แผ่นดินอันเป็นราชอาณาจักรไทยของเรานี้นับว่าโชคดีมาก เพราะเราเคยมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นปราชญ์และมีน้ำพระทัยที่รักราษฎรยิ่งนัก ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงทุ่มเทบากบั่นเพื่อช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ให้มีความอุดมสมบูรณ์ ให้มีน้ำกินน้ำใช้ และทรงช่วยขจัดปัดเป่าอุทกภัยทั้งหลายที่คุกคามทำร้ายพสกนิกรของพระองค์ทุกปี
เพราะประเทศไทยอยู่ตรงเส้นศูนย์สูตร แต่ละปีมีปริมาณฝนตกเป็นจำนวนมากและสภาพภูมิประเทศทั่วไปเป็นที่ต่ำ ทำให้กระแสน้ำหลากไหลรุนแรงรวดเร็ว
แต่ก่อนมานั้นการระบายน้ำฝนน้ำท่วมทั้งหลายจากเหนือลงใต้จะอาศัยแม่น้ำหลักสี่สายคือปิงวัง ยม น่าน และจากตะวันตกไปตะวันออกก็ได้อาศัยแม่น้ำชีและแม่น้ำมูลเป็นเส้นทางระบายน้ำไปลงแม่น้ำโขง ประเทศไทยจึงปลอดภัยและมีความอุดมสมบูรณ์ตลอดมา
ต่อมาบ้านเมืองมีการพัฒนามีการตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้น ดังนั้นป่าไม้ซึ่งเป็นเครื่องชะลอความเร็วของน้ำไม่ให้น้ำไหลบ่าท่วมท้นอย่างรวดเร็วก็ลดน้อยถอยลงโดยลำดับ ดังนั้น เมื่อเข้าเทศกาลหน้าฝนหรือบังเกิดพายุโซนร้อนหรือพายุไต้ฝุ่นกระทบเข้ามาเกิดเป็นฝนตกหนัก น้ำก็จะท่วมไหลแรงเร็วขึ้นเพราะป่าไม้ซึ่งคอยชะลอความเร็วของน้ำไม่มีแล้ว
ดังนั้นเพื่อเพิ่มเส้นทางการไหลของน้ำเหนือใต้ให้ไหลเร็วขึ้น ครั้งหนึ่งจึงเคยมีพระราชดำริให้ขุดแม่น้ำอีกสายหนึ่งจากเหนือลงใต้เป็นสายที่ห้าเพิ่มขึ้นจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน แต่เหล่าชนผู้โง่เขลาและเห็นแก่ตัว ซึ่งจำนวนหนึ่งก็เป็นทาสรับใช้ตะวันตกได้คัดค้านต่อต้านขัดขวางจนดำเนินการไม่ได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
เพราะเหตุที่ปริมาณน้ำมีจำนวนมาก ในขณะที่แม่น้ำสายน้ำต่างๆ ค่อยๆ ตื้นเขินไปตามกาลเวลา แค่ฝนตกมาแต่น้อย แม่น้ำลำคลองก็ท่วมท้นท่วมบ้านเรือนราษฎร ดังนั้น
เพื่อป้องกันจึงมีการกั้นฝาย กั้นคูคลองให้สูงขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร จึงทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองเพิ่มมากขึ้น และเมื่อมีมวลน้ำมากขึ้นก็จะมีแรงกดดันที่หนักหน่วงรุนแรง จนในที่สุดฝายกั้นน้ำทั้งหลายก็จะทานน้ำหนักมวลน้ำไม่ได้ก็จะพังทลายลง น้ำก็จะไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นความคิดในการเสริมความสูงของฝายต่างๆ จึงเกิดผลที่แท้จริงก็คือเป็นการสะสมปริมาณน้ำให้มากขึ้นเพื่อรอฝายพังทลายแล้วน้ำจะท่วมบ้านเรือนราษฎรนั่นเอง ความคิดนี้จึงเป็นความคิดที่ผิดแต่ก็ยังทำเป็นล่ำเป็นสันทั่วประเทศ เพราะเป็นหนทางผลาญงบประมาณและฉ้อฉลงบประมาณเป็นล่ำเป็นสันมากที่สุดประเภทหนึ่ง
ครั้นบ้านเมืองพัฒนาขึ้นก็มีการสร้างถนนโดยทั่วไป ซึ่งได้เกิดแนวคิดว่าต้องทำถนนให้สูงเพื่อป้องกันน้ำท่วม ดังนั้นจึงทำถนนสูงกว่าหลังคาบ้านเรือนราษฎร แต่จะ
เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้ ถนนแต่ละสายมีช่องทางระบายน้ำไม่พอ ดังนั้นเมื่อทั้งบ้านทั้งเมืองเต็มไปด้วยถนน ผลที่แท้จริงก็คือเป็นการสร้างกำแพงกั้นน้ำให้ขังไว้ในปริมาณที่มากและในระดับที่สูงมากกว่าหลังคาบ้าน
ดังนั้นเมื่อน้ำไหลบ่ามามาก ท่อระบายน้ำตามถนนก็ระบายไม่ทัน น้ำก็ท่วมบ้านเรือนราษฎรจนกระทั่งมิดหลังคาบ้านเสียหายมาก
เคยมีตัวอย่างความเสียหายใหญ่หลวงรุนแรงในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ละปีมีความเสียหายหลายแสนล้าน และไม่เห็นหนทางแก้ไขใดๆ ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จฯไปจังหวัดสงขลาและอำเภอหาดใหญ่ โดยมีพระราชประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ ได้เสด็จพระราชดำเนินทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อศึกษาหาหนทางช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์
ได้เสด็จพระราชดำเนินสำรวจตรวจสอบคลองหอยโข่งซึ่งเป็นคลองสำคัญที่รับน้ำจากทั้งพื้นที่เพื่อไหลไปสู่ทะเล แต่ปรากฏว่าตื้นเขินและมีสิ่งกีดขวางทางน้ำมากมาย จึงมีพระราชดำริให้ขุดลอกคลองหอยโข่งให้กว้างและลึก และกำจัดสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำออกไปทั้งหมด เพื่อให้รองรับน้ำทั้งหลายไหลออกทะเลได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็พระราชทานพระราชดำริให้เพิ่มท่อระบายน้ำตลอดแนวเส้นทางถนนลพบุรี ราเมศวร์ โดยทรงคำนวณเอาความเพียงพอของการระบายน้ำจากฟากถนนหนึ่งไปอีกฟากถนนหนึ่ง เพื่อให้น้ำไหลไปยังที่ต่ำได้ และในที่สุดก็จะไหลไปลงคลองหอยโข่งไหลลงทะเลต่อไป
ทรงตรากตรำพระวรกายช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ตรงนี้อยู่หลายปี ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จเป็นผลให้พื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ไม่มีน้ำท่วมเหมือนอดีตอีกเลย คือเมื่อมีน้ำไหลบ่าจำนวนมากน้ำก็จะไหลไปถนนอีกฟากหนึ่งโดยสะดวกและไหลลงคลองหอยโข่งโดยสะดวก จึงไม่มีปริมาณน้ำขังท่วมบ้านเรือนราษฎรอีก
ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานกระแสพระราชดำรัสที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศลุ่มน้ำว่า การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้นจะใช้วิธีกักกันกั้นไม่ได้ เพราะถ้าใช้วิธีกักกันกั้นน้ำไว้ปริมาณน้ำก็จะมากขึ้นท่วมบ้านเรือนราษฎรและมีมวลน้ำมหาศาลที่ไม่มีสิ่งใดกีดขวางต้านทานได้ก็จะพังทลายลงสิ้น
ทรงมีรับสั่งว่าน้ำมีธรรมชาติไหลลงที่ต่ำ ดังนั้นต้องหาทางให้น้ำไหลไปให้เร็วที่สุด การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมก็คือการหาทางให้น้ำไหลไปยังที่ต่ำให้เร็วที่สุดกระทั่งไปออกสู่ทะเล ก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร
แต่น่าเสียดายที่บ้านเมืองของเรานี้ นักการเมืองและข้าราชการที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมิได้สำเหนียกและประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นแบบอย่างและประสบความสำเร็จมาแล้ว จึงทำให้ราษฎรได้รับความลำบากยากเข็ญดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์กำลังรับบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ทางภาคเหนือ ที่ราษฎรเสียชีวิตบาดเจ็บสุดคณานับมาแล้ว อย่าให้เป็นความสูญเสียเปล่า จึงควรถือเอาโอกาสนี้ได้ตั้งใจน้อมนำศึกษาแบบอย่างในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และน้อมนำมาปฏิบัติให้เป็นผลจริงเถิด ก็จะบังเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนโดยทั่วไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี