สัปดาห์ที่แล้ว โลกโซเชียลฮือฮา กรณีแอ๊ด คาราบาว เปลี่ยนใจ ไม่ยุบวงคาราบาวแล้ว แถมประกาศทำสงครามสู้รบกับเจ้าสัว
เป็นการกระตุ้นให้สงครามเบียร์ในบ้านเรา คึกคัก หวือหวา น่าคิดตามมากขึ้น
1. เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมปีที่แล้ว นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว หัวหน้าวงคาราบาว เคยประกาศไว้ว่าจะยุบวงคาราบาวตอนเดือนเมษายน ปี 2567
ตอนนั้น แอ๊ด คาราบาว บอกว่า “เราจะมีคอนเสิร์ตวันที่ 1 เมษายน 67 แล้วก็จะเลิกวงเลยนะครับ รีบบอกไปเลยครับพี่น้อง เป็นความจริง เพราะมันไม่ไหวแล้ว”
แต่ล่าสุด แอ๊ด คาราบาว ประกาศบนเวทีคอนเสิร์ต “ล้อมวงลา คาราบาว” กลับคำพูดเดิม
คราวนี้ ประกาศรบกับเจ้าสัว !!
“...จริงๆ แล้ว ผมตั้งใจหยุดวงจริงๆ นะครับ ตั้งใจหยุดวงจริงๆ หลังจากวันที่ 4 ไปแล้วก็จะไม่มีคาราบาว
แต่ปรากฏว่า มันมีเรื่องที่ทำให้ผมแค้น และผมทนไม่ได้กับธุรกิจของประเทศไทย ที่แม่-ผูกขาดกันมานานแล้ว...
คือ ทุกวันนี้ ผมเหลือเวลาอีกไม่มากที่จะเล่น หลังจากนี้ไปก็หมดแค่วันที่ 4 เม.ย.แล้ว ผมไปเล่นที่ไหนผมก็บอกว่าขอเอาเบียร์คาราบาวไปขายได้ไหม ปรากฏว่า มันมีเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง มันไม่ยอม มันบอกถ้าเกิดร้านนี้เอาเบียร์คาราบาวมาขาย มันจะถอนเบียร์ออกไป คือ มันมีการผูกขาดมานานแล้ว ผมขายเบียร์ไม่ได้เลย...
ผมจะหยุดแค่ เม.ย. เดือนเดียว เดี๋ยวกูจะกลับมาใหม่
กูจะมาสู้กับมึง
จริงๆ แล้วผมต้องการพักวง เพราะเราเหนื่อย เราแก่ แต่ผมต้องช่วยพี่เถียรไม่อย่างงั้นเราแย่แน่นะครับ เราลงทุนกับเหล้ากับเบียร์ไป 8,000 ล้าน ไม่ใช่เงินเล็กๆ นะครับ
ประเทศนี้มีแต่เจ้าสัวไม่กี่คนที่ผูกขาด อันนี้ไม่ใช่ดราม่านะครับ จริงๆ ตั้งใจเลิกจริงๆ
ไปรบกับแม่-เลย” – แอ๊ด คาราบาวกล่าว
2. พี่เถียรในความหมายของแอ๊ด คาราบาว ย่อมหมายถึง “เสถียร เสถียรธรรมะ”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
หลังเข้าสู่ธุรกิจ “เครื่องดื่มชูกำลัง” อย่างสวยงาม กินส่วนแบ่งการตลาดกว่า 20%
ตามด้วยธุรกิจสุรา และประกาศเข้าสู่ธุรกิจเบียร์เมื่อปลายปีที่แล้ว
ข่าวตอนนั้น ระบุว่า ทุ่มงบประมาณลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ออกเบียร์ทั้งแบบ “ขวด-กระป๋อง”
เรียกว่า เป็น “เสี่ย” ประกาศชิงส่วนแบ่งตลาดจาก “เจ้าสัว”
3. เดิม ตลาดเบียร์มีมูลค่าราว 2.6 แสนล้านบาท
ลีโอ ของ บุญรอด บริวเวอรี่ สัดส่วน 44.8%
ช้าง ของ ไทยเบฟ สัดส่วน 31.2%
สิงห์ ของ บุญรอด บริวเวอรี่ สัดส่วน 11.2%
ไฮเนเกน ของ ทีเอพี เทรดดิ้ง สัดส่วน 3.8%
อาชา ของ ไทยเบฟ สัดส่วน 2.4%
สงครามตลาดเบียร์ ดุเดือดขึ้นไปอีก หลังเสี่ยเสถียร เจ้าพ่อคาราบาวกรุ๊ปส่งเบียร์ 2 แบรนด์น้องใหม่ “คาราบาวและตะวันแดง” มาสู้รบ ชิงส่วนแบ่งตลาด
ล่าสุด เสถียรเปิดเผยว่า ในภาพรวมธุรกิจ เบียร์กลุ่มคาราบาวอยู่อันดับ 3 ของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวม โดยขณะนี้มีตัวแทนขายตามร้านค้าอยู่หลัก 10,000 ราย
“แต่หากประเมินตามแผนการทำงาน และความคาดหวังในช่วงการเปิดตัวเบียร์กลุ่มคาราบาว ถือว่ายังไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังที่วางไว้ เนื่องจากจำนวนร้านค้า หรือตัวแทนจำหน่ายยังไม่ได้มีมากเท่าที่คาดไว้”
รายงานข่าวระบุว่า หลังคาราบาวเปิดตัวเบียร์ ทำให้มีการแข่งขันค่อนข้างดุเดือดเรื่องช่องทางการจัดหน่าย นับตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงขณะนี้ โดยเจ้าตลาดเดิมมีการแจ้งกับตัวแทนจำหน่ายถึงแนวทางการทำตลาด พร้อมกับมอบสิทธิพิเศษให้กับร้านค้า
“ถ้าไม่ขายเบียร์คาราบาว ทางเบียร์ลีโอจะให้ผลตอบแทนมากขึ้น จากเดิม 2 บาท/ลัง เป็น 5 บาท/ลัง
ส่วนเบียร์ช้างก็จะให้ผลประโยชน์เพิ่มเช่นกัน
ซึ่งถือว่าได้ผล เพราะร้านค้าที่เคยขายเบียร์คาราบาวก็ไม่ได้ขายแล้ว ประกอบกับกระแสเริ่มแผ่วและขายได้ช้าด้วย ทำให้คาราบาวเจาะตลาดลำบาก แต่ยังมีช่องทางขายผ่านร้านถูกดีมีมาตรฐานและซีเจ มอร์ที่เป็นธุรกิจค้าปลีกในเครือ” – รายงานข่าวระบุ
4.นักวิเคราะห์หุ้นให้มุมมองต่อ Carabao Group (CBG) ระบุว่า ธุรกิจเบียร์ที่เป็นความหวังอาจไม่ได้โตแรงเท่าที่คาด
ตลาดเบียร์ที่ชะลอลง และบริษัทต้องเผชิญอุปสรรคในการขยายช่องทางจัดจำหน่าย Traditional Trade (TT) ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้บนช่องทาง TTมีอยู่เพียง 40-50% ของช่องทางจัดจำหน่ายทั้งหมด ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 75% อย่างมีนัยสำคัญ (CBG รับรู้รายได้จาก TT เท่านั้น) ทำให้แม้จะรับรู้รายได้จัดจำหน่ายธุรกิจเบียร์ได้เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก แต่คาดรายได้จัดจำหน่ายอาจจะทำได้เพียงทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย (รายได้จัดจำหน่ายเบียร์ใน 4Q66 อยู่ที่ 500 ลบ.)ซึ่งน้อยกว่าที่เราและตลาดประเมินไว้ก่อนหน้า
นักวิเคราะห์หุ้นบางสำนักเปิดเผยว่า เบียร์ค่ายตะวันแดง มีส่วนแบ่งตลาดราว 2% ณ เดือนธันวาคม 2566 ขณะที่ยอดขายเดือน ม.ค.-ก.พ. อ่อนตัวลงราว 30%
โดยประเมินว่า เบียร์ค่ายคาราบาวแดง ตลอดปี 2567 จะมียอดขาย 1,950 ล้านบาท
จะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 1.5% ในปี 2567 และขยับเป็น 2% ในปี 2568
แน่นอนว่า ข้อมูลนี้ ไม่เป็นที่พึงพอใจของเสี่ยใหญ่ค่ายคาราบาวแดงอย่างแน่นอน
5. ขณะนี้ ไม่ว่าส่วนแบ่งตลาดแท้จริงขณะนี้ของเบียร์จากค่ายคาราบาวแดงจะเป็นอย่างไร หรือมีกลวิธีการตลาดอย่างไรบ้าง
แต่ที่แน่ชัด คือ “ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า” สำหรับเบียร์จากค่ายคาราบาวแดง
ต้องยอมรับว่า เบียร์จากสองค่ายยักษ์ใหญ่ มีจุดแข็งทั้งกระบวนการผลิตและช่องทางกระจายสินค้า โดยเฉพาะการจำหน่ายผ่านร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานบันเทิงต่างๆ
และนี่คือจุดที่ค่ายคาราบาวแดงสะดุด
นั่นอาจเป็นที่มา ที่ต้องหันมาใช้บริการ “แอ๊ด คาราบาว” ที่ประกาศยุบเลิกวงไปแล้ว ยังต้องกลับมาประกาศ “รบกับเจ้าสัว”
6. ในอดีต เคยมีกรณีศึกษากลวิธีทางการตลาดที่ไม่แฟร์ คือ กลยุทธ์ขายเหล้าพ่วงเบียร์
ตอนนั้น มีเบียร์หน้าใหม่พยายามเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก “ตราสิงห์” ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่
ยุคนั้น ระบบยี่ปั๊วของสิงห์แข็งแกร่งมาก ยึดหัวหาดครอบคลุมทั่วประเทศ
ปรากฏว่า เมื่อนายทุนที่ประมูลสุรากลั่นได้ ต้องการตีตลาดเบียร์ ก็ใช้เพื่อผลักดันให้เบียร์ของตนเองไปถึงมือผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
กลวิธี “ซื้อเหล้าพ่วงเบียร์” จึงเกิดขึ้น โดยหากยี่ปั๊วหรือผู้จำหน่ายในแต่ละเขตพื้นที่ต้องการเอาเหล้าขาวและเหล้าสีไปจำหน่าย ก็ต้องซื้อเบียร์ยี่ห้อใหม่ของตนเองพ่วงไปด้วย
ยี่ปั๊วในตอนนั้น นอกจากจะขายเบียร์และโซดาสิงห์แล้ว ยังต้องอาศัยการจำหน่ายเหล้า ทั้งเหล้าขาวและเหล้าสี จึงตกอยู่ในภาวะจำยอม ต้องซื้อเบียร์ยี่ห้อใหม่ไปพร้อมกับเหล้า และยอมเฉือนกำไรจากการขายเหล้าเอามาเป็นส่วนลดเพื่อขายเบียร์ยี่ห้อใหม่ทิ้งออกไปเพื่อลดภาระต้นทุน เบียร์ยี่ห้อใหม่จึงถูกผลักไปสู่มือผู้บริโภค และขายในราคาที่ถูกมาก จนเกิดคำกล่าวประเภท “3 ขวด 100”
ในที่สุด เมื่อโมเดิร์นเทรดเข้ามามีบทบาทคานอำนาจระบบยี่ปั๊ว มีทางเลือกการตลาดมากขึ้น ก็เลยเหลือแค่ตำนาน “เหล้าพ่วงเบียร์”
แต่มาปัจจุบัน เจ้าสัวเบียร์บางยี่ห้อ ครอบครองอาณาจักรค้าปลีกโมเดิร์นเทรดด้วย อย่างเช่นบิ๊กซี ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี ฟู้ดเพลส, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี มินิ, บิ๊กซี ดีโป้ ฯลฯ ก็อาจจะอาศัยช่องทางการจำหน่ายเสริมจุดแข็งให้กับสินค้าเครือข่ายตนเองด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้าเช่นนั้น ก็จะทำให้ได้เปรียบรายอื่น
ทางเลือกใหญ่ๆ ที่เหลือ ก็เป็นอาณาจักรค้าปลีกในกลุ่มซีพี (ร้าน 7-11 แม็คโคร และเทสโก้ โลตัส)
ค่ายคาราบาวแดงของ “เสี่ยคาราบาวแดง” เอง ก็จึงต้องลงทุนขยายเครือข่ายร้านสะดวกซื้อของตนเอง เพื่อสู้รับกับ “เจ้าสัว” ในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั่นเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี