คำร้อง “ยุบพรรคเพื่อไทย” ด้วยเหตุที่ “นายทักษิณ ชินวัตร”ซึ่งเป็นคนนอก เข้าครอบงำ ชี้นำพรรค ของผู้ร้องที่ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุพฤติกรรมของนายเศรษฐา ทวีสิน, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย อย่าละเอียดลออ
1) ข้อเท็จจริงที่ศาลรัฐธรรมนูญฟังเป็นยุติ
การเสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย การที่ศาลรัฐธรรมนูญฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า นายเศรษฐา ทวีสิน เข้าพบบุคคลซึ่งหมายถึงนายทักษิณ ชินวัตร ที่นายพิชิต ชื่นบาน เป็นหัวหน้าทนายความประจำตัว จึงเป็นมูลเหตุจูงใจทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร
และหลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร แล้ว นายเศรษฐา ทวีสิน นำความกราบบังคมทูลเพื่อเสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ยอมรับการชี้นำของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชี้นำให้เสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
แต่เมื่อข้อบังคับของพรรคเพื่อไทยกำหนดให้การแต่งตั้งรัฐมนตรีจะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสินจึงไม่อาจดำเนินการเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรีได้โดยลำพัง แต่จะต้องนำเอาการชี้นำของนายทักษิณ ชินวัตร แจ้งต่อคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และเมื่อประกอบกับคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร (นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน) บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคจึงทำให้การชี้นำพรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ไม่มีข้อติดขัด ดังนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยจึงย่อมจะต้องรับรู้และยินยอมต่อการชี้นำของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค
อีกทั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน หรือคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ยังเคยได้แสดงให้เห็นถึงความไม่ต้องการเสนอแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี จากที่ศาลรัฐธรรมนูญฟังข้อเท็จจริงว่า ทั้งที่เคยถอนชื่อ หรือขอให้นายพิชิต ชื่นบาน ถอนชื่อจากบัญชีเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรี ในการเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการยินยอมรับการชี้นำของนายทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยเคยไม่เห็นด้วยมาก่อน
2) พฤติการณ์ที่แสดงถึงการยินยอมของพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์หรือพฤติการณ์ที่แสดงถึงการยินยอมของพรรคเพื่อไทย ให้นายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นบุคคลอื่นที่ไม่เป็นสมาชิก ชี้นำกิจกรรมของพรรค โดยปรากฏชัดต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนโดยทั่วไป ซึ่งทำให้วิญญูชนทั่วไปเข้าใจได้ชัดเจนว่า นายทักษิณ ชินวัตร ชี้นำกิจการทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยขาดความอิสระ ได้แก่ เหตุการณ์และพฤติการณ์ต่างๆ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์และการยอมรับการชี้นำจากนายทักษิณ ชินวัตร ของพรรคเพื่อไทย ในช่วงเวลาหลังจากนายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมาประเทศไทย ดังนี้
22 สิงหาคม 2566 (วันเดียวกับที่นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยโดยเครื่องบินส่วนตัวถึงสนามบินดอนเมือง มีสมาชิกและแกนนำพรรคเพื่อไทยจำนวนหลายคนไปต้อนรับที่ประตูทางออกอาคารสนามบิน เช่น นายภูมิธรรม เวชยชัย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายเกรียง กัลป์ตินันท์ ซึ่งต่อมาบุคคลเหล่านี้ได้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย
24 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตรที่บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังจากนายทักษิณฯ ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ กลับไปบ้านพัก เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567
14-16 มีนาคม 2567 นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยจำนวนหลายคนเดินทางไปให้การต้อนรับ โดยรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ในวันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่บ้านพักจังหวัดเชียงใหม่ เช่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายเกรียงกัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจุลพันธ์อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางพวงเพ็ชรชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
26 มีนาคม 2567 นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปที่สำนักงานพรรคเพื่อไทย มีแกนนำที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวนหลายคนต้อนรับ หนึ่งในนั้นคือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจากพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร โดยให้เหตุผลว่านายทักษิณ ชินวัตร เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ความสำเร็จของพรรค หากมีโอกาสก็จะไปขอคำปรึกษาให้กับกระทรวงคมนาคม จะทำอย่างไรให้สนามบินสุวรรณภูมิขึ้นมาติดอันดับโลกได้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งถนนและราง
30 มีนาคม 2567 นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายอนันต์ ฉายแสง บิดาของนายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่วัดเทพนิมิต ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีสมาชิกและแกนนำพรรคเพื่อไทยจำนวนหลายคนต้อนรับ
5 เมษายน 2567 พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะกรรมการบริหารพรรค และองค์ประชุมจะต้องประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรคจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งเข้าร่วมประชุม ช่วงแรกของการประชุมได้นำวีดีโอมาฉายให้สมาชิกรับชมในที่ประชุม โดยมีเนื้อหาสำคัญส่วนหนึ่งเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และคำกล่าวของนายทักษิณ ชินวัตร ในลักษณะให้โอวาทแก่สมาชิกพรรคเพื่อไทยเช่น เนื้อหาตอนหนึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตรกล่าวชี้นำคณะกรรมการบริหาร, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกของพรรคเพื่อไทย ถึงแนวทางการดำเนินงานของพรรคเพื่อไทย ไม่ให้เป็นพรรคการเมืองแนวอนุรักษ์นิยมใหม่ และอีกตอนหนึ่งชี้นำในเรื่องการทำงานในสภา การสะท้อนปัญหาในสภา การปฏิบัติตน วิธีการและความถี่ในการเข้าถึงประชาชน ว่า...
พรรคเพื่อไทยต้องเข้าใจว่าสังคมวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว การเข้าถึงประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ จะเข้าถึงด้วยทางกายภาพหรือด้วยสื่อก็ต้องเข้าถึง เพราะฉะนั้นอย่าเป็นคนที่ไม่เข้าถึงประชาชน แล้วก็แน่นอนว่าการสะท้อนปัญหาในสภาทำได้แม้ไม่ได้เป็นผู้บริหาร จึงอยากให้ สส.เพื่อไทยเข้าถึงประชาชน ส่วนการทำงานในสภาก็ต้องเข้มแข็ง และสำคัญที่สุดคือหัวใจ ถ้าเราเป็นนักการเมืองที่ดีได้ต้องเป็นนักการเมืองที่รักประชาชน ประชาชนเดี๋ยวนี้มองตาเราก็รู้ว่าเรามีเมตตาธรรม หรือเป็นคนถือตัวไม่สนใจชาวบ้าน เขามองออก เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะอยู่กับความรู้สึกของชาวบ้าน จะมาเสแสร้งไม่กี่วันหรือหนึ่งเดือนก่อนจะเลือกตั้งเขารู้หมด เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่กับชาวบ้านให้ได้...
สรุปเรื่องที่นายทักษิณ ชินวัตร ชี้นำ ได้แก่ 1) ต้องเข้าถึงประชาชนทั้งด้วยตนเองหรือด้วยสื่อ 2) อย่าเป็นคนที่ไม่เข้าถึงประชาชน 3) ต้องสะท้อนปัญหาในสภาแม้ไม่ใช่ผู้บริหาร 4) สส.เพื่อไทยต้องเข้าถึงประชาชน 5) การทำงานในสภาต้องเข้มแข็ง6) ต้องเป็นนักการเมืองที่รักประชาชน 7) อย่าเสแสร้งแค่ไม่กี่วันหรือหนึ่งเดือนก่อนเลือกตั้ง และ 8) ต้องอยู่กับชาวบ้านให้ได้
การที่พรรคเพื่อไทยนำวีดีโอมาเปิดในที่ประชุมใหญ่ของพรรคก่อนเริ่มกิจกรรมอื่น แสดงว่าพรรคเพื่อไทยเห็นว่านายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรค โดยมีเจตนาให้สมาชิกทุกคนเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่นายทักษิณ ชินวัตร ชี้นำ อันเป็นการยินยอมรับการชี้นำของนายทักษิณ ชินวัตร ต่อกิจกรรมของพรรค ซึ่งสมาชิกอาจไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเมืองที่ไม่ใช่อนุรักษ์นิยมใหม่และวิธีการทำงานที่นายทักษิณ ชินวัตร ชี้นำ แต่อาจต้องปฏิบัติตาม เนื่องจากนายทักษิณ ชินวัตร เคยเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย สืบต่อมาเป็นพรรคพลังประชาชน และปัจจุบันเป็นพรรคเพื่อไทย อีกทั้งเป็นบิดาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งสามารถให้คุณให้โทษต่อสมาชิกในการคัดเลือกเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ จึงทำให้สมาชิกขาดความอิสระจากการชี้นำของนายทักษิณ ชินวัตร
15 เมษายน 2567 สมาชิกและรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเข้ารดน้ำขอพรนายทักษิณ ชินวัตร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ที่บ้านพักจังหวัดเชียงใหม่ เช่น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายชูศักดิ์ ศิรินิล,นายพิชิต ชื่นบาน, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ,นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยผู้ที่เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่แล้ว และอีกส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่มีโอกาสจะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ในนามพรรคเพื่อไทย จึงแสดงว่านายทักษิณ ชินวัตร มีบทบาทต่อการกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ควรเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการบริหารกำหนด ตามข้อบังคับของพรรคเพื่อไทย
16 เมษายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย (ในขณะนั้น) เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าสถานที่พักอาศัยของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน จะต้องตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรี
14 สิงหาคม 2567 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยที่ทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย ในช่วงเย็นวันเดียวกันรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่ร่วมรัฐบาลจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า สถานที่พักอาศัยของนายทักษิณ ชินวัตร ในขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อยู่ที่ต่างประเทศ จากสถานการณ์ทางการเมืองที่จะต้องมีการตั้งรัฐบาลใหม่และจะต้องเสนอบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดที่ร่วมรัฐบาลเดิม จึงเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าการเดินทางมายังบ้านจันทร์ส่องหล้าของบุคคลในพรรคการเมืองต่างๆ ในครั้งนี้ เป็นการที่พรรคเพื่อไทยในฐานะเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เรียกแกนนำของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ร่วมรัฐบาลเดิม มาปรึกษาหารือในเรื่องการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่มีความสำคัญสูงสุดของทุกพรรคการเมือง ซึ่งควรจะกระทำโดยหัวหน้าพรรคการเมือง ณ ที่ทำการของพรรคการเมือง แต่นายทักษิณ ชินวัตร ได้ทำหน้าที่แทนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ณ บ้านที่ตนเองพักอาศัย และหลังจากนั้นได้ปรากฏรายชื่อบุคคลที่จะได้รับการเสนอแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในสื่อมวลชนต่างๆ ปรากฏตามภาพข่าวในสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ทั่วไป
น่าติดตามว่า คำร้องที่เขียนอย่างละเอียดเช่นนี้ จะส่งผลในทางกฎหมายให้ถึงขั้นเอาผิด “นายทักษิณ” และยุบ“พรรคเพื่อไทย” ได้หรือไม่ แต่อย่างน้อย ในทางสังคมก็ได้เห็นพฤติกรรมและพฤติการณ์ ความสัมพันธ์เหล่านี้อย่างแจ่มชัดขึ้น อันเป็นการกระทำที่ขาดความยำเกรงต่อการรับรู้ของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี