“ผมได้รับพระบรมราชโองการ พระราชทานอภัยลดโทษ ก็ทรงระบุชัดในพระบรมราชโองการว่าผมต้องใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยบ้านเมือง ถ้าผมอยู่เฉยๆ ดูดาย แสดงว่าผมไม่จงรักภักดีเมื่อผมเป็นคนจงรักภักดี ผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผมก็ต้องทำหน้าที่เอาความรู้ความสามารถช่วยบ้านเมืองอย่างเต็มที่”
ข้อความที่ยกมาเปิดเรื่องวันนี้ เป็นคำกล่าวของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ณ หอประชุมมูลนิธิมะทา อำเภอเมือง จังหวัดยะลาระหว่างเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมร่วมเดินทางไปด้วย
คนทั่วไปเห็นว่า“ทักษิณ ชินวัตร”ชอบอ้างสถาบันมาหากินขณะที่ในความเป็นจริงไม่เคยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเลยแม้แต่น้อยซึ่งชัดเจนที่สุดก็กรณีที่ทักษิณได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษดังข้อความที่ปรากฏบนเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 มีความว่า “เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าว ด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรมยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ขณะนี้อายุมากมีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ”
และ“ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วจึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป”
ทั้งนี้ นอกจาก“ทักษิณ ชินวัตร”จะไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียวแล้ว ฎีกาที่ทักษิณทูลเกล้าฯ ถวายขอพระราชทานอภัยโทษก็ยังบิดเบือน โดยทักษิณกราบบังคมทูลว่า “ยอมรับผิดในการกระทำมีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา” ซึ่งปรากฏว่า หลังจากที่ทักษิณได้รับการพักโทษโดยที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าคดีทุจริตทั้งหลายที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาตัดสินจำคุกนั้นเพราะถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งทักษิณกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ของผมเขายัดให้เยอะ”แต่ในฎีกาที่ทูลเกล้าฯถวายบอกว่า“ยอมรับผิดในการกระทำ”
อย่างไรก็ดี ที่ยกเรื่องนี้มาพูดก็เพราะ การลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ“ทักษิณ ชินวัตร”ครั้งนี้นอกจากจะอ้างพระบรมราชโองการในหลวงรัชกาลที่ 10 ว่า“ผมต้องใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยบ้านเมือง”แล้ว ก็ยังอ้าง“ศาสตร์พระราชา” เรื่อง“เข้าใจ เข้าถึงพัฒนา”ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานไว้มาเป็นใบเบิกทางเพื่อขอให้คนไทยมุสลิมที่ยัง“ฝังใจแค้น”จากเหตุการณ์ตากใบยอมให้อภัยกับความผิดพลาดของตนที่ได้ก่อไว้เมื่อ 21 ปีที่แล้ว
หากย้อนกลับไปดูภายหลังเกิดเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร บอกว่าเป็น“ความผิดพลาด”นั้น ก็ไม่ต่างจากที่ทักษิณอ้างพระบรมราชโองการและหนังสือถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเรื่องการ“ยอมรับผิด”เพราะทักษิณไม่ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งปฏิเสธแนวทางข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระที่ตนเองเป็นผู้ลงนามแต่งตั้งจนทำให้ปัญหา“ไฟใต้”ลุกลามบานปลายมาจนถึงวันนี้ และเพิ่งจะมายอมรับ“ความผิดพลาด”ที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งเรียกร้องขอความร่วมมือให้คนไทยมุสลิมช่วยกัน“สร้างสันติสุข”
คณะกรรมการอิสระที่กล่าวถึงนั้น ชื่อว่า“คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ” (กอส.)ซึ่ง“ทักษิณ ชินวัตร”ในฐานะนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ได้ลงนามแต่งตั้งในเดือนมีนาคม ปี2548 ภายหลังจากเหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 คือผ่านมาได้ 4เดือนทักษิณก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานคณะกรรมการ
กอส.ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ของคณะ รสช.ถูกตั้งขึ้นมาก็เพื่อให้มีการศึกษาหาแนวทางเสนอแนะรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในการที่จะกำหนดนโยบาย, มาตรการและกลไก อันจะนำไปสู่ความปรองดองเพื่อให้เกิด“สันติสุข”ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ข้อสรุปของ กอส.ที่เสนอแนะต่อรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเพื่อนำไปสู่การยุติปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ไม่ได้รับการสานต่อจากรัฐบาลที่มี“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรี นั้นก็มี
อาทิ การหาทางเจรจากับกลุ่มต่อต้าน, การจัดตั้งทีมปฏิบัติการเพื่อรักษาความสงบโดยไม่ติดอาวุธ,การแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการคุกคามคนไทยมุสลิมแต่ยังลอยนวลไม่มีความผิด,การส่งเสริมให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการใช้ทรัพยากรตนเองมากขึ้น,การเพิ่มโอกาสด้านเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาการว่างงาน, การปฏิรูปและปรับปรุงระบบบริหารงานยุติธรรม,การส่งเสริมคุณภาพและความหลากหลายของการศึกษา, การส่งเสริมความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อดูแลให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เป็นต้น
สรุปก็คือ หาก“ทักษิณ ชินวัตร”นำข้อเสอแนะของคณะกรรมการอิสระชุดนี้มาดำเนินการ ตั้งแต่เมื่อ 21ปีที่แล้ว เหมือนกับการ“ตีเหล็กตอนยังร้อน” ปัญหาไฟใต้ก็คงจะไม่ลุกลามบานปลายมาจนถึงวันนี้
นั้นก็เพราะ“ทักษิณ ชินวัตร” ไม่เข้าใจ“ศาสตร์พระราชา”แต่ยังมีหน้านำมาแอบอ้างหากินจากการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องการ“เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา”โดยได้กล่าวกับผู้นำท้องถิ่นว่า “สมัยเป็นนายกฯ เราน้อมนำแนวทางพระราชดำริในหลวงรัชกาล 9”
คือ“ทักษิณ ชินวัตร” ทั้ง“ไม่เข้าใจ-เข้าไม่ถึง-ไม่ได้พัฒนา”อย่างที่พูด !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี