วันพฤหัสบดี ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 02.00 น.
อย่ายอมเสียสิทธิ์บนผืนแผ่นดินไทย

ดูทั้งหมด

  •  

ในบรรดาพระมหากษัตริย์ไทยที่ได้พระราชสมัญญานามว่ามหาราชนั้น ทุกพระองค์ได้ทรงต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมืองรักษาแผ่นดินหรือสมบัติของชาติ และทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด แต่ก็มีพระมหากษัตริย์บางพระองค์ที่ไม่ได้รับพระราชสมัญญานามดังกล่าว และที่จะขอกล่าวถึงก็คือสมเด็จพระไชยราชาธิราช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๑๓ แห่งอาณาจักรอยุธยา

สมเด็จพระไชยราชาธิราช เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ประสูติเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๔๒ และเมื่อมีพระชนมายุราว ๓๕ พรรษา ได้ปราบดาภิเษกโดยสำเร็จโทษสมเด็จพระรัษฎาธิราชแล้วขึ้นครองราชย์แทน พระองค์มีพระมเหสี ๒ พระองค์คือพระมเหสีจิตรวดีและแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ ซึ่งคำว่าแม่หยัวก็คือแม่อยู่หัวนั่นเอง


พระองค์มีพระราชโอรส ๒ พระองค์ ที่ประสูติแต่แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ คือสมเด็จพระยอดฟ้า ผู้ได้ครองราชย์ต่อจากพระองค์ ซึ่งต่อมาถูกชู้รักของศรีสุดาจันทร์สำเร็จโทษ ส่วนอีกพระองค์หนึ่งคือพระศรีศิลป์ ซึ่งยังคงถูกเลี้ยงไว้หลังจากพระยอดฟ้าถูกสำเร็จโทษ แต่ในที่สุดพระศรีศิลป์ได้ก่อการกบฏในสมัยของ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสิ้นพระชนม์โดยอาวุธปืน

หลังจากที่สมเด็จพระไชยราชาธิราชขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ได้ทรงกระทำศึก หลายครั้งเพื่อปกป้องบ้านเมืองรวมทั้งขยายพระราชอาณาเขต และที่ถูกกล่าวถึงมากก็คือศึกเชียงกราน ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเชื่อว่า เป็นการศึกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ระหว่างกองทัพของกรุงศรีอยุธยากับกองทัพของพระเจ้าหงสาวดีซึ่งในขณะนั้นคือพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้

เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ขึ้นครองราชย์ไม่นานนัก โดยยังประทับอยู่ที่ตองอู ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายที่หงสาวดีซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกมอญเป็นส่วนใหญ่ พระองค์ทรงเห็นว่า ถึงเวลาที่จะต้องรวบรวมอาณาจักรของชาวมอญนี้ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของพม่า จึงยกทัพโดยมีขุนพลคู่ใจคือพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งต่อมาได้มีพระราชสมัญญานามว่าผู้ชนะสิบทิศไปร่วมรบ และสามารถเอาชนะกรุงหงสาวดีได้

เนื่องจากกรุงหงสาวดีมีอาณาเขตและภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะการค้าขายกับต่างชาติเนื่องจากอยู่ใกล้กับอ่าวเมาะตะมะ พระองค์จึงย้ายอาณาจักรไปประทับที่กรุงหงสาวดีตั้งแต่นั้น และเมื่อทรงทราบว่า มีเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งคือเชียงกราน ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวมอญแต่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรอยุธยา จึงตั้งใจที่จะรวบรวมเข้ามาไว้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรหงสาวดีด้วย จึงส่งกองทัพไปรบชิงเมืองเชียงกราน

สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงทราบเรื่องดังกล่าว จึงยกกองทัพหลวงออกไปเพื่อจะชิงเอาเมืองเชียงกรานคืนมาจากหงสาวดีให้ได้ ซึ่งพระองค์ก็ทรงกระทำได้สำเร็จ และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาและกองทัพของอาณาจักรหงสาวดีหรือพม่าได้มีการสู้รบกัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๘๑

ในการไปตีเมืองเชียงกรานนั้น สมเด็จพระไชยราชาธิราชได้ทรงนำชาวโปรตุเกสซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาจำนวน ๑๒๐ คนผู้มีความสามารถในการใช้อาวุธปืนยาว เป็นทหารอาสาไปร่วมรบด้วย ทำให้การรบครั้งนั้นทัพไทยเอาชนะทัพพม่าได้โดยง่าย เมื่อกลับมายังกรุงศรีอยุธยาพระองค์ได้ปูนบำเหน็จ ให้มีการสร้างหมู่บ้านชาวโปรตุเกสขึ้นรวมทั้งทรงอนุญาตให้สร้างโบสถ์ตามศาสนาคริสตังด้วย

ต่อมาได้มีนักประวัติศาสตร์หลายคน อาทิ ศาสตราจารย์ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่ถูกต้อง เพราะประวัติศาสตร์ของพม่ายืนยันว่าพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ตีเมืองได้เมื่อปี พ.ศ ๒๐๘๒ และเมืองเมาะตะมะได้เมื่อปี พ.ศ ๒๐๘๔ ศึกเมืองเชียงกรานจึงไม่น่าจะเกิดขึ้นในปี พ.ศ ๒๐๘๑

การไปศึกสงครามครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของสมเด็จพระไชยราชาธิราชคือสงครามกับเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากอาณาจักรฝ่ายเหนือหรือล้านนามีความยุ่งยากแตกแยกชิงราชสมบัติ พระองค์จึงเสด็จนำทัพไปตีเมืองเชียงใหม่เมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๘๘ โดยมีพระยาพิษณุโลกเป็นแม่ทัพไปด้วย แต่ยังไม่สำเร็จในครั้งแรก ต่อมาในปลายปีเดียวกันจึงยกไปอีกครั้งหนึ่ง และตีได้ทั้งเมืองลำพูนและเชียงใหม่ โดยพระนางมหาเทวีจิรประภา เจ้าเมืองเชียงใหม่ขณะนั้น ได้ยินยอมอ่อนน้อม ทัพของพระองค์จึงไม่ได้บุกเข้าไปในตัวเมือง และพระองค์เองก็ประทับอยู่ที่วัดโลกโมฬี ซึ่งอยู่ประชิดติดคูเมืองและกำแพงเมืองเชียงใหม่ ที่ปัจจุบันนี้ได้รับการบูรณะจนเป็นวัดที่มีความสวยงาม และมีคุณค่าแห่งการไปเยี่ยมชมโดยในช่วงนั้น พระองค์จะเสด็จไปสรงน้ำที่แจ่งหัวลิน ซึ่งเป็นจุดที่น้ำจากดอยสุเทพจะไหลมารวมตัวตรงจุดนั้น ก่อนที่จะเข้าสู่คูเมืองโดยรอบของตัวเมืองเชียงใหม่ พระองค์จึงโปรดให้พระนางมหาเทวีจิรประภาปกครองเมืองต่อไป ก่อนที่จะเสด็จยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา

พงศาวดารได้กล่าวว่า พระองค์เสด็จสวรรคตระหว่างการเสด็จกลับมายังกรุงศรีอยุธยา แต่ก็มีการกล่าวกันว่าพระองค์เสด็จกลับถึงอยุธยา แต่หลังจากนั้นไม่นานนักก็สวรรคต ซึ่งเชื่อกันว่าพระองค์ทรงถูกวางยาพิษ เมื่อปลายปี พ.ศ ๒๐๘๙ โดยแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ ซึ่งได้ลักลอบกระทำการอันเป็นชู้กับขุนวรวงศาธิราชใน ระหว่างที่ พระองค์ยกทัพไปรบที่เชียงใหม่ พระยอดฟ้าซึ่งเป็นพระราชโอรส ได้ขึ้นครองราชย์แทน ตามกฎมณเฑียรบาล แต่เนื่องจากมีพระชนมายุเพียง ๑๑ พรรษา แม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์จึงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน

นางได้มีความพยายามที่จะสถาปนาขุนวรวงศาธิราชซึ่งเดิมนั้นมีตำแหน่งเป็นพันบุตรศรีเทพ เป็นผู้เฝ้าหอพระข้างหน้า และได้ให้ย้ายเข้ามาดูแลหอพระข้างในในตำแหน่งขุนชินราช และกระทำการลักล อบเป็นชู้จนตั้งครรภ์ จึงเลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เป็นขุนวรวงศาธิราชเพื่อจะสถาปนาให้ขึ้นครองราชย์ โดยการสำเร็จโทษพระยอดฟ้า อันเป็นเรื่องที่อัปยศอดสูงอย่างยิ่งในหน้าประวัติศาสตร์

กล่าวได้ว่าสมเด็จพระไชยราชาธิราชเป็นพระมหากษัตริย์ชาตินักรบอีกพระองค์หนึ่งของอาณาจักรสยาม พระองค์ได้ทรงต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดิน และขยายอาณาเขตโดยตลอดรัชสมัย บ้านเมืองในยุคนั้นมีความเจริญอย่างมาก มีการค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้นตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจในการที่พระองค์ทรงถูกลอบปลงพระชนม์โดยผู้ที่อยู่ใกล้ชิดที่เป็นสนมเอกที่มีพระราชโอรสด้วย แต่กลับไม่ซื่อสัตย์และมิได้สำนึกในพระเมตตากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีให้

ถึงแม้ประเทศไทย จะเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่ในรัฐธรรมนูญซึ่งเป็น กฎหมายสูงสุดของประเทศนั้น ยังคงให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ลงพระปรมาภิไธย ในการแต่งตั้งตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศคือนายกรัฐมนตรี โดยก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ได้นั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีซึ่งจะต้องรับผิดชอบในการบริหารประเทศ จะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าองค์พระมหากษัตริย์ก่อน

ถ้อยคำในการถวายสัตย์ปฏิญาณตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี ๒๕๑๑ คือ “ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้า จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตาม ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

แต่ก็ปรากฏว่าที่ผ่านมานั้น รัฐมนตรีบางคนของหลายรัฐบาล มิได้ปฏิบัติตามคำปฏิญาณ ทำให้ประเทศชาติเต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น ทุจริตโกงกิน เกิดขึ้นมากมาย มีตัวอย่างปรากฏชัดเจนแม้แต่ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และจะรักษาไว้ซึ่งแผ่นดินไทยทุกกระเบียดนิ้ว รวมทั้งผลประโยชน์ใดๆ ที่จะเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทยหรือขอบเขตของผืนแผ่นดินไทยตามที่ควรจะเป็น

อย่าให้ MOU ใดๆ ที่แปลว่าบันทึกความเข้าใจ ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นสนธิสัญญา ถูกนำมาใช้ อันทำให้ประเทศของเราต้องเสียผลประโยชน์ในเรื่องของทรัพยากรด้านพลังงานที่อยู่ในน่านน้ำในเขตดินแดนของประเทศเช่น เกาะกูด ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้  รวมทั้งยังอาจจะมีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้นด้วย  เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าท่านเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และถือประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
18:05 น. กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว เดินหน้าสร้างบังเกอร์–เก็บกู้ระเบิด
17:53 น. She Said Yes! 'ต้น นฤบดินทร์' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ'น้องอีฟ'แต่งงาน
17:46 น. ซูมลุคเซ็กซี่! 'ใหม่ ดาวิกา'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria's Secret
17:37 น. สายสัมพันธ์ 70 ปี! 'อนุทิน'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน
17:32 น. หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ
ดูทั้งหมด
ร้านอาหารจีนในไทยสวนกระแสทูตจีน ติด'หน้าฮุนเซน'พื้นทางเข้าร้าน ลูกค้าทั้งเหยียบทั้งขยี้ฉ่ำ
‘กรรชัย’เป็นดาราไม่ใช่สื่อ ‘ใบตองแห้ง’อัด‘สัญลักษณ์ยุคตกต่ำ’
‘กัน จอมพลัง’เปิดประวัติ‘เขมร’อพยพพึ่งใบบุญไทย แทนเสียงผี ดัดหลัง‘มาลี’ฟ้องIOT
สะพัด‘อนุทิน’ชง‘ครม.’โยกย้าย‘บิ๊กมท.’หลายตำแหน่ง ‘4อธิบดี’ไม่รอด ‘น้ำเงิน’ผงาด
(คลิป) 'เจ๊ปอง'สั่งลุย! ส่ง'ดร.มัลลิกา'ต้องยึดเก้าอี้ 'ผู้ว่าฯกทม'ให้ได้
ดูทั้งหมด
สว.-สส.‘3 ไส้ศึกเขมร’
ทรัมป์พยายามเล่นเรื่องสันติภาพ แล้วปูติน กับสี จิ้นผิง จะว่าอย่างไร?
เอาคืน
นักสิทธิฯ เพื่อใคร?
บุคคลแนวหน้า : 16 ตุลาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

She Said Yes! 'ต้น นฤบดินทร์' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ'น้องอีฟ'แต่งงาน

ซูมลุคเซ็กซี่! 'ใหม่ ดาวิกา'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria's Secret

สายสัมพันธ์ 70 ปี! 'อนุทิน'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน

หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ

'สุริยะใส'แนะ พลิกเกม 'ชนะโดยไม่ต้องรบ' ใช้ความร่วมมือเป็นอาวุธ

รวบบัญชีม้า11ชีวิตโดนอายัดบัญชีหมดประโยชน์ถูกแก๊งสแกมเมอร์นำมาปล่อยทิ้งชายแดน

  • Breaking News
  • กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว เดินหน้าสร้างบังเกอร์–เก็บกู้ระเบิด กองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว เดินหน้าสร้างบังเกอร์–เก็บกู้ระเบิด
  • She Said Yes! \'ต้น นฤบดินทร์\' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ\'น้องอีฟ\'แต่งงาน She Said Yes! 'ต้น นฤบดินทร์' ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าบ่าว คุกเข่าขอ'น้องอีฟ'แต่งงาน
  • ซูมลุคเซ็กซี่! \'ใหม่ ดาวิกา\'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria\'s Secret ซูมลุคเซ็กซี่! 'ใหม่ ดาวิกา'สวมบราจิ๋วสุดแซ่บ นั่งฟรอนท์โรว์ชมโชว์ Victoria's Secret
  • สายสัมพันธ์ 70 ปี! \'อนุทิน\'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน สายสัมพันธ์ 70 ปี! 'อนุทิน'ต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ย้ำมิตรแท้-ตอบรับร่วมเอเปค กระชับการค้า-ลงทุน
  • หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ หวยเป๋าตัง แตก 162 ล้าน ถูกรางวัลที่ 1 รวม 27 ใบ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

6 ต.ค. 2568

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2568

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

22 ก.ย. 2568

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

15 ก.ย. 2568

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

8 ก.ย. 2568

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

1 ก.ย. 2568

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

18 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved