นับเป็นเวรกรรมของประเทศไทยและคนไทยที่มีนายกรัฐมนตรีขาดสติปัญญาไร้วุฒิภาวะไม่รู้จักลำดับ(Priority) ความสำคัญว่างานไหนรีบด่วน จัดลำดับงานไม่ได้ว่างานไหนทำก่อนหลัง
วุฒิภาวะเป็นอย่างไรบอกได้จากอินสตาแกรม ที่ระบุว่า…“ความคิดในเชิงลบของคุณ สะท้อนถึงความเป็นจริงในตัวคุณ” “คนที่ไม่มีความมั่นคง มักดูถูกคนอื่น เพื่อยกระดับตัวเอง” ซึ่งชวนให้ถูกตีความว่า กำลังสื่อถึงใคร หมายถึงใคร
ถ้า “แพทองธาร” เป็นบุคคลธรรมดา ก็มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ต่อปากต่อคำได้ แต่เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี การโพสต์อย่างนี้ ยิ่งทำให้ถูกตั้งคำถามถึง “วุฒิภาวะ” ว่าเป็นเด็กถูกเลี้ยงตามใจและไม่มีใครขัดใจเธอ การไม่มีวุฒิภาวะของเธอปรากฏต่อสาธารณะครั้งแรกเมื่อแบะปากหน้าบัลลังก์ศาล นิสัยถาวรยังมีให้เห็นแม้เป็นนายกฯแล้วก็ตาม ดังที่เธอโพสต์ว่า..
..“คนที่ไม่มีความมั่นคง มักดูถูกคนอื่น เพื่อยกระดับตัวเอง” ข้อนี้ตีความเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากตอบโต้สังคมไทยที่วิพากษ์วิจารณ์ตำหนิว่า
“การมีสามีเป็นคนใต้ไม่ได้หมายความว่า รักคนในภาคใต้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนั้นญาติเธอมีผัวเขมรเธอก็ต้องรักกัมพูชาสิ มิน่าถึงได้พยายามยกทรัพยากรของไทยให้กัมพูชาและหาทางแบ่งปันผลประโยชน์จากก๊าซในใต้ทะเลไทยกัน
การตอบโต้ของนายกฯมองเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากตอบโต้คนไทย ที่ตำหนิเธอที่ตอบคำถามไม่สัมพันธ์กับปัญหาอุทกภัยที่ถาโถมใส่ภาคใต้อย่างหนักหนาสาหัส จะว่าเธอทำตัวเหมือนแม่ค้าก็ไม่ได้เพราะแม่ค้ายังมีวุฒิภาวะกว่าเธอ
ความจริงวุฒิภาวะในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่มีตั้งแต่คราวแต่งชุดขาวทำมินิฮาร์ทถ่ายรูปหน้าทำเนียบ และในพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารคเธอเดินอาดๆ จะแซงขบวนเสด็จฯขึ้นมาเทียบเท่าเจ้าฟ้าเจ้านาย จนทหารราชองครักษ์ต้องยื่นแขนกั้นไว้ไม่ให้ล้ำ และนายกรัฐมนตรีพาลูกพาสามีวิ่งเล่นในสนามหญ้าหน้าทำเนียบรัฐบาล
วันนี้วุฒิภาวะของเธอต่ำเตี้ยลงทุกวัน ล่าสุดการโพสต์ข้อความตอบโต้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เธอแสดงการไม่มีวุฒิภาวะ จึงพูดได้ว่าเธอหาเหาใส่หัว ทำให้คนที่ไม่ชอบขี้หน้าอยู่แล้วเกลียดชังเธอและครอบครัวมากขึ้นไปอีกที่ยัดเหยียดคนไม่มีสติปัญญาไร้วุฒิภาวะมาเป็นผู้นำทางการเมืองประเทศไทย
สำหรับลำดับความสำคัญเรื่องงาน (Priority) ก็เช่นกัน ความเข้าใจลำดับความสำคัญของงานล้วนมีความสัมพันธ์กับวุฒิภาวะและประสิทธิภาพของงาน ก่อนออกเดินทางไปเชียงใหม่นายกฯรู้ว่าน้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ หาดใหญ่ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส แต่นายกรัฐมนตรียังลอยหน้าลอยตาหอบลูกจูงสามีไปลั้ลลาอยู่ที่เชียงใหม่ เสร็จประชุมแล้วยังไปถนนคนเดิน ไปสวนสัตว์ ชมตลาด ชมนกชมไม้
ถึงแม้การประชุมคณะรัฐมนตรีที่เชียงใหม่ซึ่งนัดหมายไว้ล่วงหน้านานแล้วก็ตาม แต่วาระประชุมไม่ใช่ว่าเป็นวาระเร่งด่วนอะไร ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกฯทำหน้าที่แทนไม่ได้ เช่น เรื่องเตรียมการบริหารจัดการป้องกันน้ำท่วมปีหน้า
ในความเป็นจริงการประชุมแก้ปัญหาหมอกควันหรือ PM2.5 ประชุมวางแผนเตรียมงานล่วงหน้ากันมาทุกปีตั้งแต่สมัยรัฐบาลลุงตู่ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แต่เป็นที่น่าตกใจการประชุมวางแผนมากเท่าไหร่หมอกควัน PM2.5 ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้นเรียกว่า อยู่ในขั้นวิกฤตแล้วก็ได้
ทุกรัฐบาลวางนโยบาย มีมาตรการป้องกัน มีบทลงโทษรุนแรงสำหรับเกษตรกรที่เผาซังข้าวโพด ซึ่งกินพื้นที่กว้างไกลมาก ทั้งในพื้นที่ประเทศไทย ตลอดถึง ประเทศเพื่อนบ้านพม่าและลาว รัฐบาลขอร้องไม่ให้บริษัทซื้อข้าวโพดจากไร่ที่เผาซัง มาทำอาหารสัตว์ แต่ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เนื่องจากบริษัทผลิตอาหารสัตว์ อ้างว่า เราไม่ซื้อของนายทุนที่จ้างคนปลูกข้าวโพดก็ขายข้าวโพดให้กับจีน
มิหนำซ้ำรัฐบาลเสียค่าโง่ให้คนปลูกข้าวโพดที่ให้สัญญาว่า พื้นที่ปลูกไร่ไหนไม่เผาซังข้าวโพดจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลไทยไร่ละ 1,000 บาท สรุปว่า รัฐบาลเสียค่าโง่สองเด้งคือ นอกจาก PM2.5 เพิ่มขึ้นแล้วยังต้องจ่ายให้บริษัทปลูกข้าวโพดอีกไร่ละ 1,000 บาท
และคาดว่าอีกไม่นานรัฐบาลต้องมีนโยบายแจกผ้าห่มแจกเครื่องกันหนาวให้กับพี่น้องภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่ประสบภัยอากาศหนาวอีก ผ้าห่มนี้ก็เช่นกันมันเรื่องน่าประหลาดใจว่าทำไมต้องแจกกันทุกปี เห็นชาวบ้านชาวช่องทั่วไปใช้ผ้าห่มกันหนาวได้ผืนละหลายปี
สรุปว่าเรื่องแจกผ้าห่ม มาตรการป้องกันน้ำท่วม แก้ปัญหาหมอกควัน เป็นงานประจำที่ทำกันทุกปี โดยมีเจ้าหน้าที่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ตลอดจนหน่วยงานในจังหวัดต่างๆ รู้งานรู้หน้าที่ดีอยู่แล้ว ในบางครั้งที่มีเรื่องเร่งด่วนเกิดอุทกภัยหรือเหตุร้ายที่เกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตัดสินใจได้นายกฯต้องยกเลิกงานที่ทำเป็นประจำหรือไม่ก็มอบหมายให้รองนายกฯปฏิบัติหน้าที่แทนก็ได้ นอกจากว่านายกฯได้สัญญากับสามีกับลูกว่าวันนี้วันนั้นเราไปเชียงใหม่พร้อมหน้ากันเพราะได้เวลาที่ครอบครัวเราไม่ต้องควักกระเป๋าเอง
ส่วนเรื่องที่นักข่าวถามว่าดูเหมือนละเลยคนใต้นั้น เราเชื่อโดยสนิทใจว่านักข่าวถามนำเอาใจนายกฯเพื่อกรุยทางให้เธอได้โปรยคำหวานเอาใจผู้ที่ประสบอุทกภัยว่า เสร็จภารกิจเอาใจลูกเอาใจสามีแล้วจะช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวใต้เต็มที่ แต่นายกรัฐมนตรีผู้มีความในใจกับคนใต้มาตั้งแต่สมัยบิดาเลยตอบว่า
“โอ่ คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้นะคะ”คำตอบของเธอจึงไม่มีส่วนสัมพันธ์กับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ ซึ่งก็เหมือนกับเธอตอบคำถาม Forbes Media ที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์วิจารณ์ว่า (ผู้เขียนไม่ได้ฟังคำสัมภาษณ์)
..“เมื่อตอนให้สัมภาษณ์กับรองประธานบริหาร Forbes Media นายกฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ตอบไม่ตรงคำถาม และพูดวกไป
วนมา จนถูกติง ว่า เหมือนถามช้างตอบม้า ทั้งที่มีการส่งสคริปต์เอาไว้ล่วงหน้า ขณะเดียวกัน บางข้อมูล บางตัวเลข ก็สื่อสารไปผิด อย่างเช่น ตัวเลขการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา
ขณะที่เรื่องการใช้ “ภาษาอังกฤษ” ที่ดูเหมือนคล่องแคล่ว ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่า หลายประโยคไม่สามารถจับใจความได้ว่า ต้องการจะสื่ออะไร”
การตอบคำถามนักข่าวเรื่องน้ำท่วมภาคใต้ก็เหมือนกันคือ “ถามม้าตอบช้าง” ตอบเรื่องมีสามีคนใต้ ต้องรักภาคใต้เป็นตรรกะที่ใช้ไม่ได้ ราวกับว่าที่ครอบครัวเธอรักและเทิดทูนกัมพูชา เพราะว่าลูกสาวของอาเธอมีผัวเป็นเขมร ดังนั้นความสัมพันธ์ที่เป็นดองกันรัฐบาลไทยต้องเดินหน้าเจรจาแบ่งปันก๊าซในอ่าวไทยให้กัมพูชาได้ผลประโยชน์เท่าเทียมกัน ใครทัดทานอย่างไรก็ไม่ฟังรัฐบาลเพื่อไทยถือ MOU44 สรณะไม่สนใจว่าข้อตกลงเมื่อ 2544 และปี 2549 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ดังนั้นการตอบนักข่าวว่า “ไม่รักภาคใต้แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้นะ..” เป็นตรรกะที่ใช้ไม่ได้ให้เอาอย่างครอบครัวเธอที่มีเขยเขมรแล้วรักกัมพูชาเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นน้ำมัน ก๊าซในทะเลอ่าวไทยแบ่งกับกัมพูชาคนละครึ่งไม่ได้ นายกรัฐมนตรีอย่าถือ MOU44 สรณะ มีคนคัดค้านก็ต้องฟังไม่งั้นพังทั้งจันทร์ส่องหล้านะ
MOU44 ทำในสมัยทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรียังต้องพิสูจน์กันว่า ถูกกฎหมายหรือไม่แต่ข้อตกลงที่ทักษิณทำกับฮุนเซน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2549 เป็นโมฆะผิดกฎหมายนำมาใช้ในทางปฏิบัติไม่ได้ เนื่องจากทักษิณทำไปโดยไม่มีกฎหมายรองรับ
ทักษิณยุบสภา 24 กุมภาพันธ์ 2549 จัดเลือกตั้ง 2 เมษายน ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ วันที่ 22 เมษายน 2549 ตั้งแต่วันศาลฯตัดสินเป็นโมฆะ ทักษิณมีสถานะเป็นนายกฯรักษาการไม่มีอำนาจหน้าที่ไปตกลงกับต่างชาติได้ เนื่องจากประเทศไทยไม่มีสภาในเวลานั้น การเจรจากับต่างประเทศต้องรับการรับรองจากสภา รักษาการนายกฯไม่มีสิทธิทำข้อตกลงใดๆ
แพทองธาร ชินวัตร ผู้สืบสันดานบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่จะแบ่งทรัพยากรใต้ทะเลไทยให้กัมพูชา จึงบอกถึงความไร้สติปัญญา ไร้วุฒิภาวะโดยสิ้นเชิง
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี