ผมว่า ผมจะไปหาหมอละ กำลังสงสัยว่า ตัวเองมีอาการ สมาธิสั้น” อ่านข่าวสองข่าวอยู่ดีๆ สมาธิก็ตัดวูบ ไปสนใจอีกเรื่องหนึ่งทันที
เอาละ เริ่มจากข่าวสองข่าวที่ผมอ่านก่อนนะครับ
1) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาลรอบ 3 เดือน และการกำหนดทิศทางประเทศ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แสดงวิสัยทัศน์ได้ชัดเจน สะท้อนเป้าหมายที่จะทำเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งเรื่องเปลี่ยนวิธีคิดแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างถาวร ปัญหา PM2.5 ที่ค้างคามานานยาเสพติดที่ต้องรีบแก้ไข ความตั้งใจที่ต้องการทลายทุนผูกขาด พร้อมทั้งโครงการและนโยบายต่างๆ ที่จะมีออกมาเพื่อสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย ตนมองเห็นความจริงใจของนายกรัฐมนตรีที่อยากให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“ภาพที่ผมเห็นคือ นายกฯ แพทองธารมีภาวะผู้นำสูงเกินวัย สมกับที่ Forbes จัดลำดับให้เป็นสตรีทรงอิทธิพลลำดับที่ 29 จาก 100 คนทั่วโลก นายกฯ กำลังทำงานรัฐบาลกำลังจะขับเคลื่อน แต่กลับมีคนประเภทมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ พยายามด้อยค่า ถนัดเรื่องจับผิดหาข้อบกพร่อง ข้อดีมองไม่เห็น จุดเด่นมองไม่ชัดซ้ำร้ายยังหาเหตุผลมาด้อยค่า เหมือนคนป่วยทางจิตความนึกคิดสุดโต่ง ผมไม่เข้าใจตรรกะวิธีคิดที่เต็มไปด้วยความริษยาเกลียดชังแนวๆ นี้ ทั้งฝ่ายค้านฝ่ายแค้น ขบวนการนิติสงคราม ที่ดาหน้าออกมาเล่นทุกดอก แล้วตบท้ายด้วยบอกว่ารักประเทศ อ้างแต่เรื่องครอบงำสั่งการของท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ มีคนมาช่วยคิดช่วยทำและเป็นเรื่องสร้างสรรค์ทำเพื่อประเทศชาติ มันจะผิดตรงไหน ประชาชนได้ประโยชน์ ผมอยากฝากไปถึงพวกที่ด้อยค่านโยบายหรือการทำงานของนายกฯ และรัฐบาล อยากให้ใช้สติไตร่ตรองมีวุฒิภาวะกันสักนิด คิดถึงประเทศชาติให้มากๆ อย่าให้อคติชักนำจิตใจ ประเทศจะเดินหน้าพวกท่านก็อย่ามาขวางคลองกันนักเลย” นายพร้อมพงศ์ ระบุ
2) น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X โต้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุว่า นิตยสาร Forbes ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับความเชื่อถือได้เปิดเผยหลักเกณฑ์การคัดเลือกและจัดอันดับจากตัวชี้วัดหลัก 4 ประการค่ะ นั่นคือ ขอบเขตอิทธิพล ผลกระทบ ทรัพย์สิน และสื่อ และสำหรับผู้นำด้านการเมือง ก็จะวัดจาก GDP และจำนวนประชากรของประเทศด้วย “ยังไม่เห็นมีหลักเกณฑ์ข้อไหนที่นิตยสารจะให้คะแนนจากการเป็นลูกหรือหลานใคร”
การที่ออกมาพูดเช่นนี้ จึงเสมือนเป็นการตั้งคำถามต่อวิจารณญาณและกระบวนการในการคัดเลือกของนิตยสารที่ทรงอิทธิพล ได้รับความน่าเชื่อถือในระดับสากล และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
และการวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ น่าจะเป็น “การผลิตซ้ำอคติทางเพศที่มีต่อนักการเมืองผู้หญิง” ที่มักเชื่อกันว่าผู้หญิงจะขึ้นมามีอำนาจหรือมีตำแหน่งระดับสูงได้ เพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้ชายที่เป็นเครือญาติในตระกูลเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นผู้หญิงเป็นปัจเจกที่มีศักยภาพและมีความสามารถเป็นของตัวเอง
น.ส.ขัตติยา ยังโพสต์ถึงกรณีนายกฯมาเลเซีย ตั้งนายทักษิณ นั่งที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียน ว่า
“ด้วยวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ของ “อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร” ที่โดดเด่นจนไปเข้าตาของผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ถึงขนาดเขาขอยืมตัวไปช่วยทำงานที่เป็นประโยชน์ในระดับนานาชาติ แต่ในประเทศของเรา กลับมีคนพยายามด้อยค่า มองการให้คำแนะนำที่หวังดีต่อประเทศของท่านอดีตนายกทักษิณด้วยอคติ และโจมตีว่าครอบงำ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้อดีตนายกทักษิณไปครอบงำอาเซียนอยู่รึเปล่า เขาถึงได้ตั้งเป็นที่ปรึกษา มีของดีอยู่ใกล้ตัวต้องรู้จักเห็นคุณค่าและอาศัยศักยภาพของท่านให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศนะคะ”
3) จู่ๆ ผมก็มีคำถามอื่นผุดขึ้นมาในหัวรีบทิ้งข่าวสองข่าวที่ว่า ไปค้นหาคำตอบว่า “ทำไมหมาชอบเลียเจ้าของ” เจอคำตอบที่น่าสนใจมากครับ
3.1 เป็นการแสดงความรักของหมา - หมาส่วนใหญ่จะใช้การเลียเพื่อแสดงความรักต่อครอบครัวหรือเจ้าของ นี่เป็นพฤติกรรมทั่วไป
ของหมาทุกสายพันธุ์ และเป็นพฤติกรรมแสดงความรักของหมาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่สุนัข หากหมาเลียตัวให้คุณ รู้ไว้เลยว่าเขาเชื่อว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และกำลังได้รับความรักจากพวกเขาอยู่นะ
3.2 แสดงความหิวโหย - จากการศึกษาของนักพฤติกรรมศาสตร์สุนัข พบว่าการเลียปากของหมาเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เจ้าตัวน้อยเหล่านี้ จะเลียปากแม่สุนัขเมื่อรู้สึกหิว การทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ทำให้ติดเป็นนิสัยไปจนโต ดังนั้น การเลียอาจไม่ใช่การแสดงความรักเสมอไป แต่บางครั้งการที่หมาเลีย แปลว่าพวกเขากำลังหิว ต้องเทอาหารให้ได้แล้วนะ!
3.3 บ่งบอกถึงการยินยอมหรือยอมจำนน -เมื่ออยู่ในฝูงหรืออยู่ร่วมกับหมาตัวอื่น การเลียแสดงถึงความยินยอม หมาจะเลียปากผู้นำเพื่อแสดงตัวให้รู้ว่าพวกเขาไม่มีอันตราย ไม่ได้ต้องการต่อสู้ และพยายามทำให้ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ในทำนองเดียวกัน สุนัขเลียเจ้าของ เพื่อแสดงความเห็นด้วย หรือเพื่อสื่อว่าพวกเขาตัวเล็กน่ารัก ไม่มีพิษมีภัย ไม่ต้องกังวลไปนะ
3.4 เรียกร้องความสนใจ - การเลียยังเป็นพฤติกรรมที่หมาใช้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับตัวคุณและเรียกร้องความสนใจจากคุณด้วย ตัวอย่างเช่น
หากหมาเลียมือหรือใบหน้าของคุณ แล้วคุณตอบสนองกลับด้วยการให้ความสนใจหรือแสดงความรักด้วยการกอดหรือจูบ พวกเขาก็จะเรียนรู้ว่าการเลียทำให้คุณสนใจ และจะได้รับความรักจากคุณกลับมาอย่างแน่นอน พวกเขาจะทำพฤติกรรมแบบนี้ซ้ำๆ เมื่อต้องการความสนใจ ยิ่งคุณตอบสนองต่อการเลียมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งทำพฤติกรรมนี้ต่อไป
น่าสนใจที่สุด คือ แม้การเลียจะเป็นพฤติกรรมทั่วไปของหมา แต่หากพบว่ามันเริ่มเลียมากจนเกินไป นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพ โดยอาจเป็นสัญญาณของความวิตกกังวล ความเครียด หรือความเจ็บปวดทางร่างกาย รวมถึงเป็นพฤติกรรมที่บ่งบอกอาการย้ำคิด
ย้ำทำ หรืออาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่ผิวหนังก็ได้เช่นกัน หากคุณรู้สึกว่าหมามีพฤติกรรมการเลียมากเกินไป ให้ปรึกษาสัตวแพทย์ในทันที
“บ้านจันทร์ส่องหล้า มีหมาไหมนะถึงเวลาที่พวกเขาต้องพาหมาไปหาสัตวแพทย์แล้วหรือยัง” สมาธิผมตัดวูบ มาสู่คำถามอื่นอีกแล้ว!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี