วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 ซึ่งจะมีการเข้าเฝ้าถวายสัตย์และเข้ารับหน้าที่คณะรัฐมนตรีใหม่ในวันที่ 6 กันยายน 2567 จากนั้นในวันที่ 7 กันยายน 2567 จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งค์ 1 เพื่อพิจารณานโยบายของรัฐบาลผสมที่จะแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
คาดว่าจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ภายในกลางเดือนกันยายนนี้ และหลังจากนั้นรัฐบาลก็จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินเต็มตัว โดยมีนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติ
ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้แต่งตั้งมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเห็นได้ว่ากรรมการยุทธศาสตร์ชาติทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับรัฐบาลนั้น
ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ถ้ารัฐบาลไม่กระทำการใดตามที่กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์กำหนดไว้ก็ดี หรือกระทำการใดที่ขัดกับยุทธศาสตร์ชาติก็ดี คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติก็มีสิทธิ์เอาความดำเนินการเพื่อขอให้มีการถอดถอนและตัดสิทธิ์การเมืองนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้ และในกรณีเช่นนี้จะใช้เวลาน้อยมาก เพราะไม่ต้องทำการไต่สวนตรวจสอบเหมือน กกต. หรือ ป.ป.ช.
ดังนั้นที่มีข่าวร่ำลือกันว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน 6 เดือน เมื่อถอดรหัสแล้วเรื่องราวทั้งหลายที่ส่อเค้าว่าจะฟ้องร้องดำเนินการกับรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ 1 นั้น แม้มีมากมาย 9-10 เรื่องแล้ว แต่เรื่องที่จะสามารถถอดถอนรัฐบาลนี้ได้เร็วที่สุดก็คือเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ 1 จะต้องสังวรไว้ให้จงหนักว่าจุดหยิมต๊กซึ่งจะเป็นอันตรายร้ายแรงที่ทำให้รัฐบาลถูกสอยง่ายดายนั้นก็คือเรื่องยุทธศาสตร์ชาตินั่นเอง
และเรื่องที่จะขัดยุทธศาสตร์ชาติที่โจ่งแจ้งโจ๋งครึ่มที่สุด เมื่อติดตามย้อนไปดูแล้วก็เห็นมีเรื่อง Casino Complexหรือ Entertainment Complex ซึ่งเนื้อใหญ่ใจความก็คือจะเปิดให้มีการตั้งบ่อนและกิจการบริวารถึง 8 แห่งในประเทศไทย ซึ่งพอๆ กันกับเมื่อครั้งนายควง อภัยวงศ์ เปิดให้ตั้งบ่อนทั่วประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อดูดซับเอา paper money หรือเงินกระดาษที่ญี่ปุ่นมาพิมพ์ใช้เกร่อเกลื่อนในประเทศไทย จึงต้องดูดซับเอาไป และไม่มีวิธีไหนดีกว่าการเปิดให้เล่นการพนันทั่วประเทศ ซึ่งตอนแรกก็ด่านายควง อภัยวงศ์ กันขรมว่าเป็นผู้ส่งเสริมอบายมุขปลุกให้คนไทยใฝ่เป็นพาลตกลงต่ำ แต่ปรากฏว่าที่นายควง อภัยวงศ์ กระทำไปนั้นได้รับผลสำเร็จ เงินกระดาษทั้งหลายที่ญี่ปุ่นมาพิมพ์ไว้ได้ถูกรัฐบาลจัดเก็บไปทำลายเกือบทั้งหมด ทำให้ภาวะเงินเฟ้อหายไป ทำให้ค่าเงินบาทของไทยเป็นที่เชื่อถือมากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือเอาเงินกระดาษออกจากเงินบาทแท้จริง จึงทำให้เงินบาททรงคุณค่าเป็นที่น่าเชื่อถือนั่นก็เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกิดมาแล้ว
เป็นแต่ว่ายุคนั้นไม่มีกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติจึงไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่บัดนี้ประเทศไทยมีกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ ที่ห้ามไม่ให้รัฐกระทำการส่งเสริมสนับสนุนอบายมุข ดังนั้นหากตั้ง Entertainment Complex ก็ต้องถือว่าขัดกับยุทธศาสตร์ชาติโดยตรง
แต่ทว่าสรรพสิ่งนั้นไม่คงที่ มีความยืดหยุ่นไปตามสภาพสภาวการณ์ ไม่เห็นหรือรัฐบาล อุ๊งอิ๊งค์สามารถฝ่าข้ามความคาดหมายว่าการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจะมีปัญหาเรื่องจริยธรรม แต่ในที่สุดก็มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและทำให้ปัญหาดังกล่าวจางคลายไปแล้ว เป็นเหตุให้พวกที่จ้องจะล้มรัฐบาลเพราะตั้งรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติต้องแหงนถ่อฝันค้างไปตามๆ กัน
แต่ไม่ว่ารัฐบาลจะยกเลิกหรือเดินหน้า Entertainment Complex ก็ยังไม่ได้บ่งชี้ว่ารัฐบาลนี้เป็นเทพหรือมาร นั่นคือเป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามท่วงทำนองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ถือเอาการปกครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยามเป็นที่ตั้ง
หรือว่าจะเป็นรัฐบาลของตระกูลชินวัตร ที่ทำการทั้งหลายเพื่อประโยชน์ของตระกูลชินวัตรและผู้คนในตระกูลชินวัตรเท่านั้น
รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะต้องเลือกเส้นทางใหญ่สองสายนี้ว่าจะไปทางไหน คือจะไปสวรรค์หรือจะไปนรก ถ้าจะไปสวรรค์ก็ต้องเดินหนทางประพฤติปฏิบัติทั้งปวงให้เป็นไปโดยธรรม เพื่อประโยชน์และความสุขของมหาชนชาวสยาม เพื่อสนองพระบรมราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามที่ทรงประกาศเป็นพระปฐมบรมราชโองการไว้แล้วนั้น
หรือถ้าจะเลือกเส้นทางไปนรกก็ประพฤติปฏิบัติให้เหมือนเดิมไว้ คือทำการทั้งหลายตามใจปรารถนา ไม่ต้องคำนึงถึงธรรม ความพอใจหรือไม่พอใจของราษฎร ไม่สนฟ้า
ไม่เกรงดิน ถือเอาผลประโยชน์ของตระกูลชินวัตรและคนในครอบครัวชินวัตรเป็นที่ตั้ง ถ้าทำดังนั้นแล้วก็จะถึงซึ่งความพินาศฉิบหายดังใจในไม่ช้านี้
การตั้งปฐมบทแห่งการเป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คือการสร้างความเป็นเอกภาพและการเทิดทูนพระมหากษัตริย์ให้เป็นที่เคารพสักการะ
และสนองพระบรมราชปณิธานของพระองค์ที่ทรงรักห่วงประเทศชาติและทรงเมตตาอาณาประชาราษฎร์ดุจลูกหลานให้ร่มเย็นเป็นสุข
การจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องฟื้นการปฏิบัติตามราชนิติดั้งเดิมที่รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้กระทำมาแต่กาลก่อน นั่นคือการเคารพต่อพระราชอำนาจ และเทิดไว้เหนือเกล้า ด้วยการฟื้นฟูราชนิติที่นายกรัฐมนตรีจะขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอรับกระแสพระราชดำริ พระบรมราโชวาท หรือพระบรมราชวินิจฉัยในกรณีทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการใหญ่ทั้งแผ่นดินและราษฎรและน้อมนำไปปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จโดยไว
ราชนิติดังกล่าวนั้นเคยปฏิบัติตลอดมาแม้หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 นั่นคือทุกวันจันทร์ที่สองของเดือน นายกรัฐมนตรีจะขอเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง ขอรับคำแนะนำ ขอรับกระแสพระราชดำริและพระบรมราชวินิจฉัยในกรณีทั้งหลาย แล้วน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จ
ซึ่งการทั้งหลายเหล่านี้คือพระราชอำนาจที่สำคัญของพระมหากษัตริย์ ต่อรัฐบาล เป็นวิถีการใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนผ่านอำนาจบริหารคือรัฐบาล ดังนั้นถ้ารัฐบาลยอมรับเทิดทูนราชนิติอันเป็นหลักปฏิบัตินี้ ความเป็นสิริมงคลก็จะบังเกิดขึ้น ความเจริญรุ่งเรืองก็จะปรากฏให้เห็น
เมฆหมอกแห่งข่าวลือแอบอ้างอวดอ้างที่ดำทะมึนอยู่เหนือฟากฟ้าการเมืองไทยก็จะถูกสลายไป เบิกฟ้าให้สว่างไสวด้วยประการฉะนี้ จึงควรที่นายกฯอุ๊งอิ๊งค์ใคร่ครวญพิจารณาให้จงดี

'มือเต็ง-แชมป์เก่า' พาเหรด 32 คนคิวลีโอฟีโน่
รัฐบาล คาดช่วงวันพ่อหยุดยาว คนไทยแห่เที่ยว เงินสะพัดกว่า 10,000 ล้านบาท
อัยรินทร์ ย้ำ ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
อรรถกร โอด รับดราม่าซีเกมส์คนเดียว เผยอาจผิดธรรมชาติไปนิดนึง
พยากรณ์อากาศวันนี้ เตือน 10 จังหวัดภาคใต้ ฝนตกหนักรอบใหม่

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี