อดีตเพื่อนร่วมงานที่ต้องอพยพจากเมืองไฮฟาทางเหนืออิสราเอล หลบภัยสงครามที่รุนแรงขึ้นระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนไปพักอาศัยในกรุงเทลอาวีฟ ชั่วคราว วิเคราะห์สถานการณ์ให้แนวหน้า ฟังว่า นายเนทันยาฮูนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เหมือนระหว่างเขาควายแห่งอำนาจศาลกับพรรคร่วมรัฐบาลอัลตรา-ออร์โธดอกซ์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเคร่งจารีตศาสนาขวาสุดโต่ง ไม่ว่าเขาเอียงไปทางไหน ล้วนเป็นอันตรายที่อาจทำให้รัฐบาลล่มสลายจากปัญหายิวเคร่งจารีตศาสนายูดายไม่ยอมเป็นทหาร
ฮาเรดิม หรือ ฮิบรู ที่ไว้เครายาวสวมหมวกสีดำ เป็นยิวเคร่งจารีตศาสนายูดาย มีวิถีชีวิต ปรัชญา ศาสนาเทวนิยม ฮาเรดิม อุทิศตัวเพื่อการเรียนศาสนาใช้เวลาเรียนทั้งวันในโรงเรียนศาสนาเทววิทยายูดาย ตอนสถาปนารัฐอิสราเอล ในปี 1948 ที่กฎหมายกำหนดให้ชาวอิสราเอลหญิง/ชายทุกคนต้องรับราชการทหาร ฮาเรดิม ซึ่งมีจำนวนน้อยในเวลานั้นได้รับการยกเว้นไม่ต้องเป็นทหาร
พวกฮาเรดิม ศาสนายูดายจารีตนิยมมีลูกมากครอบครัวละห้าหกคน ดังนั้นปัจจุบันพวกเขาจึงกลายเป็น 15% ของประชากรอิสราเอล10 ล้านคน การเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของฮาเรดิม สร้างปัญหาก่อความขัดแย้งเป็นไฟสุมขอนมานาน เนื่องจากว่า คนอิสราเอลทั่วไปที่ไม่ยึดติดศาสนารู้สึกชิงชังไม่พอใจที่ ฮาเรดิมไม่ทำงาน ไม่เสียภาษีแต่ได้รับสวัสดิการแห่งรัฐ ที่สำคัญพวกเขาไม่ต้องรับราชการทหารเหมือนชาวอิสราเอลหญิง/ชายต้องรับราชการทหารระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ความขัดแย้งแบบไฟสุมขอนคุกรุ่นมานาน และมันลุกโชนขึ้นมา เมื่อเกิดสงครามอิสราเอล-ฮามาส ตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน ทหารอิสราเอลเสียชีวิตจากสงครามไปแล้ว 621 คนชาวอิสราเอลทั่วไป จึงเรียกร้องกดดันรัฐบาลเนทันยาฮูให้เกณฑ์ชายฮาเรดิมเป็นทหารแต่เนทันยาฮู ที่ยังเป็นผู้นำรัฐบาลอยู่ได้เพราะการสนับสนุนอย่างแข็งขันจาก พรรคร่วมรัฐบาลอัลตรา-ออร์โธดอกซ์ พรรคการเมืองเคร่งศาสนาขวาสุดโต่ง เนทันยาฮู พยายามบ่ายเบี่ยงถ่วงเวลาเกณฑ์พวกฮาเรดิมเข้าเป็นทหาร เนื่องจากฺฮาเรดิม เป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรคอัลตรา-ออร์โธดอกซ์
ระหว่างสงครามอิสราเอล-ฮามาส ชาวอิสราเอลที่ไม่พอใจ ฟ้องศาลสั่งให้รัฐบาลเกณฑ์ฮาเรดิมเข้าเป็นทหารด้วย แต่ด้วยอิทธิพลทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลอัลตรา-ออร์โธดอกซ์ ทำให้เนทันยาฮูเพิกเฉยคำสั่งศาลเรื่อยมา และฟางชิ้นสุดท้ายที่อาจทำให้ลาเนทันยาฮู หลังหัก คือเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนศาลฎีกาอิสราเอลมีคำสั่งให้รัฐบาลเกณฑ์ฮาเรดิมเข้าเป็นทหารทันที
“นั่นคือสิ่งที่ฉันพูดว่าเนทันยาฮูอยู่ระหว่างเขาควาย..” อดีตผู้สื่อข่าวสงครามกล่าวกับแนวหน้าและเสริมว่า“เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งลงมารัฐบาลละเลยไม่ได้ แต่หากเกณฑ์ฮาเรดิมเป็นทหารตามศาลมีคำสั่งรัฐบาลก็พังครืน เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลที่คลั่งศาสนาขวาสุดโต่งขู่ถอนตัวออกจากร่วมรัฐบาล” แหล่งข่าวกล่าวและเสริมว่า สัญญาณอันตรายได้ปรากฏให้เห็นแล้วว่า ทันทีที่รัฐบาลเปิดเผยแผนการเกณฑ์ชายฮาเรดิม 3,000 คนจาก 60,000 คน ที่เกณฑ์เข้ารับราชการทหาร ชาวอิสราเอลเคร่งจารีตหลายแสนคนออกมาประท้วง “การประท้วงรุนแรงครั้งนี้ บอกไม่ได้ว่า พรรคอัลตรา-ออร์โธดอกซ์ ที่ขู่จะลาออกอยู่เบื้องหลังหรือไม่” แหล่งข่าวกล่าว
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานวันที่ 30 มิถุนายนว่า ชาวอิสราเอลที่นับถือศาสนายูดาย “อัลตรา-ออร์โธดอกซ์” ซึ่งเป็นกลุ่มชาวยิวเคร่งจารีตกว่า 300,000 คน ได้พากันออกมาชุมนุมตามท้องถนนในนครเยรูซาเลม เพื่อประท้วงแผนเกณฑ์คนหนุ่มในนิกายนี้ไปเข้ารับการฝึกทหารในกองทัพอิสราเอล หรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์
คลื่นมนุษย์ที่มีทั้งชายและเด็กชาย ซึ่งเป็นตัวแทนของนิกายหลักในศาสนายูดาย อัลตรา-ออร์โธดอกซ์ อย่าง ลิธัวเนีย ฮาซิดิสม์ และเซฟราดีได้มารวมตัวกันแสดงพลังในชุดเสื้อเชิ้ตขาว สูทดำและหมวกสีดำ เพื่อต่อต้านกฎหมายที่รัฐบาลจะนำมาบังคับใช้เร็วๆ นี้ ซึ่งอาจส่งผลให้สถานะทางกฎหมายของพวกเขาเปลี่ยนไป ขณะถือป้ายและตะโกนสโลแกน “การประกาศสงครามกับศาสนา” และ “เราไม่ยอมถูกบังคับเกณฑ์ทหาร” ฝูงชนที่มีท่าทีแข็งกร้าวร่วมกันสวดภาวนา และร้องเพลงสวดตามคณะนักร้องจากโบสถ์ยิวที่นำสวดผ่านเครื่องกระจายเสียงขนาดใหญ่ซึ่งติดตั้งตามถนนสายหลักทั้งขาเข้าและขาออกจากนครเยรูซาเลม
ยาคอฟ ไบตัน ชาวเมืองเนบรัควัย 28 ปี ซึ่งเป็นเมืองของชาวยิว อัลตรา-ออร์โธดอกซ์ กล่าวกับเอเอฟพี ว่า เขาและเพื่อนๆ จากสถาบันเทววิทยายูดายได้เดินทางเข้ามาในเยรูซาเลม เพื่อแสดงออกว่าเราไม่กลัวบทลงโทษทางกฎหมาย เรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน..ในที่สุดเราจะชนะ กฎหมายโทราห์จะเป็นฝ่ายชนะ” ไบตันกล่าว ทั้งนี้เขากล่าวถึงกฎหมายลายลักษณ์อักษรของศาสนายูดาย
มิคกี โรเซนเฟลด์ โฆษกกรมตำรวจอิสราเอล กล่าวกับเอเอฟพีว่า“เราประมาณการว่ามีประชาชนกว่า 300,000 คน ออกมาเข้าร่วมการประท้วงครั้งนี้และพวกเขาจะสลายตัวอย่างสงบในช่วงบ่ายแก่ๆ”
แหล่งข่าวกล่าวว่า การตัดสินครั้งสำคัญของศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่สั่งให้รัฐบาลเริ่มเกณฑ์ชายฮาเรดิมฐานเสียงสำคัญของพรรคอัลตรา-ออร์โธดอกซ์ เป็นทหาร อาจนำไปสู่การล้มครืนของรัฐบาลผสมเนทันยาฮูที่อยู่ได้ เพราะแรงสนับสนุนอย่างแข็งขันของพรรคร่วมรัฐบาลเคร่งศาสนาขวาสุดโต่ง ประเทศอิสราเอลกำหนดให้ชาย/หญิงทุกคนต้องรับราชการทหาร แต่อิทธิพลการเมืองรัฐมนตรีเคร่งจารีตศาสนาขวาสุดโต่งกดดันให้เนทันยาฮู ยกเว้นผู้สนับสนุนพวกเขาจากการเป็นทหารโดยอ้างว่าให้เรียนศาสนาคัมภีร์โทราห์ในสถาบันเทววิทยายูดายแทน
การยื้อ ไม่ให้พวกฮาเรดิม เป็นทหาร เป็นประเด็นขัดแย้งมานานและรุนแรงขึ้นระหว่างสงครามแปดเดือนกับฮามาสที่ทหารอิสราเอลเสียชีวิตแล้ว 621 คน และกำลังสำรองนับพันถูกเรียกตัวเข้ารับราชการทหารที่มีผลกระทบต่อการศึกษาและอาชีพการงานคนหนุ่มสาว
แต่พรรคอัลตรา-ออร์โธดอกซ์และผู้สนับสนุน กล่าวว่า การเกณฑ์ผู้ชาย เป็นทหารทำลายวิถีชีวิตพวกเขาที่เป็นมาหลายชั่วคนในการประท้วงวันอาทิตย์ ป้ายโจมตีรัฐบาล ขู่ว่า“ชายคนเดียวก็ไม่เป็นทหาร” และขู่ว่าทันทีที่ชายฮาเรดิมถูกเกณฑ์เป็นทหาร รัฐมนตรี จากพรรคอัลตรา-ออร์โธดอกซ์ ลาออกจากตำแหน่ง
“ฉันดีใจมาก หากพรรคคลั่งศาสนาขวาสุดโต่ง ถอนตัวจากรัฐบาล นั่นหมายถึงการล่มสลายของรัฐบาลเนทันยาฮู แล้วเราจะได้เลือกตั้งใหม่” แหล่งข่าวกล่าว และเสริมว่า “วันนี้พวกเขายังไม่ลาออกฉันคิดว่าเร็วๆ นี้ต้องมีข่าวใหญ่..คอยดูกันต่อไป..”
นอกจากวิเคราะห์สถานะเนทันยาฮู ให้ฟังแล้ว เธอยังพูดถึงสภาวะสงครามด้วยว่า สงครามอิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์รุนแรงขึ้นใกล้ชายแดนเลบานอน และ มีทีท่าจะส่งผลกระทบถึงเมืองไฮฟาทางเหนือของอิสราเอล ทำให้รัฐบาลอพยพประชาชนประมาณ 60,000 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปอยู่ในโรงแรม หอพัก และคอนโดมิเนียม
“...ฉันไม่รู้สึกว่ามีสงครามเมื่อมาอยู่โรงแรมในเทลอาวีฟที่คาเฟ่ ภัตตาคารเต็มไปด้วยผู้คนเหมือนชายหาด แต่ฉันรู้สึกผิดนิดหน่อย เมื่อคิดถึงชาวอิสราเอลกว่า 60,000 คนว่า จะได้กลับบ้านเมื่อไหร่และบ้านเรือนพวกเขายังอยู่หรือไม่..”
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี