วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หลังเริ่มหยุดยิงชั่วคราว ไทย-กัมพูชา...
พอฝุ่นจาง เราได้เห็นความจริง ว่าทหารไทยยึดกุมสภาพพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทุกจุด
มากกว่าสมัยรัฐบาลอังเคิลอยากได้อะไรขอให้บอก มากมาย
พื้นที่ส่วนน้อยบางจุด ทหารไทยเข้ายึดพื้นที่โดยตรงยังไม่ได้ แต่สามารถควบคุมการใช้พื้นที่ จำกัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายเขมรได้มากกว่าเดิม เพราะใช้วิธีควบคุมผ่านพื้นที่โดยรอบและจุดสูงข่มใกล้เคียง
ที่สำคัญ เราเห็นทหารไทยได้ “พักรบชั่วคราว” ได้โทรหาลูกเมียพ่อแม่ ได้อาบน้ำหลังจากหลายคนไม่ได้อาบมา 20 วัน ได้กินข้าวแบบไม่ต้องมีเสียงระเบิดดังขับกล่อม ประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชามีความหวังกลับบ้านช่วงปีใหม่
ฯลฯ
1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ภายหลังการลงนามถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement)
นายกฯ อนุทินยืนยันว่า เข้าใจความกังวลของประชาชน แต่ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการทำงานของกองทัพและ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
“…ได้รับรายงานล่าสุดจากกองทัพว่าการปฏิบัติการได้บรรลุเป้าหมายตามแผน โดยสามารถสถาปนาบูรณภาพแห่งดินแดนในทุกพื้นที่สำคัญได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเหตุปะทะที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นการดำเนินการตามหลักการใช้กำลัง (Rule of Engagement)เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ
…รัฐบาลยึดหลัก “ตารางนิ้วเดียวก็ไม่เสีย” และยืนยันว่าพื้นที่ที่เคยถูกล่วงล้ำได้ถูกนำกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของไทยทั้งหมดแล้ว พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการดำเนินการเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ร่วมกันระหว่างรัฐบาลและกองทัพ..”
ในมิติการทูต นายกฯ อนุทิน ระบุว่า เป็นหน้าที่ของ กระทรวงการต่างประเทศ และกลไกการเจรจาภายใต้คณะกรรมการ GBC โดยเปิดเผยว่า หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้เชิญนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เดินทางไปหารือที่นครคุนหมิง ในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ตามกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เคยตกลงกันไว้ในเวทีอาเซียน
.jpg)
.jpg)
2. ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง ที่ปรึกษารมว.กลาโหม เปิดเผยเบื้องหลังการลงนามจันทบุรี
ระบุว่า การลงนามที่จันทบุรี ถือว่าเข้าแนวทางของเราตามที่ต้องการแล้ว ผมขออธิบายเบื้องหลังครับ
“1. กองทัพไทยได้สถาปนาพื้นที่ความมั่นคง และพื้นที่ของไทยกลับในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ ตามที่กำหนดทุกจุด (ส่วนจุดอื่นๆ ที่ในโลกโซเชียลถามกัน ทำไมไม่เอาเนินนั้น เนินนี้ ตรงนี้กองทัพเค้ากำหนดแผนปฏิบัติเองของเขาครับ)
2. การบังคับ และดึงกัมพูชาให้มาพูดคุยเจรจาในกรอบทวิภาคีของทั้งสองประเทศเท่านั้น ถือว่าเป็นการป้องกัน “อำนาจอื่นแทรก” กัมพูชาจะไม่สามารถดิ้นไปหา“อำนาจอื่น” มาช่วยเหลือได้
3. หากใน 72 ชั่วโมง กัมพูชาละเมิด ถือว่ากัมพูชาละเมิด เราตอบโต้ทางทหารคืนทันที
4. ภาพการลงนามนี้ เพื่อให้ประชาคมโลกที่ถูกกัมพูชาปั่นข้อมูลข่าวสาร ว่าเป็นเหยื่อ ถูกไทยกระทำ จะเป็นการหักล้างว่า เราเริ่มกระบวนการเจรจานี้เอง เพราะ หากธรรมชาติการรุกรานชาติที่ได้เปรียบจะไม่ยอมเจรจาอย่างเด็ดขาด จะรบต่อไป แต่กรณีของไทย ต้องการหน่วงอารมณ์ผู้คนทั้งโลกหันมาเข้าใจว่า เราไม่ได้เริ่มยิงก่อน เราตอบโต้ตามลำดับสัดส่วน จนถึงขั้นทำลายพื้นที่ระดับลึกทางทหาร โดยที่ระมัดระวังไม่ให้กระทบพื้นที่พลเรือนชาวกัมพูชาเลย เราเล่นไพ่ที่ชื่อว่า อารยะ เมื่อจั่วลงไปแล้ว โลกจะเข้าใจไทยมากขึ้น
5. เราไม่ใช่สังคมป่าเถื่อน ที่จะทะเลาะตบตี โดยยับยั้งชั่งใจเองไม่ได้ถ้าหยุดไม่ได้“อำนาจอื่น” จะมาแทรกแซงและจะกำหนดบทลงโทษ และเยียวยาชาติที่เล็กกว่าเสมอ (กรณีที่กัมพูชาได้ มาสัญญาว่า“จะให้” กับชาติมหาอำนาจที่เข้ามาเอี่ยว)
6. เราไม่ได้แพ้ในการเจรจา ย้ำนะครับ ไม่ได้แพ้ในทางทหาร แต่เรากำลังบริหารจัดการเกมทางการทูต การต่างประเทศ
7. ทุกสมรภูมิย่อมมีการเจรจา วันหนึ่งทุกคนต้องกลับไปใช้ชีวิตปกติสุข ไม่มีคำว่าสูญเปล่า ครับ เราได้พื้นที่ของเราคืน เขมรเจ็บหนักแทบสิ้นสภาพ การเมืองเขมรถูกเขย่าหนัก สแกมเมอร์กระทบหนัก ขอให้ใจเย็นๆ มีสติกัน นะครับ เราลุยต่อแน่ถ้าเขาเบี้ยว
ป.ล. อยู่เคียงข้างประเทศไทย”
3. เมื่อเขมรแทบสิ้นสภาพการรบ และไทยก็ไม่ประสงค์บุกเข้ายึดดินแดนเขมร
คุณพีระชาติ อินตา สรุปข้อมูลเชิงลึก ประกอบความคิดเห็น พร้อมข้อสังเกตน่าสนใจ ระบุว่า
“ล่าสุด ผมได้รับทราบรายงานการวิเคราะห์การรบ: “หยุดยิง” หรือ “พักยก”เพื่อจัดกระบวนทัพใหม่?
วันนี้ เสียงปืนตามแนวชายแดนสงบลงหลังการลงนามหยุดยิงแล้ว แต่ในฐานะคนติดตามสถานการณ์ ผมขอเตือนให้เรามองข้ามผ่านม่านควันแห่งสันติภาพนี้ไปให้ดี ข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกที่ผมได้รับรายงานมานั้น “น่าอึ้ง” และผมท้าให้คุณหลับตานึกภาพตามว่า ทำไมกัมพูชาถึงเลือก “จบเกม” ในวินาทีที่เข็มนาฬิกาเดินมาถึงจุดนี้!
1. ยอดความเสียหายที่สื่อมองไม่เห็น: “หน่วยรบที่ละลายหายไปในป่าลึก”
หน้าสื่อรายงานยอดตายหลักร้อย แต่ในทางยุทธศาสตร์สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “สภาวะสิ้นสภาพการรบ”
นึกภาพตามนะครับ: หากเราสันนิษฐานจากอัตราการยิงสนับสนุนและประสิทธิภาพของอาวุธนำวิถีไทย เป็นไปได้สูงว่าหน่วยรบแถวหน้าของกัมพูชาอาจประสบสภาวะ“หน่วยละลาย” (Combat Ineffectiveness) ไปแล้วกว่า 3,000 - 5,000 นาย ไม่ใช่แค่การสูญเสียชีวิต แต่คือความพินาศของสายการบังคับบัญชาที่ทำให้พวกเขา “คุมทัพไม่อยู่” จนต้องรีบคว้าใบหยุดยิงมาเป็นเกราะคุ้มกัน!
2. เขี้ยวเล็บที่หักคามือ: “สงครามที่เทคโนโลยีสยบปริมาณ”
สื่อบอกรถถังพังไม่กี่คัน แต่ความจริงที่น่าตกใจคือความพินาศของ “โครงสร้างพื้นฐานทางการทหาร”
จุดบอดในสนามรบ: นึกภาพซากรถถัง T-55 ที่เคยเป็นความภูมิใจ จอดทิ้งเป็นเศษเหล็กดำเป็นตอตะโกอยู่ตามไหล่เขาพระวิหารและช่องตาควาย เพราะถูกระบบ Electronic Warfare (EW) ของไทย Jamming จนกลายเป็น “คนตาบอด” ท้องฟ้ากัมพูชาที่เคยคุยว่ามีระบบป้องกันดีเยี่ยม กลับเปิดโล่งจนไทยคุมเกมได้ 100% นี่คือ “บาดแผลลึก” ที่ทำให้กองทัพเขาเสียศูนย์จนถึงกระดูก!
3. ท่อน้ำเลี้ยงขาดสะบั้น: “แรงงานล้านคนกับเศรษฐกิจที่รอวันระเบิด”
ไทยไม่ได้รบแค่ด้วยปืน แต่เราตัด “หัวใจ” ของผู้มีอิทธิพล
อวสานทุนเทา: การกวาดล้างนิคมสแกมเมอร์ชายแดนคือการตัดเงินมืดนับหมื่นล้านบาท
ระเบิดเวลา 1.2 ล้านลูก: นึกภาพแรงงานที่เดินเท้ากลับบ้านด้วยความโกรธแค้นและหิวโหย คนกลุ่มนี้คือ “สึนามิทางสังคม” ที่กำลังจะมุ่งหน้าไปถามหาความรับผิดชอบจากพนมเปญว่า “พาประเทศไปรบจนคนอดตายเพื่ออะไร?” นี่คือวิกฤตศรัทธาที่อาจนำไปสู่จุดจบของอำนาจเก่าได้ทุกเมื่อ
4. วิเคราะห์ 72 ชั่วโมงอันตราย: “พักยกเพื่อเติมของ หรือ ยอมแพ้จริง?”
นี่คือจุดที่ผมอยากให้ทุกคนจับตาให้ดีที่สุด ภายใน 72 ชั่วโมงนับจากนี้:
สมมุติฐานการเติมของ (Re-arm): มีความเป็นไปได้สูงว่ากัมพูชาอาจใช้ช่วงเวลานี้ในการ “จัดระเบียบใหม่” ลำเลียงศพและทหารที่บาดเจ็บออกจากสายตาโลก และที่น่ากังวลคือการ “เติมอาวุธชุดใหม่” จากพี่ใหญ่เพื่ออุดช่องโหว่ที่พังพินาศ
การเปลี่ยนแนวรบ: เมื่อรบตามแบบสู้ไทยไม่ได้ มีข้อสันนิษฐานว่าเขาอาจเปลี่ยนยุทธวิธีไปสู่ “สงครามอสมมาตร” หรือการลอบโจมตีและวางกับระเบิดตามแนวตะเข็บชายแดน เพื่อรักษาฐานอำนาจในบ้านตัวเองไว้
บทสรุป: ความสงบที่มีราคาต้องจ่าย
การหยุดยิงในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ อาจไม่ใช่ภาพของผู้ชนะที่ประนีประนอม แต่มันคือ “คำขอชีวิต” ของกัมพูชา เพื่อประคองไม่ให้ระบบเศรษฐกิจและกองทัพล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา
สงครามจบลงชั่วคราว... แต่นรกของจริงในพนมเปญเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ไทยเราต้องไม่ลดการป้องกัน เพราะในนาทีที่เขาร้องขอสันติภาพ อาจเป็นนาทีเดียวกับที่เขากำลังเตรียม “หมากกระดานใหม่” มาเล่นงานเราในวันที่เราเผลอครับ!” - พีระชาติ อินตา
4. การที่ฝ่ายไทยเราพิจารณาข้อเรียกร้องหยุดยิงของกัมพูชา และได้ยื่นเงื่อนไขให้ฝ่ายกัมพูชาต้องยอมรับ ยื่นอยู่ 6 ครั้ง จนกัมพูชาก็ต้องยอมรับในที่สุด
สะท้อนว่า ไทยเรารบอย่างมีสติ ไม่ใช่รบบ้าคลั่งสงคราม แต่มีแบบแผน มียุทธศาสตร์
และคำนึงถึงทุกสนามรบ ทุกมิติ
ทั้งสนามรบทางการทหาร และสนามรบทางการทูต การเมืองระหว่างประเทศ
การยอมหยุดยิงชั่วคราว ตามเงื่อนไขระหว่างสองประเทศ ไม่ใช่สงบศึกแล้ว แต่เป็นการตัดช่องมิให้ต่างชาติ มหาอำนาจ มือที่สาม หรือยูเอ็น เข้ามาแทรกแซง มาเป็นตัวกลาง
ตอนนี้ ทุกอย่างยังเป็นเรื่องระหว่างไทย-กัมพูชา แค่ 2 ประเทศเท่านั้น
ประเทศอื่น ก็เป็นเพียงมิตรประเทศ แสดงความปรารถนาดี แต่การตัดสินใจขึ้นอยู่กับ 2 ประเทศเท่านั้น
รูปการณ์นี้ เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย ในระยะยาว
เพราะถ้ารบกันอีกรอบ ไทยเราก็ยืนยันได้ว่า เราเคยให้โอกาสกัมพูชาแล้ว เคยหยุดยิงชั่วคราวแล้ว ตามเสียงเรียกร้องของนานาชาติ แต่จากนั้น เป็นฝ่ายกัมพูชาละเมิดอีกจนต้องกลับมายิงอีก (ถ้าต้องรบต่อ)
ส่วนปัญหาเขตแดน ระหว่างดำเนินการตามกลไกทวิภาคี เขตแดนก็เป็นไปตามแนวรั้วของชาติ หรือแนวที่ทหารไทยยึดไว้ได้ในขณะนี้ทั้งหมดนั่นเอง
หลังจากนี้ รัฐบาลควรทำรั้วชายแดน เสริมบังเกอร์ทหาร ทำป้อมปืนให้เข้มแข็งบำรุงกำลังรบให้พร้อมสรรพ พร้อมรบจนกัมพูชาเข็ดขยาดที่จะรบ ประชาชนของเราจึงจะปลอดภัย และยังต้องเดินหน้าปราบสแกมเมอร์ ทำสงครามกับสแกมเมอร์ฉ้อโกงออนไลน์ต่อไปด้วย
ซึ่งพรรคภูมิใจไทยของนายกฯ อนุทิน ก็มีนโยบายเรื่องนี้ชัดเจน เดินหน้าต่อไป
สารส้ม

พรรคอนาคตไทย พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง จับได้เบอร์ 15 ลั่นคนไทยส่วนรวมต้องมาก่อน ชูทำจริง ไม่ทิ้งพื้นที่
ปิดด่านชายแดนพ่นพิษ กัมพูชาเผยยอดนำเข้าจากไทยวูบ ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว
อดีตนักฟุตบอลไทย พลิกบทบาท เป็น ทหารรับใช้ชาติ ช่วยยึดเนิน 350 คืนจากกัมพูชา
จีนเปิดชื่อ 4 นักบินอวกาศหนู ร่วมภารกิจเสินโจว-21 แต่ละชื่อความหมายดีมาก
เช็คเลยมีใครบ้าง! เปิดรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯ 73 คน จาก 34 พรรคการเมือง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี