นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดในรายการ“คุยกับเศรษฐา” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อธิบายหลายสิ่งหลายอย่างให้ท่านผู้ฟังได้รับรู้ ถือว่าเป็นหลักการที่ถูกต้องของผู้นำที่จะต้องบอกกล่าวกับประชาชนในหลายๆ ช่องทาง และไม่จำเป็นต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นแม้นายก อบจ. นายก อบต.ก็สามารถกระทำได้
ประเดิมรายการ“คุยกับเศรษฐา”หนนี้ นายกฯเศรษฐาระบุถึงการทำงานว่า ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงจะโกหก ตนว่านายกรัฐมนตรีทุกท่านก็ทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และเชื่อว่าทุกท่านแบกภาระหนักหน่วงนี้อยู่เยอะ ซึ่งตนเองคงพูดแทนท่านอื่นๆ ไม่ได้ ถ้าถามตนเองว่าเหนื่อยนอนคืนเดียวก็หาย แต่เราเสนอตัวเข้ามาทำงานทางด้านสาธารณชนแล้ว ถือว่าเรื่องที่สำคัญมากกว่า คือ เรื่องของความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เราเหนื่อยเท่าไร ตนเชื่อว่าหลายๆ คนที่อยู่ที่ฐานรากของสังคมเขาเหนื่อยเยอะกว่าเยอะ
นายกฯกล่าวอีกว่าในฐานะนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลักและเป็นพรรคที่สนับสนุนตนเองมาตลอด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพรรคพลังประชารัฐ ของพรรคภูมิใจไทย ด้วยเหมือนกันเพราะว่าทุกคนคือประชาชนคนไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ มีหน้าที่ต้องดูแล อันนี้ชัดเจน ตนเชื่อว่าการทำงานที่ผ่านมาโดยตลอด ให้ความมั่นใจได้ว่า ไม่ได้เลือกจังหวัดลงพื้นที่
นายกฯยังกล่าวถึงการปูพื้นฐานอีก 3 ปีจากนี้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรว่าประเทศไทยจริงๆแล้ว เหมือนกับเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมาก เหมือนรถที่ยังไม่วิ่งเต็มสูบ เหมือน Ferrari 12 สูบ แต่วิ่งอยู่แค่ 6-7 สูบเท่านั้น แล้ว 6-7 สูบ เราก็เดินหน้ากันเต็มที่ แต่เราก็ต้องค่อยๆทำกันไป เพราะอย่างที่บอกมีหลายเรื่อง ไม่ใช่ทำเองได้ ตัดสินใจภายในคนเดียวได้ มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล มีฝ่ายตรวจสอบมีทั้งรัฐสภา มีทั้งข้าราชการ มีทั้งเอ็นจีโอ ซึ่งในหลายๆ Initiatives ก็เป็น Initiatives ที่อาจจะมีคนแย้งบ้าง ก็ต้องทำเรื่องของประชาพิจารณ์ เป็นอะไรที่มีคนมีข้อกังขาเหมือนกัน
“ยกตัวอย่างเช่นทุกคนบ่นเรื่องค่าไฟแพง ค่าไฟที่ถูกที่สุด คือ พลังงานนิวเคลียร์ พูดมาตรงนี้ทุกคนก็บอกว่าอยากได้หมด แต่ว่าอย่ามาอยู่บ้านฉันนะ ไปอยู่บ้านคนอื่นก็แล้วกันอย่างนี้เป็นต้น ผมเองก็เริ่มต้นทำการค้นคว้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่านี่ คือเรื่องที่เรากำลังดูอยู่ มีหลายๆ เรื่อง เช่น Entertainment complex ซึ่งเป็นธุรกิจสีเทาดำ อยู่ใต้ดินเป็นล้านล้าน เราจะยอมให้มีธุรกิจแบบนี้อยู่ต่อไปหรือ หรือเราจะยกมาบนดินก็ยอมรับไปแล้วก็เก็บภาษีให้ถูกต้องและควบคุมด้วยความประพฤติ ควบคุมเรื่องอาชญากรรมได้ ผมเองคิดว่าถึงเวลา หรือยังที่ประเทศต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ ประเทศอื่นเขาก็มีแล้ว”นายกฯย้ำ
นายกฯกล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศซึ่งมีคนบอกว่าเดินทางไปเยอะมาก ไปเพื่ออะไร ว่า ไม่ได้แก้ตัว แต่ว่าเรื่องของการไปต่างประเทศ จริงๆ แล้วตนเองไปมา 15 ครั้ง กว่าครึ่งเป็นไฟท์บังคับ เป็นเรื่องของการไปอาเซียน-เจแปน การไปแนะนำตัวหรือว่าไปจีน หรือว่าไปกัมพูชา ไปสิงคโปร์ ไปมาเลเซีย ไปออสเตรเลีย เป็นอาเซียน-เจแปนครบ 50 ปี ซึ่งจะไม่ไปนั้นไม่ได้ หรืออย่างไปศรีลังกา เซ็นสัญญา FTA ซึ่งรัฐบาลเดิมทำไว้แล้ว ก็ไปเป็นเกียรติ ไปงานลงนาม ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ข้อความเหล่านี้เป็นบางสิ่งบางอย่างในรายการ“คุยกับเศรษฐา” ที่ฝ่ายตรงข้ามมองว่า อารัมภบทวาดฝัน มากเกินไป ก็พอเข้าใจกันได้ แต่ชาวบ้านจะได้รับข้อมูลข่าวสารมากน้อยแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะช่องทางการสื่อสารได้เปลี่ยนไปเยอะ หมดยุคที่ประชาชนจะต้องนั่งเฝ้าฟังวิทยุ หรือเฝ้าจอโทรทัศน์ เพื่อรับฟังรับข่าวสารเหมือนในอดีต
กระนั้นก็ตามนายกฯเศรษฐา ต้องทำต่อไป แม้การออกรายการ“คุยกับเศรษฐา”ลีลา ชั้นเชิง ยังสู้รายการของนายทักษิณ ชินวัตร ในอดีตไม่ได้ก็ตาม ขออย่างเดียวคือ ควรพูดความจริง พูดในเรื่องที่ชาวบ้านอยากจะรู้ ไม่ว่าจะเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องการตกงาน ฯลฯ เป็นสำคัญ ดีกว่าเพ้อฝันไปถึงเรื่องกาสิโน นิวเคลียร์ รถเฟอร์รารี่ โดยที่ไม่ได้เข้าใจศักยภาพตัวเองว่าเราคือ รถไถนา รถโดยสาร รถไฟ ที่นำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายอย่างปลอดภัยไม่แหกโค้งตกเหว หรือเกิดอุบัติเหตุเหมือนพวกรถหรูๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี