ช่วงหลัง คุณทักษิณพูดอะไรแปลกๆ

1.ตกลงกับพระเจ้า ขอเวลา 17 ปีคืน

ไปปราศรัยที่ศรีสะเกษ คุณทักษิณกล่าวตอนหนึ่งว่า

...อยากให้ตนทำงานให้หรือไม่ เอาอีกกี่ปี แต่ตนตกลงกับพระเจ้า ว่าตนไม่อยู่ประเทศไทยมา 17 ปี เพราะฉะนั้น ขอทำงานให้พี่น้องคนไทยใช้หนี้ไปก่อนอีก 17 ปี ต้องใช้หนี้ให้คนไทยก่อน

..17 ปีที่หายไป ชีวิตรู้สึกขาดๆ แต่กลับมาชีวิตมันหัวใจพองโต อยากออกมาหาพี่น้องอยู่ใกล้ชิดน้องหาโอกาสทำงานให้พี่น้อง อย่าลืมนะ 17 ปีใช้ให้คุ้มเพราะฉะนั้น เลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกคนของผม

...อีก 17 ปี ตนก็ 92 ปี เท่ามหาเธร์ แต่มหาเธร์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกรอบหนึ่งก็ 92 ปี เพราะฉะนั้น เขามาเริ่ม 92 ปี แต่ของตนทำจนถึงอายุ 92 ปี ตนน่าจะแข็งแรงกว่า ดังนั้น ตนยังทำได้อยู่ ยังทำได้อยู่ ยังพอมีแฮงอยู่ 70 กว่าปี ยังพอมีแฮงอยู่นะ

ตอนเลือกตั้งครั้งที่แล้วได้เป็นนายกฯ ตนก็บอกว่า 20 กว่าปีมีแฮง บ่มีเงิน 40 กว่าปี มีแฮง มีเงิน แต่บ่มีเวลา 60 กว่าปีมีแฮง มีเงิน มีเวลา บ่มีแฮง ตอนนั้นตน 51 ปี ตอนนั้นพร้อมแล้ว มีเงิน มีเวลา มีแฮง แต่วันนี้ 76 ปีมีเงิน มีเวลายังพอมีแฮงอยู่ – ทักษิณกล่าวปราศรัย

ที่พูดเรื่องสัญญากับพระเจ้า เอาเวลา 17 ปีคืนนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก

เมื่อครั้งไปงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ทักษิณก็กล่าวคร่ำครวญว่า

“วันนี้ ก็ได้กลับมาเมืองไทย คงจะได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมืองไม่มากก็น้อย เพราะว่าเวลาก็เหลืออีกไม่นานแล้ว อายุปีนี้ 75 ปี แล้ว คงเหลืออีกสัก 40 ปี

ผมเป็นคน positive thinking พูดเล่น พูดอะไร ไปก็อย่าแปลกใจ

ผมก็บอกอยู่ตลอดเวลาว่า ขออีก 40 ปี เจรจาพระเจ้าในประเทศไทยไว้ว่าผมหายไป 17 ปีนะ จะขอคืน 17 ปี ด้วยแล้วกัน…” – ทักษิณกล่าว

2.คุณทักษิณอาจจะแกล้งลืมไปว่า ช่วง 17 ปี ที่ว่านั้น จริงๆ แล้ว ตนเองก็ยังเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยตลอด

แถมยังมีผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองในหลายเหตุการณ์

ถ้าพระเจ้าจะพิจารณาให้เวลา 17 ปีแก่คุณทักษิณ ก็ควรจะพิจารณาหักเอาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชนบางส่วนไปด้วย จึงจะยุติธรรม

ยกตัวอย่าง

เหตุการณ์ล้มการประชุมอาเซียน และเผาบ้านเผาเมือง 2553 สร้างความเสียหายมหาศาล

ปลุกม็อบให้ออกมาชุมนุม โหมกระพือ “จะกลับไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯด้วยตนเอง” - “ไปที่ศาลากลางกันให้มากๆ” ฯลฯ

แกนนำม็อบไปล้มประชุมอาเซียน ทำลายการประชุม ทำลายภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของประเทศ

ปี’53 เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ มีกองกำลังติดอาวุธชุดดำ ฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน ยังไม่มีใครชดใช้ให้ทหารที่ตาย ไม่ลูกน้องคุณทักษิณบางคนยังหนีคุกอยู่

โครงการจำนำข้าว “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำยิ่งลักษณ์นายกฯ” โครงการเสียหายมหาศาล

คุณยิ่งลักษณ์ถูกเรียกให้ชำระค่าสินไหมทดแทนจากการปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท คดียังไม่จบ อยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด

ตัวยิ่งลักษณ์ยังหนีโทษจำคุก 5 ปีอยู่ด้วย คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ละเว้นระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว คุณทักษิณก็บอกจะได้กลับมาเร็วๆ นี้

ศาลฎีกาพิพากษาให้ก๊วนข้าวจีทูจีร่วมกันชดใช้รวมกว่าสองหมื่นล้านบาท แต่ยังไม่ได้เงินเข้าหลวงเลยแม้แต่บาทเดียว

ปัจจุบัน รัฐยังติดค้างหนี้ ธ.ก.ส.จากโครงการจำนำข้าวอยู่กว่า 2 แสนล้านบาท ไม่มีใครจ่ายค่าเสียหายเหล่านี้เลย

3.“โกงพ่อมึงสิ”

ไปปราศรัยที่มหาสารคาม คุณทักษิณก็ประกาศกร้าว

“...มีคนบอกว่า ผมโกง โกงพ่อมึงสิ

ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา

วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย ทั้งๆ ที่เป็นเงินที่ทำมาหากินมาแท้ๆ

คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู

ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย...” – ทักษิณกล่าว

ในความเป็นจริง คุณทักษิณถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุด ว่าทุจริตประพฤติมิชอบ ร่ำรวยผิดปกติ และยังมีความผิดทางอาญา โทษจำคุก อีกหลายคดี

ส่วนที่อ้างว่า ตั้งกรรมการเฮงซวยมาสอบ ศาลชี้ขาดว่าการสอบสวนของ คตส.ชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ไม่มีการนำหลักฐานเท็จมากลั่นแกล้งอะไรเลย

ศาลฎีกาฯ ชี้ชัดว่า ทักษิณคือเจ้าของหุ้นชินฯตัวจริงตลอดช่วงที่ยังเป็นนายกฯ แต่ใช้วิธีใช้ตัวแทนเชิด อำพรางความเป็นเจ้าของไว้ ขณะเป็นนายกฯ ได้อาศัยอำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจส่วนตัวโดยมิชอบ หลายกรณีสำคัญ ได้แก่

กรณีแปลงสัมปทานโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต

กรณีเงินกู้เอ็กซิมแบงก์เอื้อกิจการโทรคมนาคม

กรณีแก้สัมปทานมือถือลดอัตราส่วนแบ่งรายได้พรีเพด

กรณีแก้ไขสัญญาอนุญาตให้ใช้เครือข่ายร่วม (ROAMING)

กรณีแก้สัมปทานดาวเทียม กรณีดาวเทียมไอพีสตาร์

ศาลฎีกาฯ พิพากษายึดทรัพย์ทักษิณโดยยึดเฉพาะส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังดำรงตำแหน่งนายกฯ และเงินปันผล (ถือว่าเป็นทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นมาโดยมิชอบ ร่ำรวยผิดปกติ) รวม 46,373 ล้านบาท

โดยคืนส่วนที่เหลือ 30,247 ล้านบาท เพราะเห็นว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เงินที่มีอยู่แต่เดิม

ในประการสำคัญ คุณทักษิณหนีคดีไปเอง แล้วพอกลับมา คุณทักษิณก็ได้ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ

ระบุด้วยว่า เคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา

โดยยอมรับการกระทำ รับผิดตามคำพิพากษาของศาล อ้างว่าสำนึกในการกระทำความผิดแล้ว

ระบุถึงคำพิพากษา 3 คดี ได้แก่

คดีที่ 1 คดีเอ็กซิมแบงก์ คดีหมายเลขแดง ที่อม. ๔/๒๕๕๑ ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี

คดีที่ 2 คดีหวยบนดิน คดีหมายเลขแดง ที่อม. ๑๐/๒๕๕๒ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี

และคดีที่ 3 คดีนอมินีหุ้นชิน แปลงสัมปทานโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรสามิต คดีหมายเลขแดง ที่อม. ๕/๒๕๕๑ กำหนดโทษจำคุก 5 ปี

ยังไม่นับว่า มีลูกน้องหลายคนติดคุกติดตะราง เพราะคดีทุจริตประพฤติมิชอบอีกหลายคดี ศาลพิพากษาชี้ขาด ระบุถึงพฤติการณ์เอื้อประโยชน์แก่คนในครอบครัวชินวัตร เช่น

คดีสัมปทานดาวเทียม หมอเลี้ยบ อดีตรมว.ไอซีทีคุก 1 ปี

คดีพาสปอร์ต นายสุรพงษ์ อดีตรมว.ต่างประเทศคุก 2 ปี

คดีธรณีสงฆ์อัลไพน์ ยงยุทธ คุก 2 ปี

คดีช่วยเลี่ยงภาษี อดีตอธิบดีสรรพากรคุก 3 ปี

คดีลดค่าสัมปทานเอไอเอส อดีตผอ.องค์การโทรศัพท์ คุก 6 ปี เป็นต้น

4.ทั้งหมด จะไม่เกิดเป็นประเด็นวิวาทะเลย ถ้าคุณทักษิณไม่พูดขึ้นมาเอง

ถ้าคุณทักษิณสำนึกในความผิดจริง ต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อประเทศชาติจริงๆ ไม่มีจิตคิดอาฆาตแค้นใครจริงๆ

คุณทักษิณก็ควรปราศรัยแนะนำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติในอนาคตต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องพยายามกล่าวฟอกตัวเอง หรือตอบโต้ใครก็ตามด้วยวาทะรุนแรงแบบนี้

คำถาม คือ ทำไมถึงเวลานี้ คุณทักษิณต้องดิ้นรนทำทุกวิถีทาง เพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐมากกว่านี้?

ทั้งหมด ตอกย้ำว่า เส้นทางชีวิตของคุณทักษิณยังเปราะบางอยู่ เรื่องที่ถูกตรวจสอบยังน่าวิตก

ทั้งประเด็นชั้น 14 ทั้งส่วนที่ ป.ป.ช.ไต่สวน และแพทยสภาตรวจสอบแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งประเด็นคดี ม.112 ที่อยู่ในชั้นศาล

ทั้งประเด็นที่ดินธรณีสงฆ์อัลไพน์ ซึ่งกำลังถูกสะสาง

ขณะนี้ ทักษิณยังไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเต็มที่เหมือนในอดีต

4.1 สิ่งที่ทักษิณทำสำเร็จแล้ว?

ลูกสาวเป็นนายกฯ, จัดทำงบปี’68 (โครงการต่างๆ), เลือกนายก อบจ (ทยอยชนะในจังหวัดที่แข่งกับส้ม แต่ที่แข่งกับน้ำเงินยังต้องลุ้น)

4.2 ทักษิณเดินสะดุด ?

หลายเรื่องที่ทักษิณอยากได้ อยากทำ แต่ยังทำไม่สำเร็จ เช่น ยึดวุฒิสภา, ยึดแบงก์ชาติ, ล้วงทุนสำรอง, แบ่งผลประโยชน์พลังงานอ่าวไทย, แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต, ยึดการบินไทย, เปิดกาสิโน, ยึดกองทัพ,ยิ่งลักษณ์กลับไทย, ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 60, แตะมาตรา 112 (เขาจำต้องเปลี่ยนท่าทีตัวเอง) ฯลฯ

ทั้งหมด ถ้าทำได้ เขาทำแล้ว แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ

สะท้อนว่า ทักษิณไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ยังไม่ได้ทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการ

เพราะอะไร? สะดุดเพราะใคร? ลองคิดดู

4.3 ในฐานะคนทำสื่อช่องท็อปนิวส์ที่มีจุดยืนปกป้องสถาบัน รู้สึกแปลกใจมาก เมื่อเห็นแกนนำฝ่ายที่ไม่ชอบทักษิณจำนวนหนึ่ง พยายามโจมตีลุงตู่

บางคนโมโหที่ฝ่ายทักษิณได้เป็นรัฐบาล แล้วด่าลุงตู่

ถามว่า เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเพราะใคร? เพราะลุงตู่หรือเปล่า?

คำตอบ คือ ไม่ใช่

ลุงตู่แพ้เลือกตั้ง ส่วนเพื่อไทยยังไงเขาก็เป็นรัฐบาล จากผลการเลือกตั้ง

ส่วนที่ลุงตู่รับสนองพระบรมราชโองการ คือ ทักษิณคุก 1 ปี แต่การบังคับโทษเป็นหน้าที่รัฐบาล

ถ้ารัฐบาลชั่ว ก็ด่ารัฐบาล ดำเนินคดีไป ก็ทำไป (ท็อปนิวส์ยังติดตามตรวจสอบวิจารณ์รัฐบาลและทักษิณทุกวัน)

ผมมั่นใจด้วยว่า ถ้ารัฐบาลยังมีลุงตู่เป็นนายกฯ ทักษิณไม่ได้ออกไปนอนโรงพยาบาลยาวแบบนี้แน่ เพราะฉะนั้นถ้าจะด่า ต้องด่ารัฐบาลที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง

ปัจจุบัน ลุงตู่เป็นองคมนตรี เป็นไปตามพระบรมราชวินิจฉัย ทำงานรับใช้ในหลวง จะมาแทรกแซงรัฐบาลไม่ได้

การโจมตีองคมนตรี ต้องการกระทบใคร จะให้ทำอะไร สังคมส่วนใหญ่เอาด้วยจริงไหม?

การแซะลุงตู่ โจมตีลุงตู่ กระทบถึงใคร?

ผมแสดงความเห็นในช่องท็อปนิวส์ ปกป้ององคมนตรีลุงตู่ เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง (รวมถึงองคมนตรีท่านอื่นด้วย เช่น ลุงไพบูลย์ ฯลฯ) เพราะสถานะท่านไม่อยู่ในจุดที่ตอบโต้อะไรได้เอง

น่าแปลกใจ ใครกำลังปั่นอะไร แล้วมาดิสเครดิตว่าท็อปนิวส์ถูกพวกทักษิณซื้อ ท็อปนิวส์เปลี่ยนไปอีกต่างหาก

สุดท้าย คุณทักษิณเรียกตัวเองว่า “สทร.” คือ เผือกทุกเรื่อง และประกาศจะทำแบบนี้ต่อไป 17 ปี

แต่เอาเข้าจริง จะมีเวลาเหลือเท่าไหร่ ไม่มีใครบอกได้

ทุกอย่าง เป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น

...จบ...

สันติสุข มะโรงศรี