วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2567, 02.00 น.
เงินของชาติ ต้องเอาไว้ช่วยชาติ

ดูทั้งหมด

  •  

ชาติไทยเรานั้นได้มีการค้าขายกับต่างชาติมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ในสมัยอาณาจักรสุโขทัยก็ได้ทำการค้ากับชนชาติจีน การค้าขายของชาติไทยกับต่างชาตินั้นเฟื่องฟูมากในสมัยอาณาจักรอยุธยา โดยมีการค้าขายกับชาติโปรตุเกส ฮอลันดา ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น เปอร์เซีย อย่างมากมายในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จนอาจจะกล่าวได้ว่าอาณาจักรอยุธยาเป็นศูนย์รวมของการค้าขายที่สำคัญที่สุดในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนทำให้ดินแดนไทยนี้ได้ชื่อว่าสุวรรณภูมิ ซึ่งก็แปลว่าแผ่นดินทองนั่นเอง การค้าขายเริ่มมาซบเซาในช่วงปลายสมัยอยุธยา แต่ก็กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งหนึ่งในสมัยกรุงธนบุรี โดยมีบางกอกเป็นท่าเรือแห่งใหม่

ในตอนต้นอาณาจักรรัตนโกสินทร์ การค้าขายกับต่างชาติของไทยก็ยังมีมาอย่างต่อเนื่อง และถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นมากเนื่องจากมีความอับเฉาทางเศรษฐกิจ ทำให้รายได้ของบ้านเมืองไม่ค่อยจะพอเพียงเมื่อเทียบกับรายจ่าย แต่ก็ต้องถือว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่งของชาติไทย ที่มีบุคคลพระองค์หนึ่งซึ่งในที่สุดได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ บุคคลพระองค์นั้นคือพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขึ้นเป็นรัชกาลที่ ๓ ซึ่งต้องยอมรับว่าพระองค์เป็นพ่อค้าที่ทรงมีความสามารถมากที่สุดในยุคนั้น


พระองค์ได้รับมอบหมายจากพระราชบิดาให้กำกับราชการกรมท่า กรมพระคลังมหาสมบัติ และกรมพระตำรวจ จึงได้ทรงค้าสำเภาด้วยสำเภาหลวง และสำเภาของพระองค์เอง และยังชักชวนเจ้านายกับขุนนางต่างๆ ให้ค้าสำเภาด้วย โดยในปีพุทธศักราช ๒๓๖๔ มีเรือสำเภาค้าขายกับจีนถึง ๘๒ ลำ และที่ค้าขายกับชาติอื่นๆ อีก ๕๐ ลำ พระองค์ทรงนำกำไรที่ได้จากการค้าทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เพื่อทรงใช้สอยในราชการแผ่นดิน จนพระราชบิดา เรียกขานพระนามของพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นี้ว่า เจ้าสัว และพระองค์ได้ทรงนำเงินที่หลังจากถวายให้ทรงใช้ในราชการและทำบุญกุศลต่างๆ แล้ว เก็บรักษาไว้เอง โดยใส่ไว้ในถุงแดง พระองค์ได้ทรงทำการค้าตลอดมาจนกระทั่งขึ้นครองราชย์ เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓

เงินในถุงแดงที่พระองค์ทรงเก็บรักษาไว้นั้นมีหลักฐานว่า เป็นเหรียญทองคำของเม็กซิโก โดยเหรียญด้านหนึ่งเป็นรูปนกอินทรีกางปีก ปากคาบอสรพิษ จึงเรียกว่าเหรียญนก เป็นเหรียญที่เป็นที่ยอมรับในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าในขณะนั้นโดย ๑ เหรียญมีมูลค่าประมาณ ๕ บาทไทย ซึ่งนับว่าเป็นมูลค่ามากพอสมควรในยุคนั้น โดยพระองค์ทรงเก็บเงินถุงแดงไว้เป็นจำนวนมาก นับเป็นจำนวนเหรียญได้มากกว่า ๘ แสนเหรียญหรือคิดเป็นน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ ๒๓ ตัน ซึ่งนับว่าเป็นมูลค่ามหาศาล โดยทรงเก็บไว้ข้างพระแท่นที่บรรทม และต่อมาได้สร้างห้องเก็บอยู่ติดกับห้องบรรทม จึงเรียกเงินนี้ว่าเงินพระคลังข้างที่ และพระองค์ได้เคยมีพระราชดำรัสว่า ให้เอาเงินนี้ไว้ถ่ายบ้านถ่ายเมือง เหมือนกับจะได้ทรงพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายกับบ้านเมืองในภายภาคหน้าเป็นแน่แท้

ในปีพุทธศักราช ๒๔๓๖ ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ คือเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ที่ทำให้ไทยต้องเสียค่าปฏิกรรมสงครามเป็นจำนวนมหาศาล โดยในครั้งนั้นฝรั่งเศสได้ยกกำลังทางเรือที่ถือว่ามีความแข็งแกร่งมาก เพื่อมาล่าอาณานิคมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำไทยด้วย จึงเกิดกรณีพิพาทและต่อสู้กับทัพเรือไทย ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสต้องสูญเสียนายทหารและเรือรบเสียหาย จึงใช้กำลังที่มีมากกว่าเข้ามาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา และเรียกร้องเอาดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้เป็นของฝรั่งเศส รวมทั้งให้ไทยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๓ ล้านฟรังก์ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล ให้ไทยชำระภายใน ๔๘ ชั่วโมง ถ้าไม่เช่นนั้นจะให้ทัพเรือปิดปากอ่าวไทย และไทยอาจจะต้องตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ทรงเศร้าโศกเสียพระราชหฤทัยกับเหตุการณ์ครั้งนี้มาก แต่เนื่องจากกำลังของไทยที่มีอยู่ไม่อาจจะต่อสู้กับกองทัพฝรั่งเศสได้  จึงได้เจรจายินยอมที่จะเสียเงินค่าปรับดังกล่าว โดยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเงินถุงแดงที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้พระมหากษัตริย์พระองค์ต่อๆ มา แม้เงินถุงแดงจะมีเป็นจำนวนมาก แต่ยังขาดอยู่บ้างที่จะครบ ๓ ล้านฟรังก์ ทำให้ต้องมีการรวบรวมเพิ่มเติมจากเจ้านายชั้นพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการชั้นสูง ซึ่งรวมทั้งเงินทองเครื่องประดับและของมีค่าอื่นๆ ด้วย

กล่าวกันว่าเงินที่มอบให้ฝรั่งเศสซึ่งเป็นเหรียญทองคำเม็กซิโกนั้น มีรวมทั้งหมดถึง ๘๐๑,๒๗๒ เหรียญ ซึ่ง ๑ เหรียญเท่ากับ ๓.๒ ฟรังก์ น้ำหนักของเหรียญทั้งหมด รวมกันมากกว่า ๒๓ ตัน ต้องขนตลอดวัน บรรทุกใส่รถออกจากประตูต้นสนของ พระบรมมหาราชวัง ไปลงเรือที่ท่าราชวรดิษฐ์ โดยน้ำหนักของเงินเหรียญทำให้เกิดรอยสึกบนพื้นถนนทอดเป็นทางยาว

เงินถุงแดงจึงเป็นเงินที่ทำให้ชาติไทยรอดพ้นจากการเป็นอาณานิคม ไม่สูญเสียอิสรภาพให้กับฝรั่งเศส แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เศร้าโศกเสียพระราชหฤทัยและประชวรหนักอยู่เป็นระยะเวลานาน

ขณะนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้ออกมายืนยันจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่๒๓ เมษายน ที่ผ่านมานี้แล้วว่า ได้เห็นชอบในหลักการที่จะดำเนินโครงการแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งยังไม่ใช่เงินจริง ให้กับประชาชนที่มีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป มีรายได้เดือนละไม่เกิน ๗๐,๐๐๐ บาท และมีเงินฝากในบัญชีธนาคารไม่เกิน๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยจะให้มีการลงทะเบียนในไตรมาสที่ ๓ นี้ ก็คือไม่เกินเดือนกันยายน และสามารถจะจ่ายเงินที่ไม่ใช่ตัวเงินจริงให้กับผู้มีสิทธิ์ตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมหรือไตรมาสที่ ๔ เป็นต้นไป เป็นการดำเนินการตามที่ได้เคยมีการหาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้ง โดยจะใช้เงินทั้งสิ้น ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยอ้างว่าประเทศชาติมีภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ และการแจกเงินดังกล่าวจะทำให้เกิดการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยจะเพิ่ม GDP ได้อีกประมาณ ๑.๖%

เรื่องการแจกเงินดิจิทัลนี้ ได้มีเสียงคัดค้านเกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่และประกาศว่าจะดำเนินโครงการนี้แล้ว ไม่ว่าจะจากนักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงที่มีประสบการณ์ระดับชาติในการบริหารด้านการเงินการคลังมาก่อน และที่สำคัญยิ่งคือการแสดงความคิดเห็นอย่างกล้าหาญของผู้ว่าการธนาคารชาติ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ซึ่งได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต

ก่อนการประชุมของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาเรื่องการแจกเงินดิจิทัลในวันดังกล่าว ผู้ว่าการธนาคารชาติก็ได้ทำหนังสือฉบับหนึ่ง ลงวันที่ ๒๒ เมษายน เป็นการเสนอความเห็นเพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาว่า โครงการดังกล่าวควรจะดำเนินการหรือไม่อย่างไร โดยมีเนื้อหาสรุปจาก ๔ ประเด็นที่เสนอไปคือ

๑.ความจำเป็นในการดำเนินการและผลกระทบ โดยเสนอว่าควรจะแจกเงินให้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ที่มีรายได้น้อยหรือมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแค่ ๑๕ ล้านคน ซึ่งจะใช้เงินแค่ ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาทเท่านั้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาระทางการคลังในระยะยาว ที่ประเทศอาจจะไม่สามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้  เกิดความเสี่ยงต่อการมีงบประมาณไม่เพียงพอรองรับภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งเงินจำนวนดังกล่าวหากนำไปใช้ลงทุนแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์มากกว่า เช่น การพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ การทำโครงการเรียนฟรี ๑๕ ปี การสร้างเส้นทางรถไฟทางคู่เป็นต้น

๒.การใช้งบประมาณประจำปี และการนำเงินอื่นมาใช้ รัฐบาลจะต้องรับภาระชดเชยค่าใช้จ่าย หรือการสูญเสียรายได้ให้กับหน่วยงานต่างๆ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องมีงบประมาณรองรับเต็มจำนวนกับโครงการแจกเงินให้ชัดเจนด้วย และการนำเงินจากธ.ก.ส. มาใช้ ที่อ้างว่าเป็นการยืม จะต้องมีความชัดเจน ถูกต้องทางกฎหมายว่าดำเนินการได้ และใช้กับกลุ่มประชากรอย่างถูกต้อง

๓.การพัฒนา application เพื่อใช้ในโครงการนี้ จะต้องมีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพและปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงใดๆ และไม่ควรจะซ้ำซ้อน กับระบบที่มีอยู่แล้ว ที่ควรจะถูกนำมาใช้

๔.การบริหารจัดการความเสี่ยง ต่อการรั่วไหลหรือทุจริต จะต้องมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องการซื้อขายสินค้าจริงตามที่กำหนด และการป้องกันไม่ให้มีการขายสิทธิ์

ซึ่งเมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงแม้จะมีการรายงานว่าได้นำข้อเสนอดังกล่าวมาประกอบการตัดสินใจ แต่ก็ยังคงยืนยันว่าสิ่งที่จะดำเนินการนั้นดีแล้ว จะต้องกระทำต่อไป

เงินหลวงหรือเงินงบประมาณของชาติ ต้องถือว่าเป็นเงินของประชาชน เพราะเป็นเงินที่ได้มาจากการเก็บภาษีทุกประเภท การนำเงินนี้ไปใช้รัฐบาลต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่เกิดต่อชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่ให้เกิดประโยชน์เพียงแค่คะแนนเสียงหรือความนิยมชมชอบหรือตามสัญญาที่ว่าจะทำ และหากการแจกเงินครั้งนี้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ประเมินไว้ หรือเกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของชาติ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ และกล้าที่จะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:06 น. เริ่มแล้ว!!! การแข่งขันเรือใบ Trat Regatta 2025 ระดับนานาชาติครั้งแรกในจังหวัดตราด
21:47 น. 'โฆษก​ มท.'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม'คุณลูกค้า'แทน'คุณลุง​-​คุณป้า'
21:28 น. ด่วน!เปิดชื่อ 55 สว. เรียกรับทราบข้อหาปม'คดีฮั้ว' แบ่งเป็น 3 ลอต
21:20 น. ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'
20:42 น. มิตรภาพแน่นแฟ้น! 'ปูติน-สี จิ้นผิง'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ
ดูทั้งหมด
ภาพอบอุ่นใจความรักที่งดงามของ 'กษัตริย์จิกมี-สมเด็จพระราชินี-เจ้าชาย-พระธิดา' ในยามค่ำคืนของทะเลทรายโกบี
(คลิป) 'ฐปณีย์' เละคาบ้าน! ด้อยค่าคนไม่เห็นด้วย 'เมียจ่าปืน' ออกโรงตอกกลับไม่ใช่ IO
‘ลาออก’ไปเถอะ! ฉะ‘นายกฯ’มีสติปัญญาแค่นี้ แผ่นเสียงตกร่องชู‘กาสิโน’แก้เศรษฐกิจ
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 4-10 พ.ค.68
ดูทั้งหมด
อวสาน‘ทักษิณ’คุกรออยู่
ความต่างของ สิงคโปร์ กับ ไทย
คุกนรก (1)
นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’
บุคคลแนวหน้า : 9 พฤษภาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'โฆษก​ มท.'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม'คุณลูกค้า'แทน'คุณลุง​-​คุณป้า'

มิตรภาพแน่นแฟ้น! 'ปูติน-สี จิ้นผิง'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ

ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'

อดทนต่อคำปรามาส! 'นิพิฏฐ์'ขอบคุณทุกฝ่าย ยืนหยัดต่อสู้'คดีชั้น 14'

ปตท. ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์เสริมความมั่นคงพลังงานไทย

สุดกลั้น! 'นุ่น ดารัณ'เปิดบทเรียนเข้มงวดจนลูกหนีออกจากบ้าน

  • Breaking News
  • เริ่มแล้ว!!! การแข่งขันเรือใบ Trat Regatta 2025 ระดับนานาชาติครั้งแรกในจังหวัดตราด เริ่มแล้ว!!! การแข่งขันเรือใบ Trat Regatta 2025 ระดับนานาชาติครั้งแรกในจังหวัดตราด
  • \'โฆษก​ มท.\'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม\'คุณลูกค้า\'แทน\'คุณลุง​-​คุณป้า\' 'โฆษก​ มท.'แจงแล้ว! ​ปมเรียก​สรรพนาม'คุณลูกค้า'แทน'คุณลุง​-​คุณป้า'
  • ด่วน!เปิดชื่อ 55 สว. เรียกรับทราบข้อหาปม\'คดีฮั้ว\' แบ่งเป็น 3 ลอต ด่วน!เปิดชื่อ 55 สว. เรียกรับทราบข้อหาปม'คดีฮั้ว' แบ่งเป็น 3 ลอต
  • ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! \'รพ.ราชทัณฑ์\'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ\'แพทยสภา\' ชั้น 14 ส่อวุ่นอีก!!! 'รพ.ราชทัณฑ์'เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติ'แพทยสภา'
  • มิตรภาพแน่นแฟ้น! \'ปูติน-สี จิ้นผิง\'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ มิตรภาพแน่นแฟ้น! 'ปูติน-สี จิ้นผิง'ร่วมชมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

5 พ.ค. 2568

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

28 เม.ย. 2568

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

21 เม.ย. 2568

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

13 เม.ย. 2568

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

7 เม.ย. 2568

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

31 มี.ค. 2568

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

24 มี.ค. 2568

โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

17 มี.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved