ภายหลังจากศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายกรณีการทุจริตในโครงการจำนำข้าวเฉพาะในส่วนของการระบายข้าวแบบ
รัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี เป็นเงิน 10,028,861,880.83 บาท หรือคิดเป็น 50% ของมูลค่าความเสียหาย20,057,723,761 บาท ได้เกิดปฏิกิริยาจากผู้เกี่ยวข้อง และผู้เกี่ยวดองโดยตรงทันที
ในทางคดีนั้น ทางทีมทนายความเตรียมยื่นหลักฐานขอเปิดคดีจำนำข้าวอีกครั้ง อ้างถึงหลักฐานใหม่ คือการขายข้าว 18.9 ล้านตัน ได้เงินกว่า 140,000 ล้านบาท ซึ่งอาจหักลบกลบหนี้ทั้งหมดทำให้อดีตนายกฯ อาจไม่ต้องชดใช้เงินเลย โดยหลักฐานใหม่ที่ว่านี้ ต้องยื่นขอให้ศาลปกครองพิจารณา หรือมีคำวินิจฉัยชี้ขาดภายใน 90 วัน
ที่น่าสนใจก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทันทีต่อคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดว่า ทำให้เธอต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด
การเล่นเป็นผู้ถูกกระทำในมุมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมขึ้นทันทีในหมู่แกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ที่ออกตัวแรงและถูกวิจารณ์มากที่สุดก็คือปฏิกิริยาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน ได้โพสต์ภาพคู่กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมแชร์ข้อความบางอันที่ระบุว่า 22 พฤษภาคม ถูกปล้นความยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่อแสดงถึงความไม่เห็นด้วยต่อคำพิพากษาอย่างโจ่งแจ้ง
แม้ต่อมา ทางโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาปฏิเสธในประเด็นโจมตีที่ว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่ถ่ายรูปกับนักโทษหนีคดี โดยอ้างว่าภาพคู่ดังกล่าวเป็นภาพเก่าสมัยยังไม่ได้เป็นนายกฯ และโพสต์เพื่อให้กำลังใจอดีตนายกฯที่ต้องต่อสู้มาอย่างยาวนานเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับเจตนาของการโพสต์ และคำถามของผู้คนในสังคมถึงวุฒิภาวะความเป็นผู้นำของน.ส.แพทองธาร ว่า เหมาะสมหรือไม่ จุดยืนในฐานะนายกรัฐมนตรีว่าเป็นอย่างไร จะเลือกยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติ หรือรักษาผลประโยชน์ของเครือญาติตัวเอง
กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คืออุทาหรณ์สำหรับรัฐบาลต่อๆ ไป ต้องคิดให้จงหนักว่าจะออกนโยบายอะไรต่อมิอะไรก็ตาม ต้องรัดกุมรอบคอบ หากทำนโยบายดีๆ เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนจริงๆ โดยไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็ไม่เห็นต้องไปกลัวเกรง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายโครงการที่ไม่ได้มีปัญหาเหมือนกรณีทุจริตจำนำข้าว และศาลท่านก็ไม่ได้มาก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ถ้าโกงก็จะโดนอีกเพราะนี่คือกลไกลการปกป้องเงินภาษีของประชาชน
นอกจากนี้ ยังถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมือง และจะเป็นตัวช่วยคัดกรองอย่างดีว่า จากนี้ไปใครก็ตามที่คิดจะขึ้นมาเป็นผู้นำบริหารประเทศ ต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีความรู้
ความสามารถ มีวุฒิภาวะ และมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่จะเอาใครมาเป็นก็ได้ จนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลายเป็นสมบัติผลัดกันชม สืบทอดกันทางสายเลือดหรือตระกูลใดตระกูลหนึ่ง โดยไม่นำพาต่ออนาคตของประชาชนและประเทศชาติ
หรือแม้กระทั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็ตาม ควรจะศึกษากรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์เอาไว้มากๆ ด้วย เช่นกันว่า การเป็นผู้นำคนนั้นไม่ว่าจะระดับไหน เมื่อมีอำนาจย่อมต้องมีความรับผิดชอบใหญ่หลวงตามมาด้วย ที่สำคัญคือต้องมีสติปัญญา และมีความรู้ความสามารถจริงๆ เท่านั้น จึงจะสามารถบริหารราชการแผ่นดิน นำพาชาติบ้านเมืองไปสู่จุดหมายปลายทางได้สำเร็จ
เหมือนอย่างนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ได้กล่าวไว้ให้คิดว่า การเป็นนายกรัฐมนตรีใช่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาโดยไม่เคยมีประสบการณ์ทางการบริหาร หรือทางการเมืองใดๆ อาศัยเพียงเชื้อสายตระกูลของนักการเมืองผู้มีอำนาจเท่านั้น ท้ายสุดจะกลับเป็นภัยถึงตัวเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี