วันที่ 23 เมษายนมะรืนนี้ “มาดามแพทองโพย”จะไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ นับเป็นการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งผ่านมาแล้ว 9 เดือน นับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
การเยือนประเทศกัมพูชาของ“มาดามแพทองโพย”ระหว่างวันที่ 23-24 เมษายนครั้งนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาล เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 เมษายนวานนี้ว่า เป็นไปตามคำเชิญของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และว่า “การเยือนในครั้งนี้ ถือเป็นการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี และเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคง การแก้ปัญหาข้ามแดน เศรษฐกิจ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา และความสัมพันธ์ในระดับประชาชน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค”
นอกจากนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ยังเปิดเผยด้วยว่า “มาดามแพทองโพย” มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและประธานองคมนตรีกัมพูชา, สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภากัมพูชา และเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา
อย่างไรก็ตาม “มาดามแพทองโพย”ไปเยือนกัมพูชาครั้งนี้ ว่าไปแล้วก็เหมือนญาติเดินทางไปเยี่ยมญาติ เพราะนอกจากอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร บิดาของนายกรัฐมนตรีไทย จะเป็น“เพื่อนเลิฟ”ของสมเด็จฯฮุน เซน ผู้ทรงอำนาจตัวจริงแห่งกัมพูชาแล้ว “ตระกูลชินวัตร”ก็ยังเป็น“ดอง”กับ“ตระกูลฮุน” จากการสมรสข้ามเชื้อชาติของสมาชิกในครอบครัว 2 ตระกูลนี้อีกด้วย
ในการเดินทางไปเยือนกัมพูชาวันที่ 23 เมษายนของ“มาดามแพทองโพย” ซึ่งอันที่จริงก็ถือว่าไม่ได้สลักสำคัญแต่อย่างใดนั้น ในอีกภาพหนึ่งก็เป็นวันเดียวกับที่“ทีมไทยแลนด์”-นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดการเข้าร่วมประชุมหารือกับผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐ ฯ เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับมาตรการ“กำแพงภาษี”ของสหรัฐฯ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐฯ
งานนี้จึงเห็นได้ว่า “งานเล็ก”นั้น“มาดามแพทองโพย”ทำ ส่วน“งานใหญ่”ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทำ เพราะตัวนายกรัฐมนตรีทำอะไรก็ไม่เป็น เนื่องจากขาดวิสัยทัศน์ และไม่มีความรู้ความเข้าใจมากพอที่จะไปนั่งเจรจาต่อรอง โดยที่ปัญหาใหญ่อย่างนี้มีรายละเอียดมากมาย ไม่สามารถนั่งอ่านโพยได้ ถ้ามัวแต่นั่งอ่านไอแพดแบบท่องจำ ก็ไม่ได้เรียกว่าการเจรจา เพราะฉะนั้น “นายกฯไอแพด”จึงทำได้แต่เรื่องเล็กๆ
ขนาดว่า เรื่องเล็กๆ ที่มีทีมงานคอยเขียนบทให้ท่องผ่านไอแพด ก็ยังปรากฏว่าบางครั้ง ท่องผิดท่องถูก จนรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง“ฝึกงาน” และยืนเป็นแผงพระอันดับกลั้นหัวเราะไม่ไหว ต้องขำออกมาแบบรู้สึกเวทนาอยู่ในใจ ทำนองว่า“อีหนูเอ้ย ! ทำขายขี้หน้าชาวประชาอีกแล้ว”
การเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯ ของ“ทีมไทยแลนด์”ครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการคุยกันระหว่างทีมของนายพิชัย ชุณหวชิร ทางฝั่งไทย กับฝั่งสหรัฐฯที่นำโดยนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นั้น “มาดามแพทองโพย” ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 17 เมษายนสัปดาห์ก่อนว่า
“ข้อเจรจาที่ไทยจะนำต่อรองกับสหรัฐฯ ค่อนข้างมีความแข็งแรง และมั่นใจว่าจะส่งผลบวกและเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ และจะมีการพูดคุยกันอย่างแฟร์ๆ อีกทั้งไทยกับสหรัฐฯมีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน เชื่อว่าน่าจะเป็นผลดี ส่วนรายละเอียดที่จะมีการเจรจาจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้าเป็นหลัก” โดย“มาดามแพทองโพย” ได้เน้นย้ำว่า การเจรจาจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก
ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์ของ“มาดามแพทองโพย”ครั้งนี้ ยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ก่อนหน้านี้“ทักษิณ ชินวัตร”เคยให้สัมภาษณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า ได้พูดคุยกับคนรอบตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯไปหลายคนแล้ว และหากมีจังหวะเวลาก็จะเดินทางไปสหรัฐฯ โดย“มาดามแพทองโพย”กล่าวว่า “ท่านทักษิณได้พูดคุยไปหลายคนแล้วในลักษณะไม่เป็นทางการ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างหนึ่ง ที่สามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ก่อน และทางสหรัฐฯก็อยากฟังความคิดเห็นของไทยเช่นกัน ถือเป็นการพูดคุยนอกรอบ เพื่อจะดูได้ สามารถจะซัพพอร์ตระหว่างไทยกับสหรัฐฯในเรื่องใดได้บ้าง”
ความจริงแล้ว เรื่องการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯที่ว่ามานั้น ยังเท่ากับเป็นการจับโกหกของสองพ่อลูกคู่นี้ได้อีกด้วย ว่าถนัดแต่คุยโม้โอ้อวด ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เรียกว่าตั้งแต่พ่อจับลูก“เชิด”ขึ้นนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์ มีแต่ล้างผลาญเงินของแผ่นดิน นำไปแจกในโครงการประชานิยมของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
จึงไม่แปลกที่ แม้แต่ทีมงานของ“อันวาร์ อิบราฮิม”นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านทางเฟซบุ๊ก“Anwar Ibrahim” เกี่ยวกับการพบกันระหว่างอันวาร์กับ“มาดามแพทองโพย” และ“ทักษิณ ชินวัตร”ในวันที่ 17-18 เมษายนที่ผ่านมา ก็ยังใส่เพลง“อมพระมาพูด” ของ“เสก โลโซ” และ “เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์”ประกอบในคลิปนี้
เพราะอาจจะมี“นัย”อะไรแฝงไว้ให้คิดก็เป็นได้ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี