่างมาก ทั้งๆ ที่สาธารณชนไม่เคยเชื่อว่านักโทษชายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจแม้แต่วันเดียว ดังนั้น สาธารณชนจึงไม่รวมตัวไปค้นหาความจริงในโรงพยาบาลตำรวจ เหตุที่สาธารณชนไม่รวมตัวไปหาความจริงในโรงพยาบาลตำรวจ ก็เพราะไม่เคยเชื่อมาตั้งแต่ต้นว่านักโทษชายทักษิณเข้าพักรักษาอาการป่วยในโรงพยาบาลตำรวจ
ประเด็นต่อมาคือ มีข้ออ้างสุดประหลาด แสนพิสดารที่ว่ากล้องวงจรปิดในโรงพยาบาลตำรวจเสียทั้งหมด เสียทุกตัว ถามจริงๆ ว่ามีใครเชื่อหรือว่าผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจพูดความจริงในเรื่องกล้องวงจรปิด
ประเด็นนักโทษชายทักษิณทำความผิดแล้วถูกพิพากษาให้ต้องโทษด้วยการจำคุก แต่สุดท้ายไม่มีใครเชื่อว่านักโทษชายทักษิณติดคุก เพราะไม่มีหลักฐานใดยืนยันได้ชัดเจนว่านักโทษชายทักษิณติดคุกจริงๆ แล้วก็ไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่านักโทษชายทักษิณเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยัน ไม่มีหลักฐานใดๆ จากกรมราชทัณฑ์เป็นเครื่องยืนยัน ไม่มีแม้กระทั่งข้อมูลว่านักโทษชายทักษิณป่วยด้วยโรคอะไร ร้ายแรงมากมายเพียงใด ทำไมจึงพักรักษาตัวในห้องพิเศษของโรงพยาบาลได้ยาวนานกว่า 4 เดือน หากป่วยร้ายแรงจริงๆ ทำไมนักโทษชายทักษิณจึงไม่ถูกส่งตัวไปรักษาในห้องไอซียู และก็มีคำถามตามมาว่า คนคนหนึ่งหากป่วยหนักแล้วรักษามานานกว่า 4 เดือนแล้วยังไม่หายป่วย นั่นก็แสดงว่าป่วยหนักจนใกล้ตายใช่หรือไม่ หรือว่านักโทษชายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา จึงไม่สามารถออกไปรักษาตัวในโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์ได้
คำถามเรื่องนักโทษชายทักษิณเป็นคำถามที่ถามได้ไม่รู้จบ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่านักโทษชายทักษิณป่วยจริงๆ และไม่เชื่อว่านักโทษชายทักษิณพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจจริงๆ
การที่นักโทษชายทักษิณได้รับอภิสิทธิ์แบบสุดๆ ยิ่งกว่าอภิมหาอภิสิทธิ์ โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว แล้วก็หายตัวไปโดยไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว แล้วอ้างว่าไปรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ แต่ก็ไม่เคยมีใครยืนยันว่านักโทษชายรายนี้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ
มีการอ้างแบบยกเมฆว่านักโทษชายทักษิณป่วยร้ายแรงด้วยโรคหลายโรค เช่น โรคหัวใจ โรคความดัน และโรคกระดูก เป็นต้น ก็ต้องถามว่าหมอเฉพาะทางรายไหนที่เป็นผู้ดูแลรักษาโรคให้นักโทษชายทักษิณ ต้องย้ำว่าไม่เคยมีหมอเฉพาะทางคนไหนในโรงพยาบาลตำรวจกล้ายอมรับว่าตนเองเป็นผู้รักษานักโทษชายทักษิณ
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่านักโทษชายทักษิณคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดที่ทำให้สาธารณชนเห็นชัดว่ากรมราชทัณฑ์ไม่เคารพหลักความเท่าเทียมเสมอภาคของนักโทษ เพราะการที่กรมราชทัณฑ์ปล่อยให้นักโทษชายทักษิณได้รับอภิสิทธิ์ยิ่งกว่าอภิสิทธิ์ ก็หมายความว่ากรมราชทัณฑ์ไม่ได้ยึดมั่นในหลักความเท่าเทียมเสมอภาคแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ในเรือนจำนั้นมีนักโทษอีกมากมายประสบปัญหาป่วยหนักขั้นสาหัส แต่กลับไม่มีนักโทษคนไหนได้รับอภิสิทธิ์เหมือนเช่นที่นักโทษชายทักษิณได้รับในขณะนี้
น่าสังเกตว่าเมื่อนักโทษชายทักษิณอ้างว่าตนเองป่วยหนัก หนักแบบสาหัสและวิกฤตมาก มากจนอาจจะใกล้ตายทุกเมื่อ จึงต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจนานกว่า 4 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก เพราะกรมราชทัณฑ์มักไม่อนุญาตให้นักโทษรายใดออกไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอื่นๆ นอกเหนือจากโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ แต่สำหรับนักโทษชายทักษิณแล้ว กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากรมราชทัณฑ์ไม่นำพาต่อความรู้สึกของประชาชน และไม่นำพาต่อหลักความเสมอภาค ความเท่าเทียมของนักโทษรายอื่นๆ
ถามว่าหากนักโทษชายทักษิณไม่มีอิทธิพลการเมืองจากพรรคเพื่อไทยเป็นเกราะกำบังให้ตนเองรอดพ้นจากการถูกจำคุก นักโทษชายทักษิณจะได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้หรือไม่
หากจะถามว่าแล้วนักโทษชายทักษิณเกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเพื่อไทย ก็ตอบชัดๆ ว่า นักโทษชายทักษิณคือผู้เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย และเป็นพ่อของหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนล่าสุด แต่แม้ว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนผ่านๆ มา ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนักโทษชายทักษิณ แต่ก็ต้องบอกว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยทุกคนล้วนต้องฟังคำบัญชา และการชี้นิ้วสั่งจากนักโทษชายทักษิณมาโดยตลอด
กลับไปที่เรื่องนักโทษชายทักษิณป่วยหนักขั้นสาหัส โดยกรมราชทัณฑ์ออกประกาศว่าต้องอยู่ภายในการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ นั่นแสดงว่านักโทษชายทักษิณอาจกำลังจะตาย ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมจึงไม่มีภาพลูก เมีย โคตรเหง้าศักราชของนักโทษชายทักษิณไปเยี่ยมเพื่อดูใจนักโทษชายทักษิณ แล้วเหตุใดเหล่าบรรดาขี้ข้าขี้ครอกของนักโทษชายทักษิณ โดยเฉพาะเหล่าบรรดานักการเมืองที่เคยบินไปหากันอย่างเพ่นพ่านและกระเสือกกระสนบินไปเยี่ยมนักโทษชายทักษิณในต่างแดนมาโดยตลอด จึงไม่ไปดูใจนักโทษชายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ
มันเป็นเรื่องผิดปกติมากๆ ที่ลูก เมีย โคตรเหง้าศักราช และบรรดาขี้ครอกขี้ข้านักโทษชายทักษิณไม่ไปเยี่ยม ไม่ไปดูใจนักโทษชายทักษิณบ้างเลย ทั้งๆ ที่นักโทษชายทักษิณป่วยหนัก ป่วยขั้นสาหัส ไม่สามารถอยู่ห่างจากการดูแลของแพทย์เฉพาะทางได้ จนต้องพักรักษาตัวในห้องพิเศษโรงพยาบาลตำรวจ ณ ชั้น 14 มาเป็นเวลานานกว่า 4 เดือนแล้ว
ถามจริงๆ คนที่ป่วยหนัก รักษาอย่างไรก็ไม่หาย แถมยังป่วยขั้นสาหัสจนต้องอยู่ใกล้แพทย์ตามที่กรมราชทัณฑ์อ้างถึงอาการป่วยหนักของนักโทษชายทักษิณ แบบนี้จะมีโอกาสรอดชีวิตหรือ แล้วหากป่วยหนักสาหัสจริงๆ ทำไมไม่ย้ายไปรักษาในห้องไอซียู ทำไมอยู่ในห้องพิเศษได้ เพราะห้องพิเศษไม่มีอุปกรณ์รักษาอาการป่วยขั้นวิกฤตเหมือนห้องไอซียู หรือแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจจะอ้างว่าในห้องพิเศษ ชั้น 14 ที่อ้างว่านักโทษชายทักษิณพักรักษาตัวอยู่นั้นมีอุปกรณ์สำหรับรักษาคนป่วยขั้นวิกฤต แบบเดียวกับห้องไอซียู ถามจริงๆ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจจะกล้าตอบแบบนี้หรือ
กรณีข้ออ้างเรื่องนักโทษชายทักษิณป่วยหนักขั้นวิกฤตและสาหัสมาก เป็นข้ออ้างที่ไม่มีวิญญูชนรายใดเชื่อถือแม้แต่รายเดียว ยกเว้นคนที่น่าอยู่ในข่ายขี้ข้าของนักโทษชายทักษิณเท่านั้นที่หลงเชื่อ แถมยังมีขี้ข้านักโทษชายทักษิณยังกล้าประกาศว่านักโทษชายทักษิณมีบุญคุณเหลือล้นต่อสังคมไทย โดยบางรายเลียยิ่งกว่าเลียโดยบอกว่านักโทษชายทักษิณคือต้นแบบของการปรองดองในสังคม
เอาเถอะ จะประเคนความเป็นอภิสิทธิ์ชนให้นักโทษชายทักษิณมากมายเพียงใด ก็เชิญทำกันต่อไป เชิญเหยียบย่ำทำลายหลักความยุติธรรมในสังคมไทยต่อไป เชิญทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วจะได้รู้กันว่าความอดทนของคนไทยที่ไม่ยอมจำนนต่ออธรรมจะลุกขึ้นมาทวงหาความยุติธรรมในวันไหน ซึ่งต้องบอกว่าความอดทนของคนไทยผู้รักความยุติธรรมมีขีดจำกัด คนไทยที่รักความยุติธรรมอดทนได้ แต่ก็ต้องบอกว่าความอดทนของคนไทยที่รักความยุติธรรมก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
ย่ำยีหัวใจคนไทยได้ ก็ย่ำยีต่อไป แล้วจะได้เห็นกันว่า ในวันที่คนไทยผู้รักความยุติธรรมหมดความอดทน จะเกิดอะไรขึ้นกับเหล่าอธรรมผู้อยู่ร่วมในขบวนการทำลายความยุติธรรมของสังคมไทย
เมื่อโรงพยาบาลตำรวจยอมเสียหลักการโดยเข้าร่วมอยู่ในขบวนการไม่รักษาความยุติธรรมของสังคมไทยก็หมายความว่าโรงพยาบาลตำรวจยินดีประกาศตัวเข้าข้างความอยุติธรรม เมื่อเลือกเช่นนั้นแล้ว ก็ต้องยอมรับผลที่ตนเองเลือกโดยต้องไม่ปฏิเสธผลร้ายที่จะตามมาในเร็ววัน แล้วจะได้เห็นกันว่าผลลัพธ์ของการไม่รักษาความเป็นธรรม มันส่งผลเสียหายสาหัสมากเพียงใดกับคนที่เลือกฝ่ายอธรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี