วันอังคาร ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันพุธ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ความจริงตลาดข้าว ไม่มักง่าย ไม่ใช่ของเด็กเล่น

ดูทั้งหมด

  •  

เวลานักการเมืองต้องการสร้างภาพว่าแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ

ถ้ามักง่าย ก็เห็นวิธีทำ 2 แบบ ได้แก่


หนึ่ง ประกาศขึงขัง ห้ามราคาตกต่ำ ห้ามสินค้าตกค้าง ห้ามโกงน้ำหนัก โกงความชื้นเกษตรกร

สอง หากราคาตกต่ำ ก็เอาเงินหลวงรับซื้อในราคาแพงกว่าท้องตลาด รัฐจะขาดทุนก็ช่างแม่ม

2 แบบนี้ คือสูตรสำเร็จแบบมักง่าย ไม่มีความจริงใจ ไร้ความรู้ความสามารถที่จะแก้ปัญหาที่แท้จริง

1. กรณีราคาข้าวเปลือกนาปรังตกต่ำขณะนี้

เราได้ยินข้อเสนอแก้ปัญหาแบบแปลกๆ มาโดยตลอด เช่น ให้ชาวนาเปลี่ยนไปปลูกกล้วย ให้เรากินข้าวมากขึ้นเพื่อช่วยชาวนา ฯลฯ

การให้ชาวนาเปลี่ยนไปปลูกกล้วย ช่วยแก้ปัญหาให้เฉพาะชาวนาที่มีพื้นที่ มีปัจจัยการผลิตพร้อมจะเปลี่ยนไปปลูกกล้วย ซึ่งก็ทำไม่ได้ทันที และคงต้องตามไปแก้ปัญหาเมื่อกล้วยราคาตกต่ำต่อไปอีกในอนาคต

ส่วนที่ให้คนไทยช่วยกันกินข้าวมากขึ้นนั้น ข้อเสนอนี้สะท้อนความไม่รู้ไม่เข้าใจโครงสร้างและระบบตลาดข้าวในระดับเป็นหลุมดำเลยก็ว่าได้

2. ความจริงโครงสร้างตลาดข้าว

ข้อมูลจากวิจัยกรุงศรี สรุปสถานการณ์ตัวเลขของโครงสร้างตลาดข้าวล่าสุด กล่าวโดยสรุป ดังนี้

“ข้าว” เป็นสินค้าเกษตรส่งออกหลักของประเทศไทยชนิดหนึ่ง

ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด (คิดเป็น 49.1% ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของประเทศ)

ครอบคลุมครัวเรือนถึง 5.2 ล้านครัวเรือน (คิดเป็น 67.1% ของจำนวนครัวเรือนภาคเกษตรทั้งหมด)

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นกลุ่มที่ได้รับโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป็นต้น ในอดีตมีโครงการรับจำนำข้าวที่นักการเมืองและพ่อค้าข้าวร่วมกันโกงกินมโหฬาร

ในรอบปีเพาะปลูก 2565/66 ไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวทั้งสิ้น 73.44 ล้านไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง

โดยการปลูกข้าวของไทยเน้นพึ่งน้ำฝน มีช่วงเวลาเพาะปลูกสำคัญตั้งแต่ช่วงเข้าหน้าฝน (นิยมปลูกช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมของทุกปี) และเก็บเกี่ยวในช่วงปลายปี (เดือนพฤศจิกายน) เรียกว่า “ข้าวนาปี” ผลผลิตมีทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว และข้าวเหนียว ซึ่งมีปริมาณรวมกันกว่า 79% ของผลผลิตข้าวรวมทั้งประเทศในแต่ละรอบปีการเพาะปลูก

ส่วนที่เหลือประมาณ 21% เป็น “ข้าวนาปรัง” คือ ข้าวที่เพาะปลูกในฤดูแล้งซึ่งต้องอาศัยน้ำจากระบบชลประทาน โดยเกษตรกรนิยมเพาะปลูกช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของปีถัดไป ส่วนใหญ่ปลูกในภาคกลางและภาคเหนือ

ข้อมูลพึงจำใส่ใจ...

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยมีผลผลิตข้าวเปลือกเฉลี่ยปีละ 31-32 ล้านตัน

นำไปสีเป็นข้าวสารได้ประมาณ 20-21 ล้านตัน

ใช้บริโภคภายใน ประเทศเฉลี่ย 10-11 ล้านตัน (ส่วนที่เหลือส่งออกและสต๊อก) ในจำนวนนี้ แบ่งเป็น

1) ข้าวเพื่อใช้บริโภคโดยตรง มีสัดส่วน 30% ของปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดของไทย ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางจำหน่ายสู่ผู้บริโภค 3 ช่องทาง คือ

1.1) การจำหน่ายในลักษณะข้าวบรรจุถุง (สัดส่วน 49.8% ของปริมาณจำหน่ายข้าวสำหรับบริโภคโดยตรงของไทยทั้งหมด) โดยช่องทางจำหน่ายหลักของข้าวสารบรรจุถุงสำหรับบริโภคของไทย ได้แก่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต (สัดส่วน 30.6% ของปริมาณจำหน่ายข้าวสำหรับบริโภคโดยตรงของไทยทั้งหมด) รองลงมาเป็น ร้านสะดวกซื้อ (12.2%) และซูเปอร์มาร์เก็ต (7.0%)

1.2) ร้านขายของชำในท้องถิ่นขนาดเล็ก (Small Local Grocers) และร้านค้าจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง มีสัดส่วน 37.9% และ 10.1% ตามลำดับ

1.3) การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) และที่ไม่ได้เป็นร้านค้า (Non-Grocery) มีสัดส่วนรวมกัน 2.2%

2) ข้าวเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรม มีสัดส่วน 25% ของปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดของไทย จำแนกตามประเภทอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้ดังนี้

2.1)   อุตสาหกรรมแปรรูปข้าวมีสัดส่วนราว 15% ของปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดของไทย อาทิ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว โจ๊กกึ่ง สำเร็จรูป เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมขบเคี้ยว แอลกอฮอล์เครื่องดื่ม น้ำมันรำข้าว และ

2.2)   อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ (ส่วนใหญ่เป็นอาหารปศุสัตว์ อาทิ สุกร ไก่ เป็ด) มีสัดส่วนราว 10%

3) ข้าวเพื่อใช้ทำเมล็ดพันธุ์ มีสัดส่วนประมาณ 5% ของปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดของไทย

ส่วนข้าวเพื่อการส่งออก มีสัดส่วนประมาณ 40% ของปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดของไทย

4) ข้าวเพื่อการส่งออก มีสัดส่วนประมาณ 40% ของปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกทั้งหมดของไทย

ปริมาณการส่งออกข้าวของไทยในปี 2566 มีสัดส่วน 39.7% ของปริมาณผลผลิตข้าวสารทั้งหมดของไทย 

โดยข้าวไทยยังคงได้รับการยอมรับด้านคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก

ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ อิรัก สหรัฐฯ จีน ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

ทั้งนี้ ประเภทข้าวที่ไทยส่งออกปริมาณมาก คือ ข้าวขาว (White Rice) รองลงมาเป็น ข้าวนึ่ง (Parboiled Rice)9/ ข้าวหอมมะลิ (Jasmine Rice) ปลายข้าว/ข้าวหัก (Broken Rice)10/ ข้าวเหนียว (Glutinous Rice) และข้าวกล้อง (Brown Rice) และข้าวอื่นๆ ตามลำดับ

ข้าวขาว เป็นประเภทของข้าวที่มีปริมาณการค้าสูงสุดในตลาดโลก โดยปริมาณการส่งออกของไทยอยู่ที่ 4.83 ล้านตันข้าวสาร คิดเป็นสัดส่วน 55.1% ของปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์ข้าวทั้งหมดของไทย

ตลาดส่งออกหลักอยู่ในภูมิภาคเอเชีย และแอฟริกา โดยส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซียสูงสุดที่ 25.7% ของตลาดข้าวขาวทั้งหมด รองลงมาเป็น อิรัก (17.6%) ฟิลิปปินส์ (8.3%) มาเลเซีย (8.2%) ญี่ปุ่น (6.7%) และโมซัมบิก (4.1%) ตามลำดับ

ทั้งนี้ ข้าวขาวจะแบ่งเป็นเกรดต่างๆ ที่มีราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสัดส่วนข้าวหัก โดยหากมีข้าวหักปนอยู่มากราคาจะต่ำลง

5) ตลาดโลกของการค้าขายข้าว

โครงสร้างตลาดข้าว ประการสำคัญ ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวที่สำคัญของโลก

ปี 2565/2566 ไทยมีผลผลิตข้าวสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก คิดเป็นสัดส่วน 4.1% ของผลผลิตข้าวทั่วโลก (รองจากจีน อินเดีย บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และเวียดนามซึ่งมีสัดส่วนผลผลิต 28.3%, 26.3%, 7.0%, 6.6% และ 5.2% ตามลำดับ)

ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลก มีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 16.0% รองจากอินเดียที่มีส่วนแบ่งตลาด 37.1% โดยมีคู่แข่งอื่นๆ ที่สำคัญ อาทิ เวียดนาม ปากีสถาน และกัมพูชา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกข้าวทั่วโลกมีสัดส่วนเพียง 10.6% ของผลผลิตข้าวทั่วโลก เนื่องจากข้าวเป็นพืชที่ปลูกเพื่อความมั่นคงด้านอาหารภายในประเทศเป็นหลัก ดังนั้น ปริมาณการค้าข้าวระหว่างประเทศจึงเป็นผลผลิตส่วนเกินจากการบริโภคในแต่ละประเทศ

ตลาดนำเข้าข้าวส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคแอฟริกา และเอเชีย ตามลำดับ 

ปีนี้ เมื่ออินเดียส่งออกข้าวเยอะ ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกต่ำลง

ดูง่ายๆ ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศผู้ส่งออกโดยเปรียบเทียบ

ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 3 เดือนล่าสุด (พฤศจิกายน 2567 – มกราคม 2568) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 0.59 ล้านตัน สร้างแรงกดให้ราคาข้าวเปลือกเจ้าที่มีความชื้น 15% รับซื้อ ณ ที่นา ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 ปรับลดลงเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 โดยปรับลดลงไปแล้วกว่าตันละ 1,400 บาท หรือลดลงแล้วกว่า 13% เมื่อผลผลิตข้าวนาปรังออกมา ก็เพิ่มภาวะที่ผลผลิตล้นกว่าความต้องการเพิ่มเติม ส่งผลให้ราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าที่มีความชื้น 15% ปรับลดลงจนเหลือที่ราคาราว 8,000 – 8,800 บาทต่อตัน

หรือปรับลดลงจากราคา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 6 แล้ว กว่า 17.0% – 24.5% (หรือลดลง 1,800 – 2,600 บาทต่อตัน)

3. แก้ปัญหาข้าว ไม่ใช่ของเด็กเล่น อย่ามักง่าย

จากความจริงของโครงสร้างการผลิตและตลาดข้าวข้างต้น ทำให้เห็นว่า การที่ราคาข้าวช่วงนี้ตกต่ำ มันมีเหตุปัจจัยอย่างไร?

แล้วถ้าคนไทยช่วยกันกินข้าวเยอะขึ้นเพื่อจะช่วยชาวนา จะต้องกินเยอะขึ้นขนาดไหน จึงจะช่วยชาวนาได้จริงๆ

คนไทยสามารถกินข้าวได้ถึง 10 ล้านตันข้าวสารหรือไม่?

แต่จริงๆ สมมุติ ถ้าคนไทยกินข้าวเยอะขึ้นขนาดนั้น ราคาข้าวในประเทศก็จะสูงขึ้น และหากแพงกว่าราคาในตลาดโลก ข้าวในตลาดโลกราคาถูกกว่าก็จะไหลเข้ามาขายในประเทศไทยเราเอง

อย่าลืมว่า เราไม่ใช่ผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก เพียงแต่เราส่งออกเยอะกว่าผู้ผลิตรายใหญ่รายอื่นๆ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มองปี 2568 เป็นปีที่ชาวนาไทยเผชิญแรงกดดันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง จากภาวะที่ราคารับซื้อข้าวปรับลดลง จากแรงกดดันของผลผลิตข้าวในปี 2567 ที่ผ่านมาสูงขึ้นถึง 34 ล้านตันข้าวเปลือก (เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ราว 2 ล้านตันข้าวเปลือก) รวมถึงแรงกดดันจากการที่อินเดียเริ่มกลับมาส่งออก

ttb analytics ประเมินต้นทุนการเพาะปลูกในปี 2567 พบว่า ต้นทุนข้าวเปลือกตกอยู่ที่ราว 7,800 – 8,900 บาทต่อตัน (ในกรณีที่เกษตรกรมีต้นทุนค่าเช่านาและเครื่องจักรกลทางการเกษตร) บนสถานการณ์ราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าที่มีความชื้น 15% ที่ 8,000 – 8,800 บาทต่อตัน และคาดว่าเมื่อข้าวนาปรังออกมาเต็มที่ สถานการณ์อาจรุนแรงมากกว่านี้

ส่งผลให้ชาวนาไทยในปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญภาวะขาดทุนที่สูง

ttb analytics มองว่า มาตรการที่รัฐออกมา 3 มาตรการ เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

ได้แก่ 1. โครงการชะลอและเก็บข้าว เพื่อช่วยลดปริมาณข้าวที่ออกสู่ตลาดในช่วงเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ราคาข้าวเปลือกทรงตัวได้ดีขึ้น 2. โครงการชดเชยดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการที่เก็บสต๊อก โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือดอกเบี้ยในอัตรา 6% แก่ผู้ประกอบการที่เก็บสต๊อก
ข้าวในช่วง 2-6 เดือน และ 3. โครงการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก โดยรัฐจะสนับสนุนค่าบริหารจัดการ 500 บาทต่อตัน เพื่อช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางจำหน่ายผลผลิตในราคาที่เหมาะสม

เห็นว่า เป็นเพียงการชะลอราคาไม่ให้ลดลงอย่างรวดเร็วจากภาวะผลผลิตที่เกินความต้องการ

ปัญหาเหล่านี้ ก็ยังคงจะต้องเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงที่มีผลผลิตข้าวสูง ซึ่งจะเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทางภาครัฐควรหามาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นอีก ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหาตั้งแต่ภาครัฐไปถึงชาวนา

พรุ่งนี้ มาติดตามต่อว่า ttb analytics นำเสนอทางแก้ปัญหาอย่างไร?

และทางรอดที่ยั่งยืนของข้าวและชาวนาไทย คืออะไร?

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
09:32 น. ‘วัดนาป่าพง’นัดตั้งโต๊ะแถลงบ่ายสามวันนี้ จับตาเคลียร์ปมร้อนหรือไม่
09:05 น. ศึกชิง‘หัวหน้าพรรค ปชป.’ใครคุมเกม-ได้เปรียบ วัดใจโหวตเตอร์เลือก‘เพื่อใคร’?
09:02 น. 'เจนี่'โพสต์แล้ว หลัง'เป้ย ปานวาด'ถอนตัวจากซีรีส์
08:30 น. ไม่ได้ดึง มันตึงเอง! ส่องความน่ารัก‘กิง-ก่อง-แก้ว’ตัวตึงแห่งสวนสัตว์เขาเขียว
08:28 น. ซิ่งกระบะขนต่างด้าว! หลบหนีจับกุมกลางดึก หวิดพุ่งชนรถตำรวจ
ดูทั้งหมด
น้ำตาคลอทั้งโซเชียล! 'เกลือ'ตั้งคำถาม'ทำไมทหารพรานต้องใส่ชุดดำ' ได้คำตอบสุดสะเทือนใจ
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'เป๊ก-เพลง'ไปต่อหรือพอแค่นี้? วงในเมาท์แรงหลังจัดตั้งครม. รู้เรื่อง!
'พุทธ อภิวรรณ'ชวนจับตา!!! คาดมีข่าวใหญ่ คนดังมีลูกศิษย์ทั่วฟ้าเมืองไทย ถูกสอบโยงผู้หญิง-เงินบริจาค
ดูทั้งหมด
ในความต่างระหว่างสีผิว
นักการเมืองปล้นอำนาจประชาชนฉีกทิ้ง รธน.
บุคคลแนวหน้า : 16 กันยายน 2568
เปิดด่านเพื่อ...?
เตโชเบาะสะแก ซำแต
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'เจนี่'โพสต์แล้ว หลัง'เป้ย ปานวาด'ถอนตัวจากซีรีส์

ไม่ได้ดึง มันตึงเอง! ส่องความน่ารัก‘กิง-ก่อง-แก้ว’ตัวตึงแห่งสวนสัตว์เขาเขียว

ซิ่งกระบะขนต่างด้าว! หลบหนีจับกุมกลางดึก หวิดพุ่งชนรถตำรวจ

'เป้ย ปานวาด'ปล่อยโฮกลางวงสื่อ เผยเหตุผลถอนตัวจากซีรีส์

บีบหัวใจ! ชาย63ทำงานกู้ชีพ ร่ำไห้เก็บศพหลานชาย จยย.แหกโค้งเสียชีวิต

ร่องมรสุมพาดผ่าน! ‘ทั่วไทย’ฝนตกหนัก-‘กทม.’ฟ้าคะนอง70%ของพื้นที่

  • Breaking News
  • ‘วัดนาป่าพง’นัดตั้งโต๊ะแถลงบ่ายสามวันนี้ จับตาเคลียร์ปมร้อนหรือไม่ ‘วัดนาป่าพง’นัดตั้งโต๊ะแถลงบ่ายสามวันนี้ จับตาเคลียร์ปมร้อนหรือไม่
  • ศึกชิง‘หัวหน้าพรรค ปชป.’ใครคุมเกม-ได้เปรียบ วัดใจโหวตเตอร์เลือก‘เพื่อใคร’? ศึกชิง‘หัวหน้าพรรค ปชป.’ใครคุมเกม-ได้เปรียบ วัดใจโหวตเตอร์เลือก‘เพื่อใคร’?
  • \'เจนี่\'โพสต์แล้ว หลัง\'เป้ย ปานวาด\'ถอนตัวจากซีรีส์ 'เจนี่'โพสต์แล้ว หลัง'เป้ย ปานวาด'ถอนตัวจากซีรีส์
  • ไม่ได้ดึง มันตึงเอง! ส่องความน่ารัก‘กิง-ก่อง-แก้ว’ตัวตึงแห่งสวนสัตว์เขาเขียว ไม่ได้ดึง มันตึงเอง! ส่องความน่ารัก‘กิง-ก่อง-แก้ว’ตัวตึงแห่งสวนสัตว์เขาเขียว
  • ซิ่งกระบะขนต่างด้าว! หลบหนีจับกุมกลางดึก หวิดพุ่งชนรถตำรวจ ซิ่งกระบะขนต่างด้าว! หลบหนีจับกุมกลางดึก หวิดพุ่งชนรถตำรวจ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อายัดบัญชีเหวี่ยงแห  ทางแก้ (จบ)

อายัดบัญชีเหวี่ยงแห ทางแก้ (จบ)

16 ก.ย. 2568

อายัดบัญชีเหวี่ยงแห  แต่ใครซื้อทองคำตุนในกัมพูชา

อายัดบัญชีเหวี่ยงแห แต่ใครซื้อทองคำตุนในกัมพูชา

15 ก.ย. 2568

คดีอาญา ป่วยทิพย์ชั้น 14  คุกหนักกว่า 1 ปี แน่นอน

คดีอาญา ป่วยทิพย์ชั้น 14 คุกหนักกว่า 1 ปี แน่นอน

12 ก.ย. 2568

นายกฯไทยคนแรกที่ติดคุก  จากคดีทุจริตประพฤติมิชอบ

นายกฯไทยคนแรกที่ติดคุก จากคดีทุจริตประพฤติมิชอบ

11 ก.ย. 2568

ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า  และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14

ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14

10 ก.ย. 2568

คืนชีพ ‘คนละครึ่ง’  แต่ต้อง ‘ไม่หยุดแค่คนละครึ่ง’

คืนชีพ ‘คนละครึ่ง’ แต่ต้อง ‘ไม่หยุดแค่คนละครึ่ง’

9 ก.ย. 2568

ทักษิณอัสดง  เพื่อไทยฝ่ายค้าน

ทักษิณอัสดง เพื่อไทยฝ่ายค้าน

8 ก.ย. 2568

นักการเมืองแย่งอำนาจกัน  อย่าบังอาจกดดันเบื้องสูง

นักการเมืองแย่งอำนาจกัน อย่าบังอาจกดดันเบื้องสูง

5 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved