วันที่ 18 มิถุนายนเมื่อวานนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรไม่สับปลับต่อคำพูดของตนจากที่เคยเป็นคนกลับกลอกปลิ้นปล้อนมาโดยตลอด..ด้วยการที่ยอมไปพบพนักงานอัยการตามนัดเพื่อนำตัวส่งฟ้องศาล..แต่ถึงกระนั้นก็อย่าได้รีบด่วนสรุปว่า..ทักษิณเป็นคนจริง..ชนิดที่ปากกล้าขาไม่สั่นและไม่คิดจะหนี
เพราะคดีนี้เป็นหนังเรื่องยาวที่เพิ่งจะเริ่มฉาย..ยังต้องใช้เวลาอีกเป็นปีและถ้าหากจวนตัวแล้วรู้ว่าจะต้องติดคุกแน่..คนอย่าง“ทักษิณ ชินวัตร”หนีแน่นอน
ณ เวลานี้ ถือว่านักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ได้มีสถานภาพเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 เรียบร้อยแล้ว..หลังจากศาลได้ประทับฟ้องคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่ อ.1860/2567..พร้อมกันนี้ศาลยังอนุญาตให้ประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยและนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 19 สิงหาคมอีกสองเดือนข้างหน้า
ศาลให้ประกันตัวด้วยเห็นว่า..จำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด..อายุมาก..ได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน..มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งแน่นอนอยู่กับครอบครัว..ประกอบกับโจทก์ไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว..มีเหตุสมควรเชื่อว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณ..จำเลยจะไม่หลบหนี..หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน..หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น..หรือขัดขวางการพิจารณาของศาล
ด้วยเหตุดังนั้น ศาลจึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณาคดี..โดยให้ตีราคาประกัน 5 แสนบาท พร้อมทั้งให้จำเลยวางหนังสือเดินทาง ยึดหนังสือเดินทาง และหลักประกันห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร..เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) ทราบ
ขณะเดียวกันทันทีที่รูปการณ์ของคดีออกมาเป็นเช่นนี้..เสียงโจษจันในโลกโซเชียลก็ดังให้เซ็งแซ่ว่า“ไทยแพ้ถุงขนม”..คือ“ถุงขนม 2 พันล้านบาทภาคสอง”ที่เกิดขึ้นในประเทศสารขัณฑ์ ตามที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรมประธานพรรคไทยภักดีได้นำมาเปิดโปงก่อนหน้านี้..เพราะนอกจากพนักงานอัยการจะไม่คัดค้านการประกันตัวแล้ว..ศาลก็ยังยอมให้ประกันตัว..อีกทั้งยังเห็นว่า การยึดหนังสือเดินทางของ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ไม่มีผลใดๆ ในทางปฏิบัติ
นั่นก็เพราะ หนังสือเดินทางของราชอาณาจักรไทยนั้น นักโทษเด็ดขาดทักษิณ ชินวัตร ถูกกระทรวงการต่างประเทศของไทยยึดและสั่งยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี 2558จะเหลือก็แต่หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตของประเทศมอนเตเนโกร..ที่ทักษิณเปลี่ยนสัญชาติมาเป็นพลเมืองของประเทศนี้ หลังจากหลบหนีคดีออกจากประเทศไทยในปี 2551..โดยที่ศาลมิได้ระบุว่าเป็นหนังสือเดินทางของประเทศมอนเตเนโกรหรือของประเทศไหน..และนอกจากนั้นทักษิณยังอาจจะแอบถือหนังสือเดินทางของอีกหลายประเทศที่สามารถซื้อได้ด้วยเงินไว้อีกก็เป็นได้
สำคัญที่สุด ต้องไม่ลืมว่านักโทษผู้นี้มีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่พร้อมจะบินหนีออกจากประเทศไทยได้ตลอดเวลา..อีกทั้ง“ทักษิณชินวัตร”ก็ยังมีอำนาจอิทธิพลเหนือรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน..ดังนั้นใครก็มิอาจหยุดยั้งทักษิณได้ถ้าหากทักษิณคิดจะหนี
สำหรับสำนวนคำฟ้องของพนักงานอัยการที่ยื่นฟ้อง น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนี้..ระบุว่าขณะเกิดเหตุคดีนี้ พระมหากษัตริย์ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9..โดยเมื่อระหว่างวันที่ 21-22พฤษภาคม 2558 ทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืนต่อเนื่องกันตลอดมา..จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์..อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา..ด้วยการร่วมกันใช้อุปกรณ์ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์อื่นด้วยกันได้
พนักงานอัยการบรรยายในคำฟ้องต่อว่า...อุปกรณ์ดังกล่าวได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่งและแนวทางปฏิบัติงาน..ให้อุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ..แล้วโพสต์ข้อมูล ภาพ ข้อความและตัวอักษรที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้..ซึ่งตั้งค่าเปิดเป็นสาธารณะประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ลงในแอปพลิเคชั่น YouTube กับแอปพลิเคชั่น Facebook ดังกล่าว..ผ่านระบบสัญญานอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
พนักงานอัยการชี้ในสำนวนฟ้องว่า..จำเลยได้พูดให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของสำนักข่าว Chosun Media ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เป็นภาษาไทย เมื่อวันที่ 20 พฤษถาคม 2558 โดยสำนักข่าว Chosun Mediaมีเว็ปไซต์ข่าว Ur:http//www.Chosun เพื่อใช้ในการเผยแพร่ข่าว
“และจำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันนำคลิปวิดีโอถ้อยคำการพูดให้สัมภาษณ์ของจำเลยในชื่อ..“คลิป ทักษิณให้สัมภาษณ์ทิ้งบอม เบื้องหลัง ยืดอำนาจ อัดสุเทพ บิ๊กทหาร องคมนตรี “ เผยแพร่ที่เว็บไซต์ YouTube โดยใช้ชื่อ unthttps:// www.youtube.com/watch?v=tar/yCmbvABgo โดยผู้ที่ใช้ชื่อว่า “news_viv”ความยาว 1.32 นาที..และเผยแพร่ที่เว็บไซต์ facebook ชื่อบัญชี“หยุดดัดจริตประเทศไทย” ปรากฏตาม ur!: https://www.focebook.com/ stopfakethailand 2fref=ts”สำนวนฟ้องของพนักงานอัยการระบุ
พนักงานอัยการยังระบุในสำนวนสั่งฟ้องอีกว่า..นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร กับพวกมีการกระทำอันเป็นการล่วงละเมิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งประชาชนหรือบุคคลทั่วไปที่พบเห็นข้อมูล ข้อความและตัวอักษรที่จำเลยได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวของสำนักข่าว Chosun Media ในกรุงโซลสาธารณรัฐเกาหลีดังกล่าว เข้าใจว่า..สื่อถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9..และเข้าใจว่าการยึดอำนาจรัฐประหารเป็นเรื่องที่ทหารได้รับคำสั่งมาจากในวัง..พระมหากษัตริย์ออกมาช่วยในการทำรัฐประหารและอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหาร”
สรุปท้ายคำฟ้องของพนักงานอัยการ ระบุว่า
“ราชอาณาจักรไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..ข้อความดังกล่าวเป็นการมุ่งทำลาย..ดูหมิ่นด้วยการใช้ถ้อยคำหยาบคายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ด้วยความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาของประชาชนชาวไทย..เป็นเหตุให้พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง..และเป็นการร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร..ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาไม่เคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้”
“และเป็นการกระทำมิบังควรจาบจ้วงล่วงเกินดูหมิ่น..หรือกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทต่อพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9..โดยประการที่น่าจะทำให้พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง..ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และทำให้ประชาชนเสื่อมความเคารพศรัทธาต่อพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย..เหตุเกิดที่เมืองกรุงโซล สาธารณรัฐกาหลี และที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่กรุงเทพมหานครและทั่วราชอาณาจักร ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน”
สุดท้าย—ขอกล่าวไว้ในบรรทัดนี้ว่า..ถ้า“ทักษิณ ชินวัตร”คิดจะหนี..ทักษิณก็จะต้องหนีจนกว่าชีวิตจะหาไม่..เมื่อตายแล้วนั่นแหละถึงจะกลับเข้ามายังผืนแผ่นดินไทยได้..โดยกลับเข้ามาในสภาพที่เป็นเถ้าอัฐิบรรจุอยู่ในโกศ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี