“หนังสือพิมพ์แนวหน้า”ฉบับวันที่ 12 กุมภาพันธ์เมื่อวานนี้ พาดหัวข่าวว่า “เอาใจธุรกิจน้ำเมานายกฯสั่งทบทวนเวลาขายเหล้าอ้างส่งเสริมปีการท่องเที่ยวไทย” ส่วน“หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์”ฉบับวันเดียวกันพาดหัวข่าวว่า “เมา 24ชม.ไม่เว้นวันพระใหญ่”
ทั้งนี้ “หนังสือพิมพ์แนวหน้า”โปรยข้อความรับพาดหัวข่าวว่า “นายกฯอิ๊งค์สั่งทบทวนช่วงเวลาขาย‘เหล้า-เบียร์’ 14.00-17.00 น. และวันสำคัญทางพุทธศาสนา อ้างรับธีมปีท่องเที่ยวควบคู่ปกป้องเยาวชนไม่ให้เข้าถึงแอลกอฮอล์"
ขณะที่“หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์”โปรยข้อความว่า “มีการพนันถูกกฎหมายยังไม่พอ! นายกฯสั่งทบทวนช่วงเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์-วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา สอดรับธีมปีท่องเที่ยวควบคู่ปกป้องเยาวชนไม่ให้เข้าถึงได้ง่าย 15 มี.ค.นี้มีผลบังคับใช้ก่อนสงกรานต์ หลัง 8ผู้ประกอบการยื่นหนังสือเรียกร้อง “อนุทิน” รับลูกให้มหาดไทยศึกษาผลกระทบ มองช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-คนมีงานทำ แต่ต้องคุมเข้มไม่ให้เด็ก-เยาวชนเข้าถึงได้”
รายละเอียดของข่าวที่ได้ฟังจาการแถลงของ“มาดามแพทองโพย”ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์เมื่อวันที่ 11กุมภาพันธ์ก่อนหน้าวันมา“มาฆบูชา”หนึ่งวัน โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหน้าเดิมซึ่งเป็น“เด็กในคาถา”ของ“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดายืนเป็นพระอันดับเสริมบารมี ได้ความว่าเธอได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจในหลายกลุ่มค่อนข้างมากเกี่ยวกับปัญหาข้อจำกัดทางกฎหมายในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“แพทองธาร”แถลงโดยท่องโพยจากไอแพดว่า ด้วยข้อจำกัดดังกล่าวส่งผลให้เป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และไม่สอดคล้องกับนโยบายที่ปีนี้รัฐบาลได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025”
ด้วยเหตุดังนั้น “มาดามแพทองโพย”บอกว่า“ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นกฎเรื่องการห้ามขายช่วงเวลา14.00-17.00 น. หรือในช่วงของวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาว่าเรื่องนี้มีการกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างไรบ้าง การห้ามขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือกรณีที่อาจจะติดขัดในเรื่องข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่ที่เป็นโซนนิงและกฎบางกฎออกมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 หรือตั้งแต่ช่วงปี 2515 ก็มีจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนเรื่องนี้อีกรอบ”
นายกรัฐมนตรีเจ้าของฉายา“ไอแพด” ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่รู้อะไรนอกจากหมกมุ่นอยู่กับ“เสื้อ-ผ้า-หน้า-ผม“ที่แต่งชุดไหนก็ไม่เคยลงตัว เจื้อยแจ้วต่อว่า “ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยและการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงแอลกอฮอล์ได้อย่างง่ายดายเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุด เมื่อเราปลดล็อกตรงนี้ เพิ่มรายได้ผู้ประกอบการแล้วเพิ่มเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว แต่เยาวชนจะต้องถูกปกป้องเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ที่จะทำให้ไม่เข้าถึงแอลกอฮอล์เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญและไม่ละเลย”
คำว่า“เยาวชน”นั้นฟังแล้วเหมือน“สูตรสำเร็จ” ถ้าหากลองนึกดูก็จะพบว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอบายมุข ไม่ว่าจะ“หวย-บ่อน-ซ่อง”ที่รัฐบาลชุดนี้คิดจะเอาขึ้นมาบนดินให้ถูกกฎหมายนั้น “เยาวชนของชาติ”มักจะถูกใช้เป็น“ยันต์กันผี”ไม่ต่างจากคำว่า“ประชาชน”ที่นักการเมืองประเทศนี้ชอบอ้างกัน แต่ปรากฏว่า มีแต่นักการเมืองรวยเอาๆส่วนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางมีแต่จนลงๆ และหนี้สินท่วมหัว
อีกประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ คือ วันมาฆบูชา, วันวิสาขบูชา,วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งออกเป็นประกาศสำนักของสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี 2552สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และปี 2558 สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาประกาศเพิ่มวันออกพรรษาอีกหนึ่งวันพร้อมทั้งประกาศยกเว้นการขายเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ นั้น
ประเด็นนี้ผู้สื่อข่าวถาม“มาดามแพทองโพย”ว่าวันพระใหญ่ดังกล่าวนั้นจะสามารถซื้อเหล้าได้ใช่หรือไม่ ปรากฏว่า“นายกฯไอแพด”ผู้ไม่เคยตกผลึกอะไรสักเรื่องนอกจากคำว่า“อ๋อ” ได้ตอบว่า“เดี๋ยวจะให้ทางทีมไปศึกษาดูก่อนว่าจะได้อย่างไรบ้างเพราะอย่างวันพระใหญ่หรือวันอะไรที่เราเป็นข้อห้ามอยู่ ชาวต่างชาติที่มาเขาไม่ได้ทราบวันเหล่านี้ก่อนและจะมีผลเรื่องการท่องเที่ยว”
จะอะไรก็ตามแต่ สำหรับผมนั้น ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการยกเลิก ไม่ว่าจะช่วงเวลา 14.00-17.00 น.หรือ“วันพระใหญ่” เพราะเรามาไกลจนเข้ารูปเข้ารอยแล้ว ไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า และถึงแม้จะมีกฎหมายหรือมีข้อห้ามข้อบังคับอะไร ก็ยังเห็นแอบขายกัน ซึ่งก็ไม่ต่างจากหวย, บ่อน, ซ่องและการพนันออนไลน์ใต้ดิน ที่มีอยู่อย่างผิดกฎหมายเต็มบ้านเต็มเมือง
สำหรับปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นก็แค่ข้ออ้างไม่ต่างอะไรจากคำว่า“เยาวชน” เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวบ้านเรานั้นเชื่อว่าเขาย่อมศึกษาหาข้อมูลเป็นการบ้านมาอย่างดีแล้วอีกทั้งที่ร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินก็ยังสามารถซื้อติดมือเข้ามาได้หรือแม้แต่ในโรงแรมก็ขายได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
ทำบาปกันมามากแล้ว แม้แต่ที่ดินธรณีสงฆ์ก็ยังไม่เว้น อะไรที่ทำมาดีและมาไกลแล้วก็ควรจะช่วยกันสานต่อให้เป็นกุศลผลบุญ
ขอบิณฑบาตเถอะนะ-ทั้งโยมพ่อและโยมลูกสาว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี