การลาออกของจอมพล ป.พิบูลสงคราม วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ทำให้ทางสภาผู้แทนราษฎรต้องปรึกษาหารือกัน เพื่อหาบุคคลที่จะรับหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก่อนหน้านั้นผู้คนก็ยังไม่แน่ใจว่าใครที่จะขึ้นมาเป็นนายกฯแทนจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งแน่นอนละก็คงต้องเป็นบุคคลในคณะผู้ก่อการฯนั่นเอง คนที่เหมาะสมน่าได้รับการพิจารณาให้เป็นน่าจะมีอยู่สองคน ท่านแรกคืออดีตนายกรัฐมนตรี พลตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะผู้ก่อการฯซึ่งเป็นนายทหารอาวุโส แต่พระยาพหลฯก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เพราะเป็นอัมพฤกษ์อยู่ ไม่สะดวกในการทำหน้าที่ ส่วนคนที่สองก็คือหัวหน้าคณะผู้ก่อการฯสายพลเรือน นายปรีดี พนมยงค์ แต่ในเวลานั้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญยิ่งตำแหน่งหนึ่งของประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นพลพรรคผู้ก่อการที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในเวลานั้น จึงต้องมองหาผู้ก่อการฯคนอื่นที่เป็นที่ยอมรับและเหมาะสมในสถานการณ์ในวันนั้น โดยได้มาลงเอยกันที่นายควง อภัยวงศ์ ที่ในเวลานั้นเป็นผู้นำหมายเลข 2 ของอำนาจนิติบัญญัติ คือเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร การตกลงเลือก นายควงเป็นหัวหน้ารัฐบาลครั้งนี้ จะเป็นเรื่องปัจจุบันทันด่วนหรือเป็นเรื่องที่วางแผนกันมาล่วงหน้า หรือไม่ก็ตามแต่แสดงว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับหลวงพิบูลสงครามในตอนนั้นดำเนินการได้อย่างรวดเร็วมาก
วันรุ่งขึ้น 2 สิงหาคม ก็ได้มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดแรกของนายกรัฐมนตรี ควง อภัยวงศ์ ที่ประกอบด้วยรัฐมนตรีทั้งหมดรวมทั้งนายกรัฐมนตรีจำนวน 19 คน โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีนั้นได้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการอยู่อีก 2 กระทรวง คือ กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม ที่น่าสังเกตก็คือคณะรัฐมนตรีชุดนี้ได้ทหารเรือที่เป็นพวกผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้เป็นรัฐมนตรีมากถึง 5 นาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลเรือโท หลวงสินธุสงครามชัย ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ส่วนนายทหารเรืออีก 4 ท่าน มีพลเรือตรี หลวงนาวาวิจิตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นาวาเอก หลวงศุภชลาศัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนาวาเอก ทหาร ขำหิรัญ กับนาวาเอก ชลิต กุลกำม์ธร เป็นรัฐมนตรีลอย สำหรับนายทหารบกที่น่าสังเกตก็คือพลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา กับ พลโท หลวงสินาดโยธารักษ์ เป็นรัฐมนตรีแต่ 2 นายทหารบกนี้ จะเป็นผู้ที่มีบทบาทต่อไปในกองทัพบก ที่น่าสนใจประการหนึ่งก็คือรัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ได้ตั้งขุนสมาหารหิตะคดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลของหลวงพิบูลสงคราม ที่เพิ่งลาออกไปให้เป็นรัฐมนตรีลอยในรัฐบาลนี้ด้วย
ในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2487 นายกรัฐมนตรี ควง อภัยวงศ์ ได้นำคณะรัฐบาลเข้าแถลงนโยบายต่อสภาฯ ซึ่งนายควงขอแถลงนโยบายแต่เพียงสั้นๆ และจากนโยบายของรัฐบาลนั้น
ที่น่าสนใจอยู่ในเรื่องนโยบายต่างประเทศ เพราะในวันนั้นรัฐบาลยังจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันญี่ปุ่นที่มีทหารอยู่เต็มเมืองไทย และอย่างที่เรารู้กันในภายหลังคือตอนนั้นในเมืองไทยก็มีขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นที่เรียกว่า เสรีไทยที่ร่วมมือประสานงานกับฝ่ายสัมพันธมิตรในการดำเนินการสงครามอยู่ นายควงได้แถลงว่า “รัฐบาลนี้จะได้ร่วมมือกับญี่ปุ่นโดยใกล้ชิดตามสัญญาพันธกรณีที่ได้มีต่อกันไว้ด้วยดี ส่วนกับนานาประเทศอื่น รัฐบาลนี้จะพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์ทำไมตรี ตามสนธิสัญญาซึ่งมีอยู่ต่อกันและกันด้วยดี”
ที่น่าสังเกตก็คือรัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ชุดนี้ดูจะได้รับการกล่าวถึงอย่างชื่นชมไม่มากนัก ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีพลเรือนแม้จะเป็นผู้ก่อการฯคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่สามารถเผชิญหน้ากับญี่ปุ่นที่มีทหารอยู่เต็มเมืองไทย และเป็นยามที่มีเสรีไทย ได้ปฏิบัติการมากขึ้น แต่รัฐบาลของนายควง อภัยวงศ์ ก็เอาตัวรอดได้ตลอดมา จนสามารถประกาศวันสันติภาพได้หลังจากญี่ปุ่นยอมจำนวนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี