สงครามอิสราเอล-ฮามาสย่างเข้าเดือนที่ห้าคร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ในชนวนกาซาไปแล้วกว่าสามหมื่นคนแต่ยังไม่หนำใจ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีขวาสุดโต่งของอิสราเอล ผู้ขู่ว่าหากฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันก่อนวันถือศีลอดจะส่งกำลังทหารบุกเมืองราฟาห์ที่ชาวกาซาแออัดอยู่กว่าล้านคนขณะที่แหล่งข่าวในอิสราเอล ระบุว่า บุกราฟาห์จะอ้างได้ว่า นายเนทันยาฮู ยุ่งอยู่กับสงครามไม่มีเวลาขึ้นศาลเพื่อฟังการพิจารณาคดีที่เขาเป็นจำเลยคดีอาญาซึ่งล่าช้ามากว่าสามปี
“เขาต้องขึ้นศาลเพื่อฟังการพิจารณาคดีคอร์รัปชั่นและรับสินบนในเดือนมีนาคมนี้ เราคิดว่าการที่ขู่ว่า หากฮามาสยังไม่ปล่อยตัวประกันก่อนรอมฎอน อิสราเอลจะบุกราฟาห์ มันเป็นข้ออ้างว่าสงครามติดพันอยู่เนทันยาฮูไม่มีเวลาไปขึ้นศาล..”อดีตผู้สื่อข่าวสงครามจากเมืองไฮฟาทางเหนืออิสราเอล กล่าวกับแนวหน้า อิสราเอลแถลงว่าตัวประกันที่ยังอยู่ในการควบคุมของฮามาส 136 คน(รวมทั้งคนไทยแปดคน : ผู้เขียน) ต้องได้รับการปล่อยตัวก่อนเดือนรอมฎอนซึ่งคาดว่าจะเริ่มประมาณวันที่ 10 มีนาคม เมืองราฟาห์ติดกับชายแดนอียิปต์ที่เป็นทางออกทางเดียวจากฉนวนกาซาที่อิสราเอลปิดล้อมมากว่าห้าสิบปี มีประชากรรวมทั้งผู้พลัดถิ่นแออัดอยู่ที่นั่นกว่าหนึ่งล้านคน
นายเบนจามิน เนทันยาฮู เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอลที่ถูกดำเนินคดีขณะที่ดำรงตำแหน่ง อัยการสูงสุดอิสราเอลฟ้องเนทันยาฮูและภริยา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ในหลายข้อหาซึ่งรวมถึงข้อหาฉ้อโกง ละเมิดต่อหน้าที่ และรับสินบนโดยข้อกล่าวหาของอัยการมุ่งเป้าไปที่กรณีนายเนทันยาฮูและภริยา รับของขวัญที่เป็นเพชรนิลจินดา ซิการ์ และสิ่งของอื่นๆ รวมมูลค่า 2 แสน 6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 7 ล้าน 8 แสนบาท เพื่อแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือทางการเมือง นอกจากนี้ เขาถูกกล่าวหาว่า ช่วยบริษัทสื่อสองแห่งแทรกแซงหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมายและสมาชิกสภา เพื่อแลกกับการเสนอข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับเขา
ที่ผ่านมาเนทันยาฮู ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และอ้างว่าตนเป็นเหยื่อของ “การล่าแม่มด” โดยบรรดานักการเมืองฝ่ายซ้าย และเนทันยาฮู ทำทุกวิถีทางเพื่อถ่วงเวลาให้การพิจารณาคดีล่าช้าออกไปนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งใช้อิทธิพลทางการเมืองในสภา ผลักดันกฎหมายให้ฝ่ายบริหารมีอำนาจเหนือฝ่ายตุลาการแต่ถูกศาลสูงตัดสินเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาให้กฎหมายปฏิรูปตุลาการเป็นโมฆะ และศาลสั่งให้นำคดีที่เนทันยาฮูเป็นจำเลยมาพิจารณาใหม่ในเดือนมีนาคม 2567
“ศาลยังไม่กำหนดวันพิจารณาว่าเป็นวันไหนในเดือนมีนาคม และคิดว่าการขู่จะบุก ราฟาห์ก่อนเริ่มรอมฎอน เป็นกลอุบายถ่วงเวลาให้การพิจารณาคดีล่าช้าออกไปอีก” แหล่งข่าวกล่าว และแสดงความสงสัยว่า กองทัพอิสราเอลจะบุกเมืองราฟาห์ซึ่งอยู่ติดชายแดนอียิปต์ได้จริงหรือไม่ เพราะอิสราเอลประกาศว่าจะอพยพพลเมืองกาซาในราฟาห์กว่าหนึ่งล้านคนออกไป “ปาเลสไตน์กว่าล้านคนจะอพยพไปไว้ที่ไหน..ราฟาห์เป็นช่องทางเดียวที่ปาเลสไตน์และหน่วยบรรเทาต่างๆ เข้า-ออกฉนวนกาซาได้ หากอิสราเอลบุกจริงคุณคิดว่าอียิปต์จะยอมไหม?” แหล่งข่าวถามโดยไม่ต้องการคำตอบ
รอมฎอน เป็นเดือนที่ 9 ตามปฏิทินอิสลาม ซึ่งยึดตามจันทรคติ ชาวมุสลิมทั่วโลกจะถือศีลอดประจำปีในช่วงเวลากลางวันของเดือนนี้ โดยพวกเขาจะอดอาหารตั้งแต่แสงอรุณขึ้นไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน การถือศีลอดมีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงออกถึงความศรัทธา ซื่อสัตย์ มุ่งหวังความใกล้ชิดกับองค์อัลเลาะห์และเป็นการย้ำเตือนให้ชาวมุสลิมระลึกถึงความลำบากของบุคคลที่ด้อยโอกาสกว่า
“เราภาวนาว่า การบุกราฟาห์ก่อนเดือนถือศีลอดเป็นแค่คำขู่”แหล่งข่าวกล่าวและแจงว่า กองกำลังพิทักษ์อิสราเอล (Isarael Defense Forces=IDF) อ้างว่าแกนนำฮามาสส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองราฟาห์และอิสราเอลยังกล่าวหาว่าบุคลากรทางการแพทย์ในราฟาห์ล้วนแต่เป็นคนของฮามาส
อาจารย์ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาด้านความมั่นคง เชื่อว่า อิสราเอลบุกราฟาห์เพื่อตามล่าแกนนำฮามาส “ผมคิดว่าอิสราเอลต้องบุกราฟาห์เพื่อล่าตัวฮามาส เชื่อว่าส่วนใหญ่อยู่ที่นั่น ตั้งแต่สู้รบกันมาอิสราเอลยังจับตัวฮามาสไม่ได้สักคน” อ.ปณิธานกล่าวกับแนวหน้าและคิดว่าอิสราเอลคงใช้ขีปนาวุธเล็งไปที่แกนนำฮามาสซ่อนตัวอยู่ในราฟาห์ แต่ก็ยากเพราะฮามาสอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน “เวลานี้ทหารอิสราเอลสองกองพลส่วนใหญ่ถอนตัวออกกาซาหันหน้าไปทำสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน “ทหารอิสราเอลเหลืออยู่แค่สองกองพัน ดังนั้นคิดว่าอิสราเอลคงใช้ขีปนาวุธเล็งไปที่เป้าหมายคนสำคัญของฮิซบอลเลาะห์” อ.ปณิธานกล่าว
การวิเคราะห์ของ อ.ปณิธานตรงกันกับข้อมูลจากอดีตผู้สื่อข่าวสงครามจากเมืองไฮฟาทางเหนืออิสราเอลที่ว่าสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ รุนแรงกว่าการสู้รบกับฮามาสในกาซา “จรวดและขีปนาวุธของฮิซบอลเลาะห์ยิงมาทางเหนือถี่มากขึ้น และผู้อพยพเพิ่มอีก 150,000 คน ออกจากใกล้ชายแดนเลบานอนเรากังวลมากว่าสงครามกับฮิซบอลเลาะห์จะขยายวงรุนแรงขึ้นและพวกเขาอาจยิงถล่มเมืองใหญ่ด้วยขีปนาวุธ เช่น ไฮฟาและเทลอาวีฟ ซึ่งต่างกับฮามาสที่ไม่มีอาวุธพิสัยไกล ฮิซบอลเลาะห์มีอาวุธมีประสิทธิภาพสูงและพวกเขาเล็งเป้าหมายแม่นยำ..”อดีตผู้สื่อข่าวสงครามซึ่งมีวิลล่าอยู่ในเมืองไฮฟา กล่าวกับแนวหน้า และกล่าวเสริมว่า..“เราหวังว่าสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ไม่เลวร้ายลงไป ฮิซบอลเลาะห์รู้ว่าหากพวกเขายิงถล่มเทลอาวีฟหรือเยรูซาเลม อิสราเอลจะตอบโต้โดยการถล่มเบรุต ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งสองฝ่าย..”
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า สงครามในกาซายังมีต่อไปเพราะอิสราเอลเชื่อว่าฮามาสซ่อนตัวอยู่ในราฟาห์ และยิงจรวดใส่อิสราเอลทุกวัน “เข้าใจว่าฮามาสขาดแคลนอาวุธพิสัยไกล จรวดของพวกเขาถึงได้ตกเฉพาะตอนใต้อิสราเอล” แหล่งกล่าว และวิเคราะห์ว่าอิสราเอลคงเชื่อว่าฮามาสขาดแคลนอาวุธมีประสิทธิภาพสูงจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะตามล่าฮามาสในราฟาห์
“แต่มันคงน่าเกลียดมากหากอิสราเอลบุกทำลายล้างราฟาห์ในเดือนรอมฎอน ทำให้สงครามยืดเยื้อออกไปเพื่อให้เนทันยาฮูไม่ต้องไปศาลฟังคำพิจารณาคดีคอร์รัปชั่น” อดีตผู้สื่อข่าวสงครามกล่าว
เนทันยาฮู คงมีคติเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ถูกตัดสินในความผิดคอร์รัปชั่นแล้วยังโกงความยุติธรรมได้ โดยไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว แต่อดีตนายกรัฐมนตรีไทยกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแตกต่างกันในด้านยุทธวิธี ฝ่ายไทยโกงความยุติธรรมด้วยอ้างอาการป่วยไข้ส่วนเนทันยาฮูถ่วงเวลาให้กระบวนการยุติธรรมล่าช้าด้วยข้ออ้างว่าสงครามติดพันหาวันขึ้นศาลไม่ได้
อย่างไรก็ตาม อ.ปณิธานเชื่อว่าเนทันยาฮูให้ความสำคัญกับการจับตัวแกนนำฮามาสมากกว่าการสู้คดีคอร์รัปชั่นในศาล “จะเห็นว่าอิสราเอลไม่ยอมรับเงื่อนไขการปล่อยตัวประกัน อิสราเอลเชื่อว่าหากตกลงหยุดยิงหกวันเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันตามเงื่อนไข ฮามาสอาจใช้เวลานั้นหลบหนีออกมาพร้อมกับตัวประกัน ฝ่ายฮามาสเองก็เชื่อว่าปล่อยตัวประกันหรือไม่อิสราเอลก็บุกราฟาห์อยู่ดี”
สรุปว่าสงครามล้างผลาญต้องดำเนินต่อไปตราบใดที่คู่สงครามไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่ตนต้องการ
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี