การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ในวันอาทิตย์ 22 กันยายนนี้ น่าสนใจไม่แพ้ครั้งที่แล้ว
เชิญชวนชาวปทุมธานีไปใช้สิทธิลงคะแนนกันเยอะๆ
จะเลือกใคร อยู่ที่การตัดสินใจของท่านเอง เพื่อประโยชน์สูงสุดของปทุมธานีของทุกท่าน
1. ใบเหลืองชาญ
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.) ใหม่
ตามมาตรา 106 วรรคสี่ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562
หรือที่เรียกกันว่า เป็นการให้ใบเหลือง
โดย กกต.พิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผลและพยานหลักฐานของสำนวนเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 65 (3) แล้วเห็นว่า กรณีกล่าวหาว่า นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ได้รับเลือกตั้ง จัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจ ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนนั้น เป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม
หลังจากนั้น ได้กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ 22 ก.ย.นี้ โดยใช้ผู้สมัครชุดเดิม
นายชาญก็ยังลงสมัครรับเลือกตั้งได้
ทั้งนี้ การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 949,421 คน
ผลการลงคะแนนเลือกตั้ง ปรากฏว่า ผู้สมัครหมายเลข 1 นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้ 203,032 คะแนน
ผู้สมัครหมายเลข 3 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้ 201,212 คะแนน
ผู้สมัครหมายเลข 4 นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้ 16,983 คะแนน
ผู้สมัครหมายเลข 2 นายอธิวัฒน์ สอนเนย ได้ 7,122 คะแนน
จะเห็นว่า คะแนนผู้ชนะอันดับหนึ่งห่างจากผู้ที่ได้คะแนนลำดับสองเพียง 1,820 คะแนน
2. กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “นายกเบี้ยว” ปมจัดเลี้ยงช่วย “ชาญ”
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2567 รายงานข่าวระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีหนังสือเลขที่ 0011/12962 ถึงสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดปทุมธานี
ให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ปมเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทุจริตช่วย ชาญ พวงเพ็ชร์ เลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี
เนื้อหาบางส่วน ระบุว่า
“เนื่องจาก กกต.ได้พิจารณาเรื่องการจัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ ผู้สมัคร นายก อบจ.ปทุมธานีนั้น เป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2567 มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามหนังสือสำนักงานกกต.ประจำจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 17 ส.ค. 2567 ได้ส่งสำนวนการไต่สวนกรณีนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ.ปทุมธานี หมายเลข 1 ผู้ถูกร้องที่ 1 กับนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ถูกร้องที่ 2
ถูกกล่าวหาว่ากระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 65 (3) (4) และมาตรา 66 ประกอบระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 ข้อ 16 นั้น
สำนักงาน กกต. ขอเรียนว่า กกต.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2567 มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี ใหม่ และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายกฤษฎา ผู้ถูกร้องที่ 2 ในข้อกล่าวหาที่ 1 และข้อกล่าวหาที่ 2 ส่วนข้อกล่าวหาที่ 3 ให้ยกคำร้อง
ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำคำวินิจฉัย กกต.
จึงขอให้แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป...”
นั่นหมายความว่า กกต.ให้ดำเนินคดีอาญากับ นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยวนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า 2 ข้อหาที่ กกต.สั่งดำเนินคดีอาญากับนายกฤษฎา เป็นกรณีทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ และเลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงผู้ใด ตามมาตรา 65 (3)และ(4) พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่นายชาญได้รับเลือกตั้งมาไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
การดำเนินคดีใน 2 ข้อดังกล่าว หากผิดจริง จะมีโทษตามมาตรา 126
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
ขณะนี้ นายกฯเบี้ยว ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ มีสิทธิต่อสู้คดีตามขั้นตอนต่อไป
3. ทักษิณ กับงานฉลองบวชลูกชายนายกเบี้ยว
ต้นเหตุที่ กกต.วินิจฉัยใบเหลือง สืบเนื่องจากเหตุการณ์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ในวันที่8 มิ.ย. 2567 นายกฤษฎาได้จัดฉลองอุปสมบทให้กับนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ บุตรชาย
งานเลี้ยงจัดใหญ่โต ขนาดว่ามีศิลปิน “ลําไย ไหทองคำ”ไปแสดงคอนเสิร์ต
และนายทักษิณ ชินวัตร บิดาของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปร่วมงานดังกล่าวด้วย
โดยงานดังกล่าว นายชาญยืนยันว่าไม่ได้ไปร่วมงาน แต่เป็นที่ทราบกันดีในพื้นที่ว่าทีมของนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรีมีความสัมพันธ์กับนายชาญ การที่นายทักษิณ บิดาของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปร่วมงานและพบปะพูดคุยกับผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงมวลชนคนเสื้อแดง มีการกินเลี้ยง จัดเลี้ยง จึงเป็นการกระตุ้นคะแนนนิยมให้กับนายชาญ (ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย) และเป็นน้ำหนักที่ทำให้กกต.เห็นว่านายกฤษฎาเป็นผู้มีส่วนทำให้การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีที่นายชาญได้รับเลือกตั้งมาเป็นไปโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม จึงเป็นเหตุให้สั่งเลือกตั้งใหม่ และสั่งดำเนินคดีอาญากับนายกฤษฎาด้วยในที่สุด
4. ด้านนายชาญ หรือลุงชาญ ใจดี ประกาศเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้งต่อไป พร้อมตอบโต้ชี้แจงปมใบเหลืองอย่างเผ็ดร้อน
ระบุว่า ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันเกี่ยวกับเรื่องโดนใบเหลือง เราไปแจกบัตรในงานบวชลูกนายกเบี้ยวที่บริเวณด้านหน้างาน ไม่ได้เดินไม่ได้เข้าไป ยืนแจกอยู่นอกกำแพง แต่มีคนร้องเรียนมาที่ กกต.
“...การเมืองก็มาโจมตีหาว่าผมนั้นทุจริตการเลือกตั้ง ไม่ทำตามเกณฑ์ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำผิดตรงไหน และมีการร้องเรียนผมตรงไหน แล้ว กกต.แก้ไขตรงไหน ผมเองก็ให้ปากคำกับ กกต.ไปแล้ว กกต.สอบผม ผมก็ให้ข้อเท็จจริงไปแล้ว เพราะฉะนั้น วันนี้เนี่ยผมต้องบอกกับพี่น้องประชาชน ทุกคนก็สงสัยถามนายกชาญว่า โดนใบเหลืองโดนยังไงโดนคดีอะไร ผมก็ต้องตอบแบบกว้างๆว่า ไปงานบวชลูกชายนายกเบี้ยว กล่าวหาว่าเรามีส่วนได้เสีย ผมไม่รู้เลยว่าส่วนได้เสียตรงไหน เพราะผมอยู่นอกงาน แจกบัตรเสร็จคนหมด ผมก็กลับ ผมไม่ได้ยืนรอท่านทักษิณหรือคุณอุ๊งอิ๊งค์ ผมไม่ได้เห็น ผมไม่ได้รอเลยครับ ผมก็กลับ ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะเรื่องไปร่วมงานก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และผมจะไปมีส่วนได้ส่วนเสียตรงไหน ผมจะเอาเงินตรงไหนไปทุ่มเทจัดงานให้เขาไม่มีหรอกครับ การเมืองผมรู้ดี เพราะผมเป็นมาหลายสมัย เรารู้กฎหมายการเลือกตั้งอยู่แล้ว...” – นายชาญกล่าว
5. ลุงชาญควรบอกประชาชนอย่างครบถ้วน ตรงไปตรงมา
อดีตนายก อบจ. ปทุมธานี ลุงชาญ เคยจัดซื้อจัดจ้างถุงยังชีพช่วงน้ำท่วมใหญ่ พ.ย.2554
หลังจากนั้น เดือนมี.ค. 2564 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา มาตรา 151 157
ต่อมา ม.ค. 2567 อดีตนายกชาญและพวก ไปรายงานตัวเพื่อส่งฟ้องศาลปราบโกงได้ประกันตัวโดยยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน สู้คดีต่อ เพราะยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์คดีอาญายังไม่ถูกศาลพิพากษา
หลังจากนั้น รู้ว่าตนเองเคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูล และคดีอยู่ในชั้นศาลปราบโกงแล้ว แต่ก็ยังลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานี
ประการสำคัญอยู่ตรงนี้ ... กรณีที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และสั่งฟ้องศาลปราบโกงไปแล้ว ขณะนี้คดีอยู่ในศาล สถานะของบุคคลเช่นนี้ หากได้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ. ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ตามแนวทางข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ระเบียบฯกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ควรแสดงสปิริต ให้ประชาชนได้ทราบเงื่อนไขข้อจำกัดตรงนี้ด้วย หรือไม่?
มิใช่ปล่อยให้ประชาชนไม่ทราบความเสี่ยงและข้อมูลสถานะที่จะมีผลสำคัญว่าจะทำหน้าที่นายก อบจ. ได้ทันทีหรือไม่?
กรณีดังกล่าว เทียบเคียงกับกรณีแนวปฏิบัติ “มท.” ที่ยึดความเห็น “กฤษฎีกา” มาโดยตลอด หลายกรณีก่อนหน้า
ตามคำสั่งของ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ดำเนินการตามแนวทางข้างต้นทั้งนั้น คือ หากศาลฯได้ประทับรับฟ้องแล้ว และต่อมาบุคคลดังกล่าวได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นอีก บุคคลดังกล่าวต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 81 และ 83 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยยึดแนวทางคณะกรรมการกฤษฎีกาชุด ที่ 1 เรื่องเสร็จที่ 1486/2565
ทั้งนี้ กรณีผู้บริหารท้องถิ่นรายใด ฝ่าฝืนไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็จะเป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถใช้อำนาจตามกฎหมาย สั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่น พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว
ยกตัวอย่าง
กรณีคำสั่งจังหวัดจันทบุรี ที่ 106 /2567 เรื่อง ให้นาย... นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี พ้นจากตำแหน่ง เพราะประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความเรียบร้อย เนื่องจากฝ่าฝืนไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา 93 และ 81 หลังถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.พ.ศ.2563
กรณีคำสั่งจังหวัด กาฬสินธุ์ ที่ 10552 / 2566 เรื่อง สั่งให้นาย... พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลนามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ หลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ พบว่าไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมาย มาตรา 93 และ 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่ 1 ทั้งที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้ประทับรับฟ้อง
ฯลฯ
นอกจากประเด็นใบเหลืองแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ คือ ข้อมูลที่ประชาชนชาวปทุมธานีควรพิจารณาด้วยหรือไม่ ?
โดยลุงชาญ สามารถยืนยันได้ว่าตนเองยังบริสุทธิ์ และถ้าได้รับเลือกตั้งจะทำอย่างไร? จะเดินหน้าทำงานทันที ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะยกฟ้อง หรือจะดำเนินการอย่างไร? ลุงชาญก็ควรบอกข้อมูลที่ชัดเจนแก่ประชาชน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาลงคะแนนเลือกตั้งหนนี้
อย่าปล่อยให้ใครปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้งให้ทราบ
ส่วนประชาชนจะเลือกใคร ก็เคารพการตัดสินใจของประชาชน
อย่าลืมว่า เลือกตั้งทุกครั้ง ต้องใช้เงินภาษีของแผ่นดินมาดำเนินการจัดการเลือกตั้งหลายล้านบาท
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี