ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินฯ กับรัฐธรรมนูญ ฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 คือ ธรรมนูญฯได้จัดโครงสร้างอำนาจนิติบัญญัติให้มีอำนาจมาก จนกล่าวได้ว่าสภาฯชั่วคราวตามธรรมนูญฯเป็นสภาฯ ที่มีอำนาจมากที่สุด คณะผู้บริหารประเทศคือคณะกรรมการราษฎรเป็นกรรมการของสภาเท่านั้น โดยเป็นองค์กรของสภาฯ ที่ไปควบคุมดูแลกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ของประเทศ แต่ในรัฐธรรมนูญฉบับแรก ได้แยกอำนาจนิติบัญญัติกับอำนาจบริหารออกจากกันให้เห็นได้ชัด โดยอำนาจบริหารจะเข้ารับตำแหน่งได้ จะต้องได้รับความไว้วางใจจากสภาฯ ส่วนอำนาจตุลาการนั้นให้ไว้เหมือนกันทั้ง 2 ฉบับ
ที่เป็นประเด็นปัญหาตอนนั้นคือการเรียกชื่อคณะผู้บริหารประเทศ จะยังใช้ชื่อเดิมว่าคณะกรรมการราษฎรหรือจะใช้ชื่อใหม่ว่าอย่างใด ซึ่งในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 พระยามโนฯได้รายงานว่า
“มีอยู่หนึ่งคำในร่าง ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทัก คือคำว่าคณะกรรมการราษฎร กับกรรมการราษฎร ทรงรับสั่งว่าคำไม่เพราะ และไม่ค่อยจะถูกเรื่องตามแบบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ และติเช่นนี้จึงขอนำเสนอให้ทราบการ”
หลวงประดิษฐ์ฯได้เล่าให้ฟังว่าในขั้นการร่างของ คณะอนุกรรมการ ท่านขอไม่ให้ตัดสินใจให้เอาเรื่องคำนี้มาให้สภาฯตัดสิน และในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2475 ท่านได้กล่าวว่า
“ในคำชี้แจงของประธานอนุกรรมการที่เกี่ยวกับคำ “คณะกรรมการราษฎร” พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงทักมา…… ส่วนคำว่า“คณะกรรมการราษฎร” นั้น ควรรอไว้พูดกันเมื่อถึงบทที่ว่าด้วยคำนี้คือหมวด 4 มาตรา 46”
ในวันรุ่งขึ้น เมื่อมีการพิจารณาถึงมาตรา 46 จึงมีการยกเรื่องมาพิจารณา และผู้ที่เสนอญัตติขอให้ใช้คำว่า “รัฐมนตรี” มี พระยาพหลฯ นายประยูร ภมรมนตรี หลวงเดชสหกรณ์นายสงวน ตุลารักษ์ ส่วนผู้ที่เสนอให้คงคำว่า “คณะกรรมการราษฎร” คือนายซิม วีระไวทยะ ทั้ง 5 คนนี้ล้วนเป็นสมาชิกคณะราษฎร
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ เสนอในทางชื่อว่า สภาผู้แทนฯ กรรมการของสภาฯก็ควรเป็นกรรมการผู้แทนราษฎร ตรงนี้พระยามโนฯได้แย้งว่า ตามหลักคณะกรรมการราษฎรเป็นฝ่ายบริหารไม่ใช่กรรมการของสภาผู้แทนราษฎร
แต่หลวงประดิษฐ์ฯว่า “อยากใช้ภาษาธรรมดาให้คนอื่นเข้าใจง่าย คำว่ากรรมการราษฎรหมายความว่าบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เรามอบหมายมาให้ทำหน้าที่บริหารเป็นกรรมการราษฎร”
นายมังกร สามเสน เห็นว่าไม่ควรเปลี่ยน ให้ใช้คณะกรรมการราษฎร “ได้ใช้มาทั่วพระราชอาณาจักรเข้าใจแล้ว..ถ้าใช้คำว่ารัฐมนตรีทำให้ราษฎรเข้าใจผิดว่าพากันหนีจากราษฎรเลย”แต่พระยามานฯ ว่า “รัฐมนตรี” หรือรัฐบดีทั้งว่ารัฐมนตรีคุ้นกับปากแล้ว”
หลวงประดิษฐ์ “เมื่อเอ่ยถึงรัฐมนตรีสภาที่เคยไม่ได้ทำอะไรกัน ที่พูดนี่ไม่ใช่ยืนยันคำว่ากรรมการราษฎรถูกต้อง หมายว่าคณะบริหาร ที่พูดนี่เพื่อขอให้สมาชิกชั่งน้ำหนักให้ดี”
นายประยูร ภมรมนตรี ว่า “คำว่ารัฐมนตรีฟังไพเราะ ถ้าใช้คำว่าคณะกรรมการราษฎรฟังดูเป็นโซเวียต ฟังไม่สนิท คณะนี้จะเรียกชื่อเสียใหม่ว่า คณะบริหารรัฐการ คนธรรมดาก็เข้าใจ”
หลวงโกวิทฯ ตอบนายประยูร “ที่ว่า…กลายเป็นรัฐบาลโซเวียต โดยถามว่ารัฐธรรมนูญนี้เป็นโซเวียตหรือ เพราะคำพูดไม่สำคัญอะไร เอาแต่สะดวก การเป็นโซเวียตหรือไม่แล้วแต่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญนี้ต่างหากถ้าเห็นว่ามีบทบัญญัติเป็นโซเวียต ข้อไหนก็เสนอแก้เสีย”
การประชุมใน วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2475 รายงานการประชุมสภาฯบันทึกไว้ดังนี้
“มีผู้เห็นควรใช้คำรัฐมนตรี 28 เสียงไม่ออกเสียง 24 เสียง ควรใช้คำอื่น 7 เสียง ตกลงใช้คำว่ารัฐมนตรีแทนคำกรรมการราษฎร”
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี