วันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2568
เวลานี้นักการเมืองที่เรียกว่า สส.และมักอ้างประชาชนบังหน้ากำลังสมคิดกันที่จะขึงพืดประเทศไทย ด้วยการทำบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย ให้เป็นเรื่องถูกกฎหมาย
นั่นก็คือ การออกกฎหมายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”ซึ่งคณะรัฐมนตรี“แพทองโพย”ร่างทรงของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรได้มีมติเห็นชอบอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมาโดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปปรับแก้ถ้อยความแล้วเสนอกลับมายังคณะรัฐมนตรีอีกครั้งก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร
อีกเรื่องหนึ่งก็เป็นผลมาจากมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้เช่นกันคือให้กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี), กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาเพื่อนำการพนันออนไลน์ใต้ดินที่ผิดกฎหมายให้ขึ้นมาอยู่บนดินแบบถูกกฎหมาย ซึ่งนายนายประเสริฐ จันทรรวงทองรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ดีอี ที่เป็นเจ้าภาพเรื่องนี้คาดการณ์ว่าภายใน 1 เดือนจะสามารถทำรายละเอียดแล้วเสร็จ
ประชาชนคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าการพนันเป็น“อบายมุข”และเชื่อว่าจะส่งผลเสียหาย มากกว่าประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น คงมิอาจพึ่งพาสส.ฝ่ายรัฐบาล และ สส.ฝ่ายค้าน ที่อ้างว่ามาจากประชาชนได้เพราะนักการเมืองเหล่านี้ค่อนข้างจะเห็นพ้องต้องกัน จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะต้องลุกขึ้นมาส่งเสียงคัดค้านเพื่อพิทักษ์ความถูกต้อง
เรื่อง“อบายมุข”นี้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระสูตร ว่าด้วย“สิงคาลกสูตร”อันเป็นพระสูตรหนึ่งในพระสุตตันตปิฎก-หมวดทีฆนิกาย เกี่ยวกับ“อบายมุข”ไว้หมายถึงทางแห่งความเสื่อม และความพินาศ อันเป็นเหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์
กล่าวคือ ผู้ที่หมกมุ่นในอบายมุข นั้นล้วนแต่เป็นการใช้เวลาในชีวิตและเงินทองที่มีจำกัดอย่างไม่รู้คุณค่าซึ่งเปล่าประโยชน์และเกิดโทษและหมายรวมถึงการใช้เวลาชีวิตและเงินทองไปเล่นการพนันตลอดจนการใช้เวลาชีวิตและเงินทองไปคบหาสมาคมกับคนชั่ว เป็นต้น
และตามความเป็นจริงที่มีอยู่ปัจจุบันนี้ฟังจากเสียงคัดค้านของภาคประชาชนองค์กรต่างๆที่ลุกขึ้นมาส่งเสียง“เราไม่เอากาสิโน” ล้วนเห็นว่าปัญหาใหญ่ของประเทศที่มีกาสิโนถูกกฎหมายทั่วโลก คือความข้องเกี่ยวกับขบวนการอาชญากรรม และการถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการทุจริตคอร์รัปชัน
ถามว่าใครล่ะ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมที่มีสาเหตุสำคัญมาจากการทุจริตคอร์รัปชัน ก็คงหนีไม่พ้น“เจ้าพ่อ-นักการเมือง-ข้าราชการประจำ” ซึ่งร่างกฎหมาย“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”และการพนันออนไลน์ใต้ดินที่ผิดกฎหมายโดยรัฐบาลชุดนี้กำลังจะเนรมิตให้ถูกกฎหมายนี่แหละ คือที่หลอมรวมของ“วงจรอุบาทว์”อันเรียกว่า“ขบวนการอาชญากรรม”
“มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน” ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไรมุ่งเน้นรณรงค์สร้างกระแสความตื่นตัวทางสังคม โดยมีนายจะเด็จ เชาวน์วิไลเป็นประธานมูลนิธิ และมีนายธนกร คมกฤส เป็นเลขาธิการมูลนิธิที่เป็นอีกหนึ่งองค์กรไม่“เอากาสิโน” ระบุว่า“กาสิโนไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเรียกร้องต้องการแต่เป็นความต้องการของผู้คุมอำนาจทางการเมืองและอำนาจทุนและกำลังพยายามจะใช้อำนาจมากลากไปเพื่อให้เปิดกาสิโนได้ตามอำเภอใจ”
พร้อมกันนี้“มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน”ยังชี้ด้วยว่าในร่างกฎหมาย“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”ที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมานั้น จะมีการตั้ง“สำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร” ขึ้นมาซึ่งสำนักงานนี้จะมีรายได้มาจากหลายทางโดยเฉพาะค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และอื่นๆซึ่งเป็นหลักพันล้านในแต่ละปี โดยมีบทบัญญัติว่า “เงินและทรัพย์สินของสำนักงานเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมต่างๆ แล้วเหลือเท่าใดให้สำนักงานนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน”
ตรงจุดนี้“มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน”มองว่า การเปิดช่องไว้เช่นนี้อาจทำให้สำนักงานที่ตั้งใหม่นี้กลายเป็นช่องทางให้เกิดการนำเงินที่รัฐควรได้จากกิจการสถานบันเทิงครบวงจรมาใช้จ่ายเพื่อตอบสนองนโยบายของฝ่ายการเมืองได้ คล้ายๆ กับกรณี“หวยบนดิน”ที่ไม่ได้นำรายได้ส่งเข้าแผ่นดินกลายเป็นตู้เอทีเอ็มให้“นายใหญ่”สามารถกดเงินนำมาใช้ดำเนินงานทางการเมืองได้อย่างสบายมือ
พูดให้ชัดก็คือ คล้ายกับเรื่อง“หวยบนดิน” ซึ่งในปี 2562 “ทักษิณ ชินวัตร”ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก2 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์เบียดบังเอาเงินของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไปโดยทุจริต
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ระบุว่า ระหว่างที่“ทักษิณชินวัตร”ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้มีการออกสลากพิเศษหวยบนดินในปี 2546-2549ซึ่งแม้จะมีการทักท้วงว่าการออกสลากดังกล่าวขัดต่อกฎหมายแต่ในฐานะนายกรัฐมนตรีกลับไม่ได้มีการยับยั้งเป็นผลให้กระทรวงการคลังได้รับความเสียหายต้องสูญเสียรายได้ค่าภาษีอากรรวมเป็นเงิน 2.49 หมื่นล้านบาท (24,998,246,058.56 บาท)
ทั้งนี้ จากคำพิพากษาดังกล่าวของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ชี้ว่าการใช้จ่ายเงินจากการทำ“หวยบนดิน”ไม่ปรากฏว่าได้รับการตรวจรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในทุกกรณีทั้งมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบราชการในทุกขั้นตอน แม้หักค่าใช้จ่ายค่าตอบแทน เงินสมทบ ค่าบริหารและเงินคืนสู่สังคมแล้วก็ยังคงมีเงินรวมประมาณนับแสนล้านบาทที่ไม่ได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
อีกทั้ง เงินที่ไม่นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯยังชี้ด้วยว่าก็ไม่ปรากฏค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ เช่นเดียวกับการเสนอขอใช้งบประมาณแผ่นดินเช่นเดียวกับโครงการอื่น ๆ
สำคัญที่สุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯเห็นว่า การที่“ทักษิณ ชินวัตร”เร่งรีบทำ“หวยบนดิน” โดยไม่ได้ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายก่อนก็เพราะทักษิณไม่ต้องการให้เงินจากการขาย“หวยบนดิน”ถูกจัดสรรเข้าเป็นรายได้แผ่นดินอันจะส่งผลให้การใช้จ่ายเงินต้องเป็นไปตามช่องทางปกติ ตามวิธีการงบประมาณเพื่อให้มีการจัดการเงินรายได้โดยไม่มีข้อจำกัด
สรุป อดีตคือบทเรียน และบทเรียนของประเทศนี้ ก็มักจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นบทเรียนซ้ำซาก ที่ถอดกันไม่รู้จักจบจักสิ้น
จะอะไรก็ตามแต่-“เราไม่เอากาสิโน”ครับ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

เปิดแผน บริการ ระบบขนส่งสาธารณะ วันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.นี้
มีเรื่องเล่าเมื่อ 20 ปีก่อน! 'ดร.ธรณ์' เปิดความทรงจำที่ภูพิงค์ เข้าเฝ้า'พระพันปีหลวง' หลังเหตุสึนามิ
‘อนุทิน’ถึงมาเลเซียแล้ว เตรียมร่วมพิธีเปิดประชุมสุดยอดอาเซียนพรุ่งนี้
'บอดี้สแลม'ยืนถวายอาลัย 'สมเด็จพระพันปีหลวง'ก่อนแสดง (คลิป)
นครบาลเผยเส้นทางเลี่ยง เคลื่อนพระบรมศพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' สู่พระบรมมหาราชวัง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี