วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ปรีชา'ทัศน์
ปรีชา'ทัศน์

ปรีชา'ทัศน์

วันศุกร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
กฎหมายจากอำนาจเผด็จการยังรอการแก้ไข อีกหลายฉบับ

ดูทั้งหมด

  •  

๑.

บรรทัดฐานในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์


จากจารึกของกฎหมายตราสามดวง ซึ่งเป็นประมวลกฎหมายในรัชกาลที่ ๑ ประกาศเมื่อจุลศักราช ๑๑๖๖ อันตรงกับ พ.ศ. ๒๓๔๗ “พระธรรมศาสตร์” อันเป็นโบราณราชนิติของกฎหมายนั้น เป็นหลักของกฎหมายอันมีชั้นสูงสุดเปรียบเสมือนพระอภิธรรมปิฎกซึ่งเป็นธรรมชั้นสูงในพระไตรปิฎกนั้นเอง

พระธรรมศาสตร์ที่ปรากฏอยู่ในกฎหมายตราสามดวงดังกล่าวนั้น ได้กำหนดบทกฎหมายที่จะนำมาใช้ปกครองบ้าน ปกครองเมืองนั้น จะต้องถูกกำหนดขึ้น โดย ผู้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม ได้แก่องค์พระมหากษัตริย์ ดังปรากฏในบาญแผนกกฎหมายตราสามดวง ความว่า

“แลฝ่ายข้างอาณาจักรนี้กระษัตริย์ ผู้จะดำรงแผ่นดินนั้นอาไศรยซึ่งโบราณราชนิติกฎหมายพระไอยการอันกระษัตริย์แต่ก่อนบัญญัติไว้ได้เป็นบันทัตถาน จึงพิพากษาตราสินเนื้อความราษฎรทั้งปวงได้โดยยุติธรรม และพระราชกำหนดบทพระไอยการนั้นก็ฟั่นเฟือนวิปริตซ้ำต่างกันไปเป็นอันมากด้วยคนอันโลภหลงหาความละอายแก่บาปมิได้ ดัดแปลงแต่งตามชอบใจไว้พิพากษาพาให้เสียยุติธรรมสำหรับแผ่นไปก็มีบ้าง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โปรดกระหม่อม...ชำระพระราชกำหนดบทพระไอยการ......ครั้นชำระแล้ว ให้อาลักษณ์ชุบเส้นหมึกฉบับไว้ห้องเครื่องฉบับหนึ่งไว้หอหลวงฉบับหนึ่ง ไว้ ณ ศาลหลวงสำหรับลูกขุนฉบับหนึ่ง ปิดตราพระราชสีห์ พระคชสีห์ ไว้ บัวแก้ว ทุกเล่มเป็นสำคัญ ถ้าพระเกษมไกรสี เชิญพระสมุด พระราชกำหนดบกพระไอยการออกมาพิพากษาถึงคดีใดๆ สู่ขุนทั้งปวงใช่เห็นปิดตราพระราชสีห์ พระคชสีห์ บัวแก้ว สามดวงนี้”

นี่คือบรรทัดฐานอันเป็นรูปแบบของกฎหมายตามพระธรรมศาสตร์

ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มีการปรับปรุงระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมให้ทันสมัยเยี่ยงนานาประเทศนั้น ศาลยุติธรรมก็ได้วินิจฉัยคดีตามหลักนิติศาสตร์ของอารยประเทศ คือพระบรมราชโองการใดๆ ของมหากษัตริย์จะเป็นคำสั่ง คำบังคับปวงชนได้นั้นก็ต้องตราเป็น “บทกฎหมาย” คือ พระราชบัญญัติพระราชกฤษฎีกา พระราชกำหนด ประกาศพระบรมราชโองการ ถ้าพระราชดำรัสหรือพระหัตถเลขา ซึ่งเป็นเพียงความเห็นของพระองค์นั้นขัดแย้งกับบทกฎหมายที่พระองค์ทรงบัญญัติขึ้นก็ดี หรือที่พระมหากษัตริย์ปางก่อนทรงบัญญัติขึ้นก็ดีซึ่งยังมิได้ยกเลิกนั้น ก็ต้องเชื่อถือตามบทกฎหมายใหญ่ๆ มิใช่พระมหากษัตริย์ตรัสคำใดก็แก้บทความหมายได้

๒.

บรรทัดฐานในระบอบประชาธิปไตย

แม้ภายหลังประเทศไทยจะได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ แล้วก็ตาม แต่รูปแบบของบทกฎหมายไทย ก็หาได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากรูปแบบเดิมของโบราณราชนิติแต่อย่างใดไม่ เพราะประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขทรงใช้อำนาจทางรัฐสภาคณะรัฐมนตรีและศาลตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ร่างพระราชบัญญัติที่ถือเป็นกฎหมายอันมีความสำคัญมาจากรัฐธรรมนูญนั้นจะตราขึ้น ก็แต่โดยคำแนะนำ และยินยอมของรัฐสภาเท่านั้น ซึ่งเมื่อได้ผ่านขบวนการนิติบัญญัติของรัฐสภา หรือในกรณีที่เป็นกฎหมายของฝ่ายบริหารอันได้แก่ พระราชกำหนด หรือพระราชกฤษฎีกา นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยและบทกฎหมายพระราชหัตถเลขาหรือพระบรมราชโองการใด อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดินนั้น จะต้องมีนายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

จะเห็นได้ว่าในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็ดีในสมัยระบอบประชาธิปไตยก็ดี บทกฎหมายทุกรูปแบบนั้นจะต้องตราขึ้นโดยการลงปรมาภิไธย

๓.

กำเนิดของคำสั่งคณะปฏิวัติ

ขบวนการนิติบัญญัติของไทยที่สืบตกทอดมาจากขนบธรรมเนียมประเพณี และขบวนการนิติบัญญัติตามตามระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืนมานั้นจะต้องจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่าโบราณราชนิตินั้น ได้ถูกลบล้างไปในยุคของเผด็จการที่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย เผด็จการนั้นไม่เพียงแต่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง อันนำชาติไปสู่การถอยหลังกลับเท่านั้น แม้แต่ในขบวนการนิติบัญญัติ อันได้แก่ บทกฎหมายต่างๆ เผด็จการโดยหัวหน้าคณะปฏิวัติก็ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่อันนับว่าเป็นรอยด่างอันเศร้าหมองของกฎหมายและขบวนการนิติบัญญัติของไทย สิ่งนี้ได้แก่

ประกาศของหัวหน้าคณะปฏิวัติและคณะปฏิรูป ซึ่งมีผลเป็นกฎหมาย กำเนิดคำสั่งคณะปฏิวัติและคณะปฏิวัติอันเป็นรากเหง้าต่อมาของคำสั่งคณะปฏิรูปได้เริ่มอุบัติขึ้น เมื่อ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กับพวกบริวารได้ร่วมกันจัดตั้งคณะปฏิวัติโดยทำการล้มระบอบการปกครองตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๔๗๕ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) แล้วสถาปนาระบอบการปกครองเผด็จการใช้วิธีการปกครองโดย “คำสั่งของคณะปฏิวัติ” ซึ่งมีผลเป็นกฎหมายสูงสุด อันทำให้คนไทยอกสั่นขวัญหาย เพราะคณะปฏิวัติมีอำนาจจับคนไปประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรม

ประกาศของหัวหน้าคณะปฏิวัติ ปฏิรูปนั้น ต้องยอมรับว่ามีสภาพเป็นกฎหมายและยังมีผลใช้บังคับอยู่ เพราะการรับรองผลของการปฏิวัติหรือรัฐประหารนั้นเมื่อได้กระทำสำเร็จย่อมเป็นผู้มีอำนาจแท้จริงในรัฐ แม้ในตอนกระทำตอนแรกก่อนที่จะได้รับความสำเร็จจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อได้กระทำสำเร็จมีอำนาจที่แท้จริงโดยสมบูรณ์แล้ว และคณะนั้นสามารถยืนหยัดอันแท้จริงนั้นได้ ก็อยู่ในฐานะที่จะให้รัฐธรรมนูญยกเลิกรัฐธรรมนูญเดิมหรือจะตราบทบัญญัติกฎหมายขึ้นมาใหม่ ตามความต้องการของหัวหน้าคณะปฏิวัติอย่างไรก็ได้

คำสั่งของคณะปฏิวัตินั้น ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกา เช่น คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๕/๒๔๙๑ และ ๑๖๖๒/๒๕๐๕ ก็ได้พิพากษารับรองผลในทางกฎหมายของประกาศของคณะรัฐประหารไว้ว่า

“คณะรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประเทศได้สำเร็จย่อมมีอำนาจออกและยกเลิกแก้ไขกฎหมายได้”

“ประกาศของคณะปฏิวัติเป็นกฎหมายแม้พระมหากษัตริย์จะมิได้ทรงตราออกมาด้วยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร หรือสภานิติบัญญัติของประเทศก็ตาม”

แม้ว่าคำสั่งของคณะปฏิวัติ ปฏิรูป จะมีผลเป็นกฎหมายดังกล่าวก็ตาม แต่สาธุชนที่รักชาติและประชาธิปไตย คงจะเห็นได้ว่า คำสั่งของคณะปฏิวัติ หรือคณะปฏิรูปนั้นเผด็จการได้นำเอาคำว่า “ปฏิวัติ” ไปใช้เรียกการกระทำของตน สมดังความหมายตามมูลศัพท์ว่า “การเปลี่ยนหลักมูลกลับ” หรือ การถอยหลังกลับไปสู่ระบอบเผด็จการนำชาติถอยหลัง ฉะนั้น สาธุชนผู้รักชาติและประชาธิปไตย ซึ่งมีความต้องการที่จะพัฒนาประเทศชาติไปสู่ความก้าวหน้า สู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์จึงไม่ควรปล่อยให้คำว่า “ปฏิวัติ” หรือ “ปฏิรูป” ซึ่งมีความหมายเฉพาะการกระทำของเผด็จการกับพวก คงไว้สำหรับเรียกชื่อบทกฎหมายของไทย.....

ศาสตราจารย์พิเศษ

ดร.ปรีชา สุวรรณทัต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:36 น. ไม่หยุดเจอแน่! ตำรวจ อคฝ.วอร์มเครื่องรถจีโน่ 10 คัน สลายม็อบเขมรป่วนชายแดน
17:22 น. ศึกเลือกตั้งซ่อมกาญจนบุรีเขต 4 เข้มข้น 'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย'ส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง
17:19 น. รมว.เกษตรฯลงพื้นที่ฉะเชิงเทราดำเนินโครงการทำหมันสุนัข-แมว
17:15 น. เก่งและเร็ว! 'เอกสิทธิ์'มอง เสถียรภาพ'รัฐบาลเสียงข้างน้อย'ต้องโชว์ฝีมือ
17:10 น. 'กาย ณัฐชา'แต่งกลอนโต้'ชูวิทย์' ดักดานวิชา เป็นวงจรอุบาทว์ หลายช่วงคน
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
ดูทั้งหมด
กรณีเขากระโดง ต้องทำตามขั้นตอนกฎหมาย
วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV
อลัชชีหุ้มจีวร
‘หนู-1’รัฐบาลชั่วคราวไม่ค้างคืน
ไทยต้องปรับปรุงด่วน ถ้ายังอยากอยู่ในสายตานักลงทุนโลก
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไม่หยุดเจอแน่! ตำรวจ อคฝ.วอร์มเครื่องรถจีโน่ 10 คัน สลายม็อบเขมรป่วนชายแดน

'กาย ณัฐชา'แต่งกลอนโต้'ชูวิทย์' ดักดานวิชา เป็นวงจรอุบาทว์ หลายช่วงคน

'กัมพูชา'รับบทผู้ถูกกระทำ! อ้างไม่เคยส่งโดรน-ฝังทุ่นระเบิด พ้อโดนกล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสียงกรี๊ดสนั่น! แม่ทัพภาค2 เยือน รร.อุดรพิทย์ ให้กำลังใจครอบครัว 'จ่าจุ้ย'

จำคุกถ้วนหน้า!!! อดีตนายก อบต. กับพวก คนละ 6 ปี ฮั้วจัดซื้อรถดับเพลิง 40 ล้าน

'เวียดนาม'แซงไทยแล้ว! ขึ้นเป็นโน1อาเซียนจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน

  • Breaking News
  • ไม่หยุดเจอแน่! ตำรวจ อคฝ.วอร์มเครื่องรถจีโน่ 10 คัน สลายม็อบเขมรป่วนชายแดน ไม่หยุดเจอแน่! ตำรวจ อคฝ.วอร์มเครื่องรถจีโน่ 10 คัน สลายม็อบเขมรป่วนชายแดน
  • ศึกเลือกตั้งซ่อมกาญจนบุรีเขต 4 เข้มข้น \'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย\'ส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง ศึกเลือกตั้งซ่อมกาญจนบุรีเขต 4 เข้มข้น 'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย'ส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง
  • รมว.เกษตรฯลงพื้นที่ฉะเชิงเทราดำเนินโครงการทำหมันสุนัข-แมว รมว.เกษตรฯลงพื้นที่ฉะเชิงเทราดำเนินโครงการทำหมันสุนัข-แมว
  • เก่งและเร็ว! \'เอกสิทธิ์\'มอง เสถียรภาพ\'รัฐบาลเสียงข้างน้อย\'ต้องโชว์ฝีมือ เก่งและเร็ว! 'เอกสิทธิ์'มอง เสถียรภาพ'รัฐบาลเสียงข้างน้อย'ต้องโชว์ฝีมือ
  • \'กาย ณัฐชา\'แต่งกลอนโต้\'ชูวิทย์\' ดักดานวิชา เป็นวงจรอุบาทว์ หลายช่วงคน 'กาย ณัฐชา'แต่งกลอนโต้'ชูวิทย์' ดักดานวิชา เป็นวงจรอุบาทว์ หลายช่วงคน
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

การทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญต้องไม่ขัดกับกฎตรรกะ

การทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญต้องไม่ขัดกับกฎตรรกะ

12 ก.ย. 2568

การใช้อำนาจที่เป็นกลางในการยุบสภา

การใช้อำนาจที่เป็นกลางในการยุบสภา

5 ก.ย. 2568

สองภาพซ้อนในคดีแพทองธาร

สองภาพซ้อนในคดีแพทองธาร

29 ส.ค. 2568

หมู่บ้านโปเตมคิน

หมู่บ้านโปเตมคิน

22 ส.ค. 2568

การออกอากาศพระสุรเสียง

การออกอากาศพระสุรเสียง

15 ส.ค. 2568

ชุมชนเทียม

ชุมชนเทียม

8 ส.ค. 2568

คดี พระพิมลธรรม กับ ศาลทหาร

คดี พระพิมลธรรม กับ ศาลทหาร

1 ส.ค. 2568

ศาลทหาร

ศาลทหาร

25 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved