เมื่อก่อนบุคคลนี้เป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ปกติเขาต้องไปค้นคว้าข้อมูลในหอสมุดแห่งชาติตลอด ต่อมามีนักเรียนหญิงคนหนึ่งผูกเปีย2 ข้างเข้าไปค้นข้อมูลอย่างจริงจัง … ว่างก็สนทนากันถึงเรื่องวิชาการ ...อยู่มาวันหนึ่งนักเรียนหญิงคนนั้นก็ชวนเขาไปเที่ยวบ้านโดยบอกว่าจะให้พ่อเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ ในฐานะที่ให้ความรู้ด้านวิชาการโดยมีการนัดแนะกันที่สวนจิตรลดาพระราชวังดุสิต
เขาเล่าว่านักเรียนถักเปียคนนั้นบอกเมื่อเข้าประตูที่ 1 แล้วขอให้บอกคำนี้ ??? …เป็นโค้ดที่เข้าใจกันในหมู่คณะแก่คนที่เฝ้าประตูด้วยคำพูดนี้ (เป็นคำเฉพาะ)...ครั้นถึงวันนัดหมาย เมื่อเข้าประตูเขาก็มิได้สงสัย คงบอกเจ้าหน้าที่ตามนั้นครั้นถึงขั้นที่ 2 ขั้นตอนต่อๆ ไป เขาก็ทำตามที่นักเรียนหญิงคนนั้นบอกความมา เจ้าหน้าที่ก็อัธยาศัยดี ให้ความเคารพเขาอย่างยิ่ง
แต่พอ หลังขั้นตอนที่ 3 เขาจึงเห็นภาพชัดเจนว่า...แท้ที่จริงเด็กผู้หญิงคนนั้นคือ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”ซึ่งตอนนั้นยังมิได้เฉลิมพระยศนี้ ...เขาให้เหตุผลว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะสนพระทัยในวิชาการอย่างจริงจัง เวลาค้นคว้าก็ทรงสืบค้นด้วยพระองค์เองทุกอย่างทรงค้นคว้าและจดจำอย่างขมีขมันโดยมิได้มีข้าราชบริพารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระองค์และเวลาที่ทรงสนทนาก็ให้ความนับถือคู่สนทนา...เมื่อเขารู้ว่านักเรียนหญิงคนนั้นคือกรมสมเด็จพระเทพฯ เขาก็ประหม่า เมื่อถึงสถานที่นัดหมาย สักครู่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกมาแล้วตรัสปฏิสันถาร
เขาบอกว่าเขาก็ก้มลงกราบกับพื้น พระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแล้วตรัสว่า “ … เห็นลูกสาวบอกว่าเป็นเพื่อนกัน” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้ เขาก็ก้มลงกราบ แล้วกราบบังคมทูลว่า “มิเป็นการบังอาจ พระพุทธเจ้าข้า”
...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตรัสว่า ขอให้ทำตัวตามปกติไม่ต้องประหม่าหรือกลัวแต่อย่างใด พระองค์ตรัสขอบใจที่ได้เป็นเพื่อนสนทนาในวิชาการดังกล่าวจากนั้นพระองค์ก็ตรัสว่า “อันที่จริงก็มีผู้อยากขอเข้าเฝ้าฯ เป็นจำนวนมาก บางรายก็ขอนำเงินขึ้นทูลเกล้าฯถวาย แต่เราก็ไม่สามารถจะรับเงินของบางคนได้เราจะรับเงินของเขาได้อย่างไร ในเมื่อเงินที่เขานำมาถวายเรานั้นเป็นเงินที่เกิดจากการขายแผ่นดินของเรา เราจึงรับเงินนั้นไม่ได้...
ถ้าจะถามพระราชาอย่างเราว่าพระราชาอย่างเราต้องการอะไร เราก็ขอตอบว่า...พระราชาอย่างเราต้องการคนที่ซื่อสัตย์
เพราะคนที่ซื่อสัตย์ คือ “สมบัติของพระราชาอย่างเรา”...
พระองค์ท่านน่าจะทรงหมายความถึงผู้คนที่เป็นคนดี ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น โกงบ้านกินเมือง”
ประโยคเหล่านี้ นักการเมืองสามานย์เสียชาติเกิดทั้งหลายจะสำเหนียกจะมีสามัญสำนึกรับใส่เกล้าฯบ้างหรือไม่ ก็ยากจะประเมิน …
เรานำบทความเรื่อง “สมบัติพระราชา” มาเผยแพร่อีกครั้งในสถานการณ์ทางการเมืองที่ต้องลุ้นระทึกว่า “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่อย่างไรเพื่อให้นักการเมืองที่อาสามาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนข้าราชการทหารตำรวจข้าของแผ่นดินตระหนักว่าต้องยึดมั่นถือมั่นใน“จริยธรรม”
“จริยธรรม … ซึ่งเป็นหลักแห่งความประพฤติที่ดีงาม ทั้งกาย วาจา ที่เกี่ยวข้องกับหลักคำสอนของศาสนา และยังรวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ยอมรับกันว่าดีงามของสังคมโดยรวม เพื่อให้ตนเองและสังคมรอบข้างมีความสุขสันติสุข ก่อให้เกิดความรักความสามัคคี”
เราหวังให้ท่านทั้งหลายสำเหนียกตระหนักและยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้ท่านทั้งหลายจะได้ทราบว่าพวกท่านควรทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่า “เป็นคนเป็นสมบัติของพระราชา”โดยแท้
ท่านยังสำนึกในพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2512 ความว่า
“....ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
หรือไม่??? ลองตรองดูเถิดว่าพฤติปฏิบัติที่เกิดขึ้นดำเนินการสนองพระบรมราโชวาท แค่ไหน อย่างไร??
เรานำเสนอเรื่องนี้ไม่ได้หวังว่าที่สุดแล้วตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโทษทัณฑ์เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพราะ …
“ผิดชอบ ชั่วดี พึงบังเกิดในวิจารณญาณสามัญสำนึกที่ท่านพึงมีต่างหาก”
หากท่านไม่ใช่นักการเมืองสามานย์เสียชาติเกิด ไม่ใช่นักเลือกตั้งชังชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี