การทำงานของรัฐบาลหรือคณะกรรมการราษฎรในช่วงเวลาแรกประมาณเกือบ 6 เดือนนั้นเรื่องที่สำคัญมาก คือการร่างรัฐธรรมนูญที่หัวหน้ารัฐบาลเป็นประธานคณะอนุกรรมการยกร่างด้วยตัวเอง ดังที่กล่าวมาแล้ว และพระยามโนฯ ประธานคณะอนุกรรมการกับหลวงประดิษฐ์ฯเลขานุการคณะอนุกรรมการ ได้ช่วยกันเร่งทำเป็นอย่างดี เพียงสี่เดือนครึ่งก็ได้ร่างรัฐธรรมนูญ มานำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475นี่ขนาดที่อนุกรรมการไม่เคยร่างรัฐธรรมนูญมาก่อนเลยทั้งคณะ และมีเพียงธรรมนูญการปกครองฯ ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2475 เป็นแนวทางเท่านั้น สมาชิกสภาฯทั้ง 70 นายจึงเป็นผู้ตรวจแก้และรับรอง
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 พระยามโนฯในฐานะประธานคณะอนุกรรมการยกร่างได้นำร่างรัฐธรรมนูญเสนอต่อสภาฯ โดยมีคำแถลงแนบท้าย มีความสำคัญในคำแถลง ดังนี้
“กล่าวคือร่างใหม่นี้ก็เป็นรูปพระธรรมนูญอย่างราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติธรรมนูญชั่วคราวฉะบับเดิม … อนุกรรมการได้ค้นคว้าหาแบบแผนรัฐธรรมนูญที่เขาทำมากันแล้วในนานาประเทศ เพื่อเป็นแบบอย่าง และดัดแปลงเสียบ้าง ในข้อที่เห็นว่าไม่เหมาะสมแก่ฐานะในเมืองเรา”
ความข้างบนนี้บอกที่มาของแนวคิดระบอบการปกครองที่นำเสนอใหม่ว่าเป็น “ราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ” โดยในการร่างได้ศึกษารูปแบบ แนวทางที่มีทำกันมาก่อนในต่างประเทศ แต่ได้เอามาดัดแปลงบ้างให้เหมาะสมกับประเทศสยาม
พระยามโนฯยังกล่าวอีกว่า ในการจัดร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรนี้
“อนุกรรมการได้ทำติดต่อกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดเวลา จนถึงอาจจะกล่าวได้ว่า ได้ร่วมมือกันทำข้อความตลอด ในร่างที่เสนอมานี้ได้ทูลเกล้าฯถวาย และทรงเห็นชอบด้วยทุกประการแล้ว และที่กล่าวได้ว่าทรงเห็นชอบนั้น ไม่ใช่แต่เพียงทรงเห็นชอบด้วยอย่างข้อความที่กราบบังคมทูลขึ้นไปยิ่งกว่านั้นเป็นที่พอพระราชหฤทัยมาก”
เรื่องสำคัญประการหนึ่งของรูปแบบการปกครองนี้ คืออำนาจนิติบัญญัตินั้นจะเป็นแบบสภาเดี่ยวหรือแบบสภาคู่ ประธานคณะอนุกรรมการฯได้ชี้แจงไว้ในเบื้องแรกอย่างชัดเจนว่า คณะอนุกรรมการฯเลือกการมีสภาเดียว เพราะเหตุใด
“…เมื่อได้ตรึกตรองโดยรอบคอบแล้วเห็นว่า เราจะตั้งรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ไม่มีประเพณีที่จะบังคับเรา การมีสภาเดียวนั้นกิจการดำเนินได้รวดเร็ว การมีสองสภานั้นอาจต่างกัน ชักช้า โตงเตงและกล่าวว่า ที่ข้าพเจ้าได้สังเกตและได้พบได้ยินมา บางประเทศที่มี2 สภานั้น กิจการเดินช้านัก แต่ว่ามีบางประเทศที่ต้องมี 2 สภา เพราะเป็นประเพณีบังคับแต่ในรัฐธรรมนูญใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นสมัยเร็วๆนี้ มักจะมีแต่สภาเดียว เมื่อตกลงใจดั่งนี้ จึงได้ดำเนินการในทางให้มีสภาเดียว…”
รูปแบบการปกครองของสยามในชั้นแรกนั้น ที่มีการกล่าวถึงว่าเป็นระบบรัฐสภาของอังกฤษนั้นอาจจริง แต่หาได้เหมือนกันทุกอย่างไม่เพราะอังกฤษใช้ระบบสองสภา คือมีทั้งสภาผู้แทนราษฎรและสภาขุนนาง สยามในตอนนั้นเลือกมีสภาเดียวคือสภาผู้แทนราษฎร
จากนั้นพระยามโนฯสรุปเนื้อหาในรัฐธรรมนูญได้อย่างกะทัดรัดว่า
“ใจความสำคัญของรัฐธรรมนูญแบ่งได้เป็น 4 ภาค คือว่าด้วยอำนาจพระมหากษัตริย์ ภาคหนึ่ง ว่าด้วยอำนาจในการออกกฎหมายคืออำนาจนิติบัญญัติ ภาคหนึ่ง อำนาจบริหารการแผ่นดินภาคหนึ่ง อำนาจศาล ภาคหนึ่ง นอกนั้นก็ข้อความประกอบ…”
หลังจากนั้นอีก 10 วันในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 สภาฯ จึงได้เริ่มพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเรียงมาตรา มีการขอแก้ไข โต้แย้ง แสดงความคิดเห็นในกติกาการเมืองฉบับแรกของสยาม กันมาจนเรียบร้อยบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2475 จึงสามารถจัดพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญได้ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี