วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันเวลาในการพ้นโทษของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร กับวันเวลาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ“เศรษฐา ทวีสิน” นั้น แยกกันไม่ออก
หากนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ผู้อยู่เหนือกฎหมายประเทศนี้พ้นโทษวันใด นั่นก็หมายถึงการนับถอยหลังในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ“เศรษฐา ทวีสิน”อดีตนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้
จับสำเนียงได้จากการที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “ในเดือนสิงหาคมผลงานรัฐบาลจะออกมาเป็นรูปธรรมมากขึ้น” นี้ก็หมายถึงเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ น.ช.ทักษิณจะพ้นโทษในวันที่ 21 สิงหาคม 2567 เมื่อพ้นโทษทักษิณก็สามารถออกยืนแถวหน้าและ“บงการ”รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้อย่างเต็มตัว
และเรื่องนี้สอดคล้องกับการขานรับอย่างสอดประสานของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีในฐานะ“ผู้จัดการรัฐบาล”ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามว่า “เป็นไปได้หรือไม่หากนายทักษิณพ้นมลทินในเดือนสิงหาคมแล้ว จะเข้ามาช่วยงานพรรคเพื่อไทย” ซึ่งนายภูมิธรรมกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดความโดยไม่ลังเลชนิดที่ไม่ต้องใช้จินตนาการว่า “ถ้าท่านพ้นมลทินทั้งหมด ก็สามารถที่จะเข้าไปช่วยเหลือได้”
อย่างไรก็ดี เกือบหนึ่งปีบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐนาวาของ“เศรษฐา ทวีสิน” นอกจากจะไร้น้ำยาแล้ว ศักยภาพของภาวะผู้นำก็ไม่เป็นที่ประจักษ์
“เศรษฐา ทวีสิน” ไม่สามารถถอดคราบความเป็น“พ่อค้า”ได้ นอกจากอ่อนด้อยเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว คำว่า“กาลเทศะ”ซึ่งหมายถึงเวลาและสถานที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเป็นตำแหน่งสูงสุดของผู้นำฝ่ายบริหาร ปรากฏว่าคนอย่างนายเศรษฐาก็แยกแยะไม่ถูก
ไม่เพียงแต่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะหมิ่นเกียรติของตนเองเท่านั้น เกียรติของผู้อื่นนายเศรษฐาก็ยังไม่เคารพ ทั้งที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็คือ “ตำแหน่งข้าราชการชั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือน” ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ และเป็นประธานที่ประชุมเสนาบดีของฝ่ายพลเรือน
“นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด”ของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร—นามว่า“เศรษฐา ทวีสิน”ผู้นี้ แยกแยะไม่ถูกระหว่างพ่อค้าบ้านจัดสรรกับความเป็นนายกรัฐมนตรี นุ่งกางเกงยีนส์ขาลีบโดยกางเกงเกือบจะหลุดออกจากก้น เวลาเดินต้องคอยดึงรั้งขึ้นมาอยู่ที่เอวตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังสวม“ถุงเท้าแดง-ถุงเท้ามีสี”ที่ต้องตามรสนิยมของตน ในยามที่ออกตรวจราชการในต่างจังหวัดและเดินสายเวิลด์ทัวร์ในต่างประเทศ หรือแม้แต่การออกรับแขกบ้านแขกเมือง
ในขณะเดียวกันเกือบหนึ่งปีผ่านไป ข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน-เศรษฐกิจถดถอย แต่รัฐบาลชุดนี้กลับสาละวนอยู่กับโครงการ“ดิจิทัลวอลเล็ต” โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะเสียงท้วงติงจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า โครงการนี้“ได้ไม่คุ้มเสีย”
ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติโดย“นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เคยมีหนังสือเสนอแนะรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ถึงข้อน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับโครงการนี้ ว่าจะมีปัญหาตามมา อย่างน้อย 3 ประการด้วยกัน
ประการแรก—โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะก่อให้เกิดภาระทางการคลังจำนวนมากในระยะยาว ซึ่งถ้าหากไม่สามารถรักษาเสถียรภาพภาระหนี้ภาครัฐได้ จะเพิ่มความเสี่ยงที่ประเทศไทยด้วยการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ประการที่สอง—การดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ใช้วงเงินงบประมาณมูลค่าสูง จะทำให้ความสามารถในการดำเนินนโยบายการคลังอื่นของรัฐบาลลดลง และมีความเสี่ยงที่จะมีงบประมาณไม่เพียงพอรองรับในภาวะฉุกเฉิน โดยเฉพาะการเพิ่มวงเงินกู้งบประมาณปี 2568 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้เหลือวงเงินกู้ได้อีกราว 5 พันล้านบาท เทียบกับวงเงินคงเหลือเฉลี่ยในปีก่อนๆ ที่มากกว่า 1 แสนล้านบาท
ประการที่สาม--การจัดสรรวงเงินจากงบประมาณปี 2567 ทำให้งบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน หรือในกรณีที่จำเป็น ลดลงจนอาจไม่เพียงพอรองรับกรณีฉุกเฉินและกรณีจำเป็น ภายใต้สถานการณ์การเมืองโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง และภาวะภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น
ข้อท้วงติงในสามประการดังกล่าวของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่หลักในการบริหารจัดการให้ระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศดำเนินไปอย่างไม่สุ่มเสี่ยง ไม่เพียงแต่รัฐบาลจะไม่ฟังเสียง แต่ยังพยายามกดดันธนาคารแห่งประเทศไทยในทุกทางให้สนองรับโครงการนี้ของรัฐบาล
และล่าสุดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมเมื่อวานนี้ ภายหลังการประชุม“คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 1 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต” นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธานคณะกรรมการชุดนี้ได้ออกมาแถลงและโพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น X ถึงความคืบหน้าของโครงการว่า “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต”พร้อมเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้กล่าวในรายละอียดจากการให้สัมภาษณ์ว่า “การประชุมวันนี้ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดลงทะเบียน และการดำเนินการในภาพรวมที่จะรองรับการใช้งานของประชาชนและร้านค้า โดยมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมไปถึงการลงรายละเอียดเงื่อนไขของการรับสิทธิ์ และมาตรการป้องกันการทุจริต การเรียกเงินคืนให้ชัดเจนขึ้นครับ”
สรุปก็คือ รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยและมีนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้“ชักใย”นั้น หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะเอาให้ได้กับโครงการนี้ และต้องแจกเป็น“เงินดิจทัล”เท่านั้นด้วย
คนไทยทั่วไปที่ไม่ได้กินหญ้าหรือกินแกลบจึงสงสัยและมีข้อกังขาว่า-โครงการนี้อาจะเป็นนโยบายทับซ้อนที่เพื่อสนองประโยชน์นักการเมืองและพ่อค้าบางตระกูลที่กำ“โทเคน”(Token) ไว้ในมือ
จึงมีความพยายามที่จะเล่นแร่แปรธาตุ เปลี่ยนเงิน“โทเคน”เป็นสกุล“เงินบาท”ที่ปรับลดจาก 5 แสนล้านบาทเป็น 4.5 แสนล้านบาท ณ เวลานี้ ให้ได้ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี