วันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เสียงของประชาชนส่วนหนึ่งจากจำนวน 16.82 ล้านเสียง ที่ไปลงประชามติเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนกำลังจะฉีกทิ้ง ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวของ 2 พรรคการเมืองนี้ โดยเห็นว่าถ้าจะแก้ควรแก้“สันดาน”ของนักการเมืองก่อนจะดีกว่า
การประชุมร่วมรัฐสภาของ สส. และ สส. เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์เมื่อวานนี้เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 จำนวน 2 ร่างที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน อันจะนำไปสู่การฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 แล้วเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ๒๐๐ คนขึ้นมายกร่างฉบับใหม่ ปรากฏว่า“ล่มปากอ่าว”เนื่องจากสมาชิกไม่ครบองค์ประชุมหลังจากประชุมถกกันนานกว่า 3 ชั่วโมง
สรุปภาพให้เห็นง่ายๆ ชัดๆ ก็คือ เสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกรัฐสภาของที่ประชุมร่วมระหว่าง สส.และสว.รวมทั้งพรรคเพื่อไทย ต่างก็เห็นว่า ควรจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยในมาตรา201วรรคหนึ่ง (2) ของรัฐธรรมนูญ ว่าสมาชิกรัฐสภามีอำนาจสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เลยหรือไม่หรือว่าจะต้องทำประชามติก่อน โดยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้หยิบยกญัตติด่วนที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระในฐานะ สว.เป็นผู้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งโดยพรรคประชาชนและ สว.พันธุ์ใหม่เห็นว่าควรเดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดย สส.พรรคเพื่อไทย และ สส.พรรคประชาชนไปก่อนเลย ไม่ต้องพิจารณาญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งรวมทั้งพรรคเพื่อไทย และสว.สายสีน้ำเงิน ล้วนเห็นด้วยกับญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ จึงเกิดการอภิปรายถกเถียงพร้อมทั้งมีการประท้วงกันอยู่ตลอดเวลา โดยที่ก่อนหน้านั้นสส.พรรคภูมิใจไทยซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อสี้นำเงินเหมือนกันทุกคนได้ออกจากห้องประชุมตามมติของพรรคที่ได้ประกาศไว้ ว่าจะไม่ขอมีส่วนร่วมในการพิจารณาเพราะขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาที่ประชุมได้มีมติเสียงข้างมาก ไม่เห็นชอบที่จะเลื่อนญัตติด่วนของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ขึ้นมาพิจารณา ด้วยคะแนนเสียง 275 : 247 ส่งผลให้สว.สายสีน้ำเงินที่นัดกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองอย่างพร้อมเพรียงเช่นกัน นำโดย พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์สว.และรองประธาน สว. พากันวอล์กเอาต์ออกจากที่ประชุมและเมื่อที่ประชุมกลับเข้ามาเริ่มการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเดินหน้าต่อก็ยังเกิดการถกเถียงและประท้วงกันให้วุ่นวายไม่หยุด
สุดท้าย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ได้เสนอให้นับองค์ประชุม ปรากฎว่ามีสมาชิกแสดงตนในห้องประชุม 204 คน จากสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 692 คน (สส. 493 คน และ สว. 199 คน) ไม่ครบองค์ประชุมจึงทำให้ประธานรัฐสภาต้องสั่งนัดประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 09.30 น.ก่อนสั่งปิดการประชุมในเวลา 12.04 น.
อันที่จริงศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 201 วรรคหนึ่ง(2) มาแล้ว ว่าสมาชิกรัฐสภามีอำนาจในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256(1) หรือไม่ ซึ่งศาลได้วินิจฉัยว่ามีแต่ต้อง“ให้ประชาชนผู้มีอํานาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่”
นั่นก็คือ ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติก่อน ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจของตนเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่พยายามจะฉีกทิ้งซึ่งเป็น“รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงนักการเมืองชั่ว”ฉบับนี้มาจากความเห็นชอบของประชาชนในฐานะผู้สถาปนา
หากย้อนกลับไปดูก็จะพบว่า ในการออกเสียงลงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เพื่อรับรองรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังกระเหี้ยนกระหือรือจะฉีกทิ้งกันอยู่นี้นั้นผ่านความเห็นชอบของประชาชนถึง 16,820,402 เสียง หรือ 16.82 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 61.35ของผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งหมด 29,740,677 คน หรือ 29.74 ล้านคน โดยมีผู้ไม่เห็นชอบ 10,598,037 เสียงคิดเป็นร้อยละ 38.65 ของผู้ออกมาใช้สิทธิ
ถามว่า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.พรรคประชาชนเอาอำนาจอะไรมาลบล้างอำนาจของประชาชน16.82 ล้านเสียงที่สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับนี้
ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยจึงแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่“ร่วมสังฆกรรม”ด้วยทั้งจากมติของที่ประชุมพรรคภูมิใจเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยืนยันโดยนายไชยชนก ชิดชอบส.ส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรค ได้ลุกขึ้นแจ้งต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาก่อนเดินออกจากห้องประชุมในนามสส.พรรคภูมิใจไทยทั้งหมดว่า “เรามีความคิดเห็นว่า วาระที่จะถูกพิจารณาหลังจากนี้นั้น เข้าขั้นที่จะผิดและขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงขออนุญาตไม่เข้าร่วมพิจารณา”
นอกจากนั้น หลังออกจากห้องประชุม นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานีในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ยังได้แถลงพร้อมกับ สส.ของพรรคภูมิใจไทยว่า“พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง-ชอบธรรม”
ฟันธงตรงนี้เลยว่า เด็กอ่อนหัดอย่างพรรคประชาชนนั้น“ว่าว”ประเภทฝันกลางวันแสกๆไม่มีทางไปถึงฝั่งฝัน ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นพวก“นกรู้” จึงไม่กล้าเสี่ยงกับการถูกยุบพรรคเลยตีชิ่งหันมายืนกับพรรคภูมิใจไทย คือต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

'บิ๊กโจ๊ก'ลุยฟ้องเพิ่ม ผู้บริหารศาลปค.สูงสุด
บิ๊กเกรียง รับมอบของบริจาคช่วยน้ำท่วม ฉะคนปล่อยเฟกนิวส์ คนเสียชีวิตเป็นพันน่าตัดหัวเสียบประจาน
เพื่อไทย อ้างประชาชนโวย นโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน หลายคนยังต้องจ่ายเต็ม
(คลิป) ศพเป็นพันเอามาจากไหน ทำไมต้องปั่น จำนวนผู้เสียชีวิตน้ำท่วมใต้
จุลพันธ์ ยันไม่จริง เพื่อไทย ยื่นซักฟอกรัฐบาล หลัง 11 ธ.ค. ชี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี