วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
องค์การ OECD (The Organization for Economic Co-operation and Development) องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีสมาชิกในปัจจุบันประมาณ 38 ประเทศ ซึ่งต่างจัดเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว (Develop Country) หรือเป็นประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำที่มีมาตรฐานการผลิต การบริหารจัดการ ที่เปี่ยมด้วยหลักธรรมาภิบาล สามารถรับกฎเกณฑ์กติกา และหลักปฏิบัติต่างๆ ขององค์การ OECD ที่มีมาตรฐานสากล ได้อย่างสมบูรณ์และทัดเทียมกัน
การที่รัฐบาลไทยในช่วงการนำพาของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้ตัดสินใจให้ประเทศไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การ OECD ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่บ่งบอกว่าฝ่ายรัฐบาลพร้อมที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่มีความทันสมัย และความมีมาตรฐานต่างๆ ในระดับสูงเป็นสากลทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
เท่ากับว่าประเทศไทยจะมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้ได้ เสมือนกับว่าเป็นการเข้าร่วมเล่นกีฬาในระดับกลุ่ม (Division หรือ League) ชั้นหนึ่งของโลก ซึ่งก็คงจะเป็นการดีต่อประเทศไทยเพราะประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนรูปโฉมจากปัจจุบันที่ยังเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์กติการะเบียบที่ล้าสมัยซ้ำซ้อนมากด้วยขั้นตอน และไม่ชัดเจนโปร่งใส และยังมีความอ่อนด้อยในเรื่องการบังคับใช้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่พนักงานก็ยังมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพและความซื่อสัตย์สุจริต อีกทั้งกระบวนการยุติธรรมก็ยังมีความล่าช้า และความสุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งประเด็นปัญหาต่างๆ เหล่านี้ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข หรือขจัดให้หมดไปเพื่อประเทศไทยจะได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การ OECD ได้อย่างสง่างาม เหมาะสม และน่าเชื่อถือ
ฉะนั้น การจะได้รับการเข้าไปเป็นสมาชิกองค์การ OECD จึงไม่ใช่เรื่องทำเอาเท่ๆ ทำแบบง่ายๆ แบบสะดวกโยธิน แต่ประเทศไทยทั้งองคาพยพคือ ฝ่ายรัฐ ฝ่ายเอกชน ฝ่ายวิชาการ และฝ่ายประชาสังคม จะต้องหันมาร่วมกันอย่างขะมักเขม้นเอาจริงเอาจัง ซึ่งประเทศไทยก็มีเวลาเตรียมการ ดังในกรณีของประเทศโคลอมเบีย ที่ได้ใช้เวลาประมาณ 7 ปี กว่าจะได้รับเข้าเป็นสมาชิกขององค์การ OECD โดยโคลอมเบียใช้เวลาเตรียมตัวเตรียมการต่างๆ ประมาณ 3 ปี และจากปีที่ 4 ถึงปีที่ 7 ก็จะได้รับการตรวจสอบจากฝ่าย OECD เพื่อให้เป็นที่แน่นอนใจว่า ประเทศสามารถปรับตัวให้ไปตามมาตรฐานของ OECD ได้อย่างเป็นที่พึงพอใจ ซึ่งในกรณีประเทศไทยก็ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยมี 3 หน่วยงานหลักคือ กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงานกฤษฎีกา
ในการนี้กระทรวงการต่างประเทศรวมทั้งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ก็รับเป็นด่านหน้าในการติดต่อประสานงานกับองค์การ OECD ส่วนสภาพัฒน์นั้นก็มีหน้าที่ประสานกับหน่วยราชการต่างๆ เพื่อรับรู้เงื่อนไขขององค์การ OECD และเริ่มปรับตัว ซึ่งก็รวมไปถึงเรื่องการให้ความรู้ความเข้าใจต่อบรรดาข้าราชการและพนักงานต่างๆ ส่วนสำนักงานกฤษฎีกานั้นก็มีหน้าที่ในการนำเอากฎเกณฑ์กติกาขององค์การ OECD มาพิจารณาและแก้ไขกฎหมาย ระเบียบกฎเกณฑ์กติกาต่างให้สอดคล้อง และอยู่ในวิสัยที่จะประสานงานกับคณะนิติศาสตร์และสภาทนายความให้ได้รับรู้และให้การฝึกสอนและฝึกอบรมต่างๆ ให้เหมาะสมด้วย
ทั้งนี้ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายกฎระเบียบและการบริหารจัดการและการบริการของภาครัฐก็ได้มีการเรียกร้องทั้งโดยฝ่ายเอกชนไทยและเทศมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่ปฏิกิริยาของฝ่ายรัฐก็เต็มไปด้วยความล่าช้าไม่เร่งรีบเท่าที่ควร แต่มาบัดนี้เมื่อประเทศไทยตัดสินใจสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การ OECD แล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นตัวกระตุ้นและเร่งรัดให้มีการปรับโครงสร้างและสาระเนื้อหาของการดำเนินการทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอันเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และการอยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
ในขณะเดียวกันฝ่ายภาครัฐก็จะต้องให้ความรู้ต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง เพื่อจะได้ร่วมกันปฏิบัติและขับเคลื่อน โดยทุกฝ่ายต้องมีความเข้าอกเข้าใจและรับกันว่า การได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การ OECD นั้นแสนจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ นั่นคือ การยกระดับประเทศไทยให้สูงส่งเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับนับถือ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

อัยรินทร์ ย้ำ ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
อรรถกร โอด รับดราม่าซีเกมส์คนเดียว เผยอาจผิดธรรมชาติไปนิดนึง
พยากรณ์อากาศวันนี้ เตือน 10 จังหวัดภาคใต้ ฝนตกหนักรอบใหม่
ปิดฉากบทสรุปภารกิจสำคัญในซีรีส์ ‘Rock and Soul จังหวะร็อก ปาฏิหาริย์รัก’
อุตฯกุ้งไทยอาการหนัก หลายปัจจัยลบฉุดส่งออกวูบ4ปีติด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี