วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ทหาร ผู้ปกป้องและรักษาชาติ

ดูทั้งหมด

  •  

ประวัติศาสตร์ของชาติไทยเรา ได้ผ่านการต่อสู้กับศัตรูผู้รุกรานอยู่หลายครั้ง และในแต่ละครั้งนั้น นักรบไทยได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ เข้มแข็ง มีวินัยในการรบ จนทำให้ประสบชัยชนะได้เป็นอย่างดี

แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เป็นนักรบ แต่เป็นชาวบ้านธรรมดา เมื่อถึงเวลาที่ชาติถูกรุกราน ก็จะมีการรวมตัวเพื่อต่อสู้กับข้าศึกศัตรูอย่างห้าวหาญและเข้มแข็ง แม้ ไม่ได้ถูกฝึกให้เป็นทหาร และอาวุธที่ใช้ก็จะเป็นเพียงดาบยาวแบบชาวบ้าน มีดหรือแม้กระทั่งค้อน กระบอง และอื่นๆ แต่ก็เข้าสู้ศัตรูอย่างมิเคยพรั่น


เกียรติประวัติของชาวไทยที่ได้รวมตัวกันต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองที่ถูกบันทึกไว้และเป็นที่รับรู้กันดีคือเรื่องชาวบ้านบางระจัน ที่ได้ร่วมกันต่อสู้ภัยรุกรานจาก อาณาจักรหงสาวดี ที่จะยกมาตีกรุงศรีอยุธยาในปีพุทธศักราช ๒๓๐๘

ทัพของพม่าที่ยกมาจากทางเหนือ นำมาโดยเนเมียวสีหบดีผ่านเข้ามาทางด่านระแหง แขวงเมืองตาก จนเข้าใกล้กรุงศรีอยุธยาได้หยุดพักทัพที่เมืองวิเศษชัยชาญ เข้ากวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คน

ชาวเมืองวิเศษชัยชาญต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงคบคิดรวมตัวกันเพื่อต่อสู้ มีการรวบรวมชาวบ้านทั้งจากเมืองวิเศษชัยชาญ สิงห์บุรี สรรคบุรี โดยมีนายแท่น นายโชติ นายอินทร์ นายเมือง ได้หลอกลวงทหารของพม่าโดยนำพาทรัพย์สิ่งของที่พม่าต้องการหลบหนีทหารพม่าหลงเชื่อติดตามไปจึงถูกชาวบ้านที่เหล่านี้ฆ่าตายประมาณ ๒๐ คน ก่อนที่จะหนีไปยังบางระจัน

บางระจันเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันอยู่ในอำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เป็นจุดที่สร้างประวัติศาสตร์อันลือลั่นในการต่อสู้กับศัตรูผู้รุกราน

ชาวบ้านชาวเมืองเมื่อทราบข่าวดังกล่าวก็ติดตามเข้ามาอยู่ที่บางระจันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสพึ่งพาพระอาจารย์ธรรมโชติ พระภิกษุซึ่งมีกิตติศัพท์ในเรื่องวิทยาคม เพื่อจะได้ให้ปกป้องคุ้มภัย จนรวบรวมชาวบ้านได้ประมาณ ๔๐๐ คน ตั้งค่ายขึ้น ๒ ค่ายเพื่อป้องกันทหารหงสาวดีที่จะยกมา จัดหากำลังและศัสตราวุธเพิ่มเติมด้วย

ที่นี่เองได้มีคนไทยชั้นหัวหน้าได้ขอเข้ามาร่วมด้วยอีก ๗ คน คือ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันทร์หนวดเขี้ยวนายทองแสงใหญ่ นายดอกไม้ และนายทองแก้ว รวมมีหัวหน้าคนสำคัญของค่ายบางระจัน ๑๑ คนที่จะต่อสู้กับพม่า

พม่าได้ยกพลเข้าตีค่ายบางระจันถึง ๗ ครั้ง

ครั้งที่ ๑ ยกพลมาจำนวน ๑๐๐ คนเศษ เมื่อมาถึงบางระจัน ก็หยุดพักอยู่ที่ฝั่งลำธาร นายแท่นได้จัดคน ๒๐๐ คน ข้ามแม่น้ำไปรบกับพม่าซึ่งไม่ทันรู้ตัว ใช้อาวุธสั้นเข้าไล่ฟันแทงพม่าถึงขั้นตะลุมบอน ทหารพม่าล้มตายหมดเหลือเพียง ๒ คนที่หนีไปได้ และไปแจ้งข่าวให้เนเมียวสีหบดีที่ตั้งค่ายอยู่ ณ ปากน้ำพระประคบทราย

ครั้งที่ ๒ เนเมียวสีหบดี ให้งาจุนหวุ่นคุมคน ๕๐๐ คน มาตีค่ายบางระจัน แต่ก็ถูก นายแท่นและพรรคพวกตีทัพจนแตกพ่าย และถึงแม้จะเกณฑ์ทหารเพิ่มอีก ๗๐๐ คน ให้เยกินหวุ่นมาสมทบก็ถูกตีพ่ายอีก

ครั้งที่ ๓ เนเมียวสีหบดีเห็นว่ากำลังของบางระจันเข้มแข็ง จึงเกณฑ์คนอีก ๕๐๐ คนให้ติงจาโบคุมทัพมา แต่ก็แพ้ต่อชาวบ้านบางระจันอีกครั้ง

ครั้งที่ ๔ เป็นการรบที่ดุเดือดพม่ายกกำลัง ๑,๐๐๐ คน เป็นทหารม้า ๖๐ คน โดยมีสุรินจอข่องเป็นนายทัพ ยกมาตั้งที่บ้านห้วยไผ่ ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดอ่างทอง ฝ่ายค่ายบางระจันได้เตรียมรบโดยนายแท่นคุมกำลัง ๒๐๐ คน พันเรืองคุมกำลัง ๒๐๐ คนเช่นกัน โดยครั้งนี้ใช้ปืนคาบศิลาซึ่งยึดมาจากพม่าในการรบครั้งก่อนๆ เพื่อใช้ในการสู้รบด้วย ทัพไทยยกไปตั้งอยู่คนละฝั่งคลองกับทับพม่ายิงโต้ตอบกัน แต่การที่ไทยชำนาญภูมิประเทศมากกว่า จึงรุกไล่ฆ่าพม่าล้มตายเป็นอันมาก สุรินจอข่องนายทัพพม่าถูกฟันตายในที่รบ ส่วนนายแท่นแม่ทัพไทยก็ถูกปืนที่เข่าบาดเจ็บต้องหามออกจากที่รบเช่นกัน แต่ในที่สุดทัพไทยก็สามารถเอาชนะทัพพม่าโดยกำลังพลพม่าล้มตายไปประมาณ ๓ ใน ๔ ไทยยึดอาวุธได้เป็นอันมาก

ครั้งที่ ๕ พม่าว่างเว้นไม่ยกมาตีค่ายบางระจันประมาณ ๑๐ วัน หลังจากนั้นก็แต่งทัพมาอีก โดยมีแยจออากาเป็นนายทัพ กำลังพล ๑,๐๐๐ เศษ พร้อมด้วยม้าและอาวุธต่างๆ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ปราชัยกับชาวบ้านบางระจัน

ครั้งที่ ๖ พม่ายกมาครั้งนี้มีกำลังเพียง ๑๐๐ คนเศษ และให้จิกแกปลัดเมืองทวายคุมพลมา แต่ก็พ่ายแพ้กับฝ่ายไทยอีกเช่นเคย

ครั้งที่ ๘ ถือเป็นการรบใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยเนเมียวสีหบดีได้แต่งทัพกำลังพล ๑,๔๐๐ ให้อากาปันคยี เป็นแม่ทัพ ฝ่ายบางระจันให้ขุนสรรค์ซึ่งแม่นปืนคุมทหารป้องกันทัพม้าของพม่า และนายจันทร์หนวดเขี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่คุมพล ๑,๐๐๐ เศษออกตีทัพพม่าและล้อมค่ายไว้โดยทำการรบแบบอยู่จู่โจม พม่ายังไม่ทันตั้งค่าย ก็ถูกฆ่าตายเกือบหมดรวมทั้งแม่ทัพด้วย ทำให้พม่าพักรบนานถึงครึ่งเดือน

ครั้งที่ ๘ หลังจากพ่ายแพ้ถึง ๗ ครั้ง แม่ทัพพม่าจึงวางแผนการรบใหม่ประกอบกับได้ตัวชาวมอญผู้หนึ่งที่รู้จักภูมิประเทศดีอาสาเข้าทำการรบ จึงแต่งตั้งให้ผู้นี้ได้รับตำแหน่ง มีชื่อว่าสุกี้พระนายกองยกทัพ ๒,๐๐๐ คน พร้อมทั้งม้าและสรรพาวุธ เข้ารบกับค่ายบางระจัน โดยการตั้งค่ายเรียงราย ๓ ค่าย และสลับหมุนเข้าหาบางระจันทีละค่าย ทัพของบางระจันได้เข้าตีหลายครั้งไม่สำเร็จ เสียไพร่พลไปจำนวนมาก รวมทั้งนายทองเหม็นแม่ทัพฝ่ายไทยที่คงกระพันชาตรี พม่ารุกเข้าใกล้จนสามารถใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายค่ายบางระจันได้ ผู้นำทัพไทยที่เข้าต่อสู้ ทั้งนายแท่น ขุนสรรค์ นายจันทร์ตายในที่รบทั้งหมด เมื่อติดต่อขอปืนใหญ่ไปยังกรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้รับ ในที่สุดพม่าก็ตีค่ายบางระจันแตก รวมเวลาที่ค่ายบางระจันสามารถยันกองทัพพม่าไว้ได้เป็นระยะเวลานานถึง ๕ เดือน

นับว่าเป็นวีรกรรมที่ใหญ่ยิ่งของชนชาติไทย ที่เมื่อถึงเวลาต้องต่อสู้กับศัตรู จะต่อสู้อย่างกล้าหาญเข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ ยอมเสียแม้เลือดเนื้อและชีวิต เพื่อรักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้ให้ได้

ก็เช่นเดียวกับการเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยและเขมร จนกระทั่งมีการสู้รบที่เรียกได้ว่าเป็นสงคราม ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ เป็นต้นมา ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่า มูลเหตุที่แท้จริงเกิดมาจากผลประโยชน์มหาศาลที่ยังขัดแย้งและตกลงกันไม่ได้ของตระกูลโกงชาติ ๒ ตระกูล คือชินและฮุน ที่เป็นและเคยเป็นผู้นำของไทยและเขมร โดยผลประโยชน์นั้นน่าจะเป็นเรื่องของแหล่งทรัพยากรแก๊สธรรมชาติขนาดใหญ่บริเวณเกาะกูดที่โยงกับเรื่องเขตแดน และการจะเปิดศูนย์บันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนในไทยด้วย

ในการสู้รบครั้งนี้ ทหารกล้าของไทยทั้งจากทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ รวมทั้งตำรวจตระเวนชายแดนและอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งทุกคนมีความรักชาติเป็นอย่างยิ่งได้เข้าต่อสู้กับศัตรู
ผู้รุกรานด้วยความกล้าหาญ เข้มแข็ง มีแผนการรบที่ยอดเยี่ยม และสอดประสานแผนระหว่างหน่วยรบต่างๆ ได้อย่างดีที่สุด จนทำให้ไทยได้รับชัยชนะ ยึดพื้นที่ที่เป็นแผ่นดินของชาติที่เคยถูกเขมรรุกรานกลับคืนมาได้ถึง ๑๑ จุด เป็นวีรกรรมที่ควรได้รับการยกย่องเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็เป็นเรื่องที่ชาวไทยทุกคนเศร้าสลดและเสียใจ จากการที่เราต้องเสียวีรบุรุษผู้กล้าไปถึง ๑๕ ชีวิต และยังมีผู้ที่ต้องพิการรวมทั้งบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนประมาณ ๑๗๐ ราย ไม่รวมชาวบ้านทั้งเด็กเล็กและผู้ใหญ่ที่ต้องสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการยิงที่บ้าระห่ำของกองทัพเขมร ที่ใช้ปืนใหญ่หลายลำกล้องและลำกล้องเดี่ยว ยิงเข้ามาทำลายชุมชนทั้งโรงพยาบาล ร้านค้า บ้านเรือน ของผู้คน จนเสียหายอย่างมากมาย โดยไม่มีตระกูลโกงชาติตระกูลไหนมารับผิดชอบ

การกระทำของกองทัพเขมรนี้ เป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ป่าเถื่อน และ มีความผิดตามอนุสัญญาทั้งออตตาวาและเจนีวา อันเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยจะต้องเข้มแข็ง ในการสื่อสารให้ชาวโลกได้รับทราบ และประณามสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ตลอดจนการร้องเรียน ไปยังองค์กรที่รับผิดชอบในระดับนานาชาติทั้งหลาย

สงครามระหว่างไทยและเขมรครั้งนี้ แบ่งได้เป็น ๓ รูปแบบ คือสงครามด้วยการใช้อาวุธ สงครามการสื่อสาร คือการใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดในการกล่าวหาและทำร้ายทางด้านความคิด และสงครามของเรื่อง geopolitic เพราะมหาอำนาจบางชาติกำลังแสวงหาประโยชน์ในภูมิภาคนี้ จึงอาจจะอยู่เบื้องหลังการศึกสงครามครั้งนี้ก็เป็นได้

สงครามครั้งนี้ยังไม่จบง่ายอย่างแน่นอน ถึงแม้จะมีการเจรจากันระหว่างสองฝ่าย โดยมีชาติมหาอำนาจขอเป็นผู้สังเกตการณ์ ก็ได้แต่หวังว่าชาติที่เป็นผู้สังเกตการณ์นั้น จะไม่ทำหน้าที่เป็นสทร. จนเกิดผลร้ายต่อฝ่ายไทย โดยฝ่ายทหารจะต้องเป็นหลักของผู้แทนฝ่ายไทยในการเจรจา จะต้องรอบคอบ มีข้อมูลพร้อม วางแผนและเจรจาด้วยสติและปัญญา อย่าได้โอนอ่อนผ่อนตามหรืออ่อนแออย่างที่รัฐบาลนี้เป็นอยู่ เป็นรัฐบาลที่ควรจะออกไปเสียที ขอให้การเจรจานั้นเกิดประโยชน์สูงสุดและรักษาอธิปไตยของชาติที่เรารักไว้ได้ตลอดไป

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
16:15 น. ชุด EOD ทำลายระเบิด BM-21 ใกล้ปั๊มน้ำมันกันทรลักษ์ได้อย่างปลอดภัย
16:13 น. ‘กล้าธรรม’ ย้ำจุดยืน ‘ภาษีทรัมป์’ ต้องกระทบเกษตรกรน้อยที่สุด
16:09 น. 'สะถิระ'รับ'กล้าธรรม'เตรียมส่งชื่อชิงรองประธานสภาฯ แทน'พิเชษฐ์' ลั่นทุกพรรคมีสิทธิ์เสนอ
16:07 น. รวมพลังเหล่าทหารผ่านศึกพร้อมใจ สดุดีนักรบผู้กล้า ผู้เสียสละชานแดนไทย-กัมพูชา
16:04 น. CPF รับ 'บุตร-คู่สมรส-คนในครอบครัว' ของทหารแนวหน้าเข้าทำงาน
ดูทั้งหมด
'อ.ธรณ์'จับโป๊ะ! โพสต์แฉภาพฝูงแร้งกินศพชายแดนไทย-กัมพูชา เอารูปแร้งหิมาลัยมามั่วนิ่ม
กากเดนไทยเนรคุณแผ่นดิน! 'แอม เสาวลักษณ์'เดือดจัด โพสต์ฉะผ่านไอจี แฟนคลับแห่คอมเมนต์สนั่น!
เจอหลักฐานใหม่!! 'อ.ปริญญา'ชี้'ฮุนเซน-ฮุนมาเนต'ละเมิดรัฐธรรมนูญตัวเอง
'ต้นหอม'ไมเกรนพุ่งปรี๊ด! หลังหุ้นส่วน'บอย ภิษณุ'ออกมาแฉยับ ลั่นชาวเน็ตอยู่ข้างคนชนะพอ
'สถานทูตญี่ปุ่น'โพสต์หลังลงพื้นที่ดูผลกระทบพลเรือนไทยในพื้นที่ชายแดน
ดูทั้งหมด
‘ฮุน เซน’อาชญากรสงคราม‘ชักศึก’เข้าอาเซียน
การพัฒนาพลเมืองคุณภาพและพลเมืองตื่นรู้เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนในสังคมไทย (2)
มนุษย์ฮวยเซง (1)
ชีวิตเลือดเนื้อ และความชอบธรรมของไทย ต้องไม่สูญเปล่า
บุคคลแนวหน้า : 4 สิงหาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ชุด EOD ทำลายระเบิด BM-21 ใกล้ปั๊มน้ำมันกันทรลักษ์ได้อย่างปลอดภัย

'สะถิระ'รับ'กล้าธรรม'เตรียมส่งชื่อชิงรองประธานสภาฯ แทน'พิเชษฐ์' ลั่นทุกพรรคมีสิทธิ์เสนอ

'ฮุน มาเนต'ไม่ทอดทิ้ง! เดินหน้าเจรจาไทยเร่งปล่อยทหารกัมพูชา18นายกลับประเทศ

รวมพลังเหล่าทหารผ่านศึกพร้อมใจ สดุดีนักรบผู้กล้า ผู้เสียสละชานแดนไทย-กัมพูชา

CPF รับ 'บุตร-คู่สมรส-คนในครอบครัว' ของทหารแนวหน้าเข้าทำงาน

'ฮุนเซน'โพสต์ถามไทย ทำไมไม่ยอมส่งตัว 18 ทหารกลับกัมพูชา

  • Breaking News
  • ชุด EOD ทำลายระเบิด BM-21 ใกล้ปั๊มน้ำมันกันทรลักษ์ได้อย่างปลอดภัย ชุด EOD ทำลายระเบิด BM-21 ใกล้ปั๊มน้ำมันกันทรลักษ์ได้อย่างปลอดภัย
  • ‘กล้าธรรม’ ย้ำจุดยืน ‘ภาษีทรัมป์’ ต้องกระทบเกษตรกรน้อยที่สุด ‘กล้าธรรม’ ย้ำจุดยืน ‘ภาษีทรัมป์’ ต้องกระทบเกษตรกรน้อยที่สุด
  • \'สะถิระ\'รับ\'กล้าธรรม\'เตรียมส่งชื่อชิงรองประธานสภาฯ แทน\'พิเชษฐ์\' ลั่นทุกพรรคมีสิทธิ์เสนอ 'สะถิระ'รับ'กล้าธรรม'เตรียมส่งชื่อชิงรองประธานสภาฯ แทน'พิเชษฐ์' ลั่นทุกพรรคมีสิทธิ์เสนอ
  • รวมพลังเหล่าทหารผ่านศึกพร้อมใจ สดุดีนักรบผู้กล้า ผู้เสียสละชานแดนไทย-กัมพูชา รวมพลังเหล่าทหารผ่านศึกพร้อมใจ สดุดีนักรบผู้กล้า ผู้เสียสละชานแดนไทย-กัมพูชา
  • CPF รับ \'บุตร-คู่สมรส-คนในครอบครัว\' ของทหารแนวหน้าเข้าทำงาน CPF รับ 'บุตร-คู่สมรส-คนในครอบครัว' ของทหารแนวหน้าเข้าทำงาน
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทหาร ผู้ปกป้องและรักษาชาติ

ทหาร ผู้ปกป้องและรักษาชาติ

4 ส.ค. 2568

หรือไทยจะต้องพิชิตศึกละแวกอีกครั้ง

หรือไทยจะต้องพิชิตศึกละแวกอีกครั้ง

28 ก.ค. 2568

คนไทยจะไม่ยอมให้ใครรุกรานดินแดน

คนไทยจะไม่ยอมให้ใครรุกรานดินแดน

21 ก.ค. 2568

นิรโทษกรรมทำเพื่อใคร

นิรโทษกรรมทำเพื่อใคร

14 ก.ค. 2568

นักการเมิอง มนุษย์ประเภทไหน

นักการเมิอง มนุษย์ประเภทไหน

7 ก.ค. 2568

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

30 มิ.ย. 2568

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved