วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ“บิ๊กเล็ก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเรา ไปลงนามหยุดยิง กับ พล.อ.เตีย เซยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดเวลาดูใจกัน คือดูใจเขมรว่าภายใน 72 ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันลงนามเป็นต้นไป เขมรจะเบี้ยวเหมือนครั้งก่อนๆ หรือไม่ จากนั้นทั้งสองฝ่ายจึงดำเนินการกันต่อนั้น ทำให้“บิ๊กเล็ก”ต้องกลายเป็นเป้านิ่งถูก“ไทยมุง”ถล่มจากทุกทิศทุกทาง
“บิ๊กเล็ก”ถูกถล่ม เพราะไปลงนามหยุดยิงทั้งที่คนไทยส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ถึงอย่างไรเขมรก็เบี้ยว เพราะสันดาน“ฮุนเซน”เป็นอย่างนั้น คือปลิ้นปล้อนกลับกลอก สัญญาไม่เป็นสัญญา และควรต้องจัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้สาสมกับสงครามทั้งสองรอบที่เขมรผู้รุกรานเป็นผู้ก่อ และทำให้เราสูญเสียทหารกล้าไปถึง 43 นาย และเสียขาอีก 10 นาย
อันที่จริงการลงนามของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ในครั้งนี้ ก็เป็นไปตามมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธาน และมีผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ รวมทั้งตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงภายในของไทย เช่น กระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการ โดยที่ประชุมเห็นว่า อย่างน้อยเราก็สามารถยึดดินแดนที่เป็นของเราและเขมรรุกล้ำกลับคืนมาได้ ซึ่งตามที่ พล.อ.ณัฐพลกล่าว เรายึดคืนกลับมาได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ เป็นพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อประชาชนและต่ออธิปไตยเรา สำหรับที่เหลือก็แค่พื้นที่บางส่วนที่ต้องนำกำลังไปวาง
อีกทั้ง ไทยก็ไม่ใช่เขมรที่เหมือนกับเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ซึ่งถ้าไทยเป็นอย่างเขมรก็คงต้องเดินหน้ายึดกรุงพนมเปญ แล้วจับ“ฮุนเซน”เชือด ถึงจะจบสิ้นแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ไทยเป็นราชอาณาจักรที่ยืนอยู่บนเวทีโลกอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี คงไปทำอย่างนั้นไม่ได้ และครั้งนี้ก็ต้องถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังการลงนามผ่านไปจนถึงเที่ยงวันวันที่ 28 ธันวาคมเมื่อวานนี้ นับเป็น 24 ชั่วโมงแรก สถานการณ์มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น ทุกแนวรบในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน“ไทย-กัมพูชา”ซึ่งเคยปะทะกันอย่างดุเดือด เหตุการณ์เป็นปกติ ไม่มีการยิง ไม่มีเสียงตูมตามของปืนใหญ่และจรวด ทั้งสองฝ่ายวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง และสำคัญที่สุดไม่มีปฏิบัติการที่เป็นการยั่วยุจากฝั่งเขมรมายังฝั่งไทย
ถ้าภายใน 72 ชั่วโมง โดยที่ทั้งสองฝ่ายหรือพูดให้ชัดก็คือเขมรไม่เบี้ยว เมื่อครบกำหนดเวลา 12.00 น.ในวันอังคารที่ 30 ธันวาคมพรุ่งนี้ ทางฝ่ายเราจะส่งตัวทหารกัมพูชา 18 นาย
ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกตั้งแต่เขมรเปิดสงครามรุกรานไทยรอบแรกระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568 กลับประเทศ
จากนั้น ก็ลงไปในรายละเอียดกันต่อ ตามข้อตกลงที่ได้มีการลงนามระหว่าง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ กับ พล.อ.เตีย เซยฮา ซึ่งโดยสรุปมี 7 ประเด็นสำคัญจากทั้งหมด 16 ข้อตกลง ที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568-นั่นก็คือ
หนึ่ง-ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะอนุญาตให้พลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ กลับคืนสู่ภูมิลำเนาโดยเร็วที่สุด โดยปราศจากการขัดขวาง และด้วยความปลอดภัยและศักดิ์ศรี สู่บ้านเรือนและการดำรงชีพตามปกติในพื้นที่ภายในฝั่งของตนเอง
สอง-ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่เพิ่มกองกำลังตลอดแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ซึ่งการเสริมกำลังใดๆ จะเป็นการเพิ่มความตึงเครียดและส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความพยายามระยะยาวในการแก้ไขสถานการณ์
สาม-ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ดำเนินการยั่วยุใดๆ ที่อาจยกระดับความตึงเครียด ซึ่งรวมถึงกิจกรรมทางทหารที่รุกล้ำเข้าน่านฟ้าและดินแดน หรือที่มั่นของอีกฝ่าย ณ เวลาที่หยุดยิง โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการก่อสร้างหรือปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร หรือป้อมปราการใดๆ ที่อยู่นอกเหนือฝั่งของตนเอง
สี่-ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ใช้กำลังใดๆ ต่อพลเรือนและวัตถุทางพลเรือนในทุกสถานการณ์ ด้วยเหตุที่การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อชุมชนในพื้นที่ชายแดน แต่ยังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และทำลายภาพลักษณ์ในระดับโลกของฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตาม
ห้า-ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ
หก-ทั้งสองฝ่ายยืนยันพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอนระเบิดสังหารบุคคลและการทำลายระเบิด (อนุสัญญาออตตาวา-Ottawa Treaty) ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันผ่านคณะทำงานประสานงานร่วม (JCTF) ว่าด้วยการเก็บกู้วัตถุระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ได้ตกลงกัน เพื่อให้เกิดความคืบหน้าในการเก็บกู้วัตถุระเบิดตามแนวชายแดนอย่างทันท่วงที
เจ็ด-ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะยึดมั่นในแผนปฏิบัติการเพื่อความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงแก๊งสแกมเมอร์ทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย และยืนยันความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือโดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการฉ้อโกงออนไลน์ การจัดการกับการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในทางที่ผิด และการส่งเสริมข้อมูลที่รับผิดชอบและถูกต้อง ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความไว้วางใจ เสถียรภาพ และความสัมพันธ์ฉันเพื่อนบ้านที่ดี
บรรทัดนี้ก็คงจะพูดได้แต่เพียงว่า ต้องจับตาดูกันต่อไป ถ้าเขมรเบี้ยวอีกเหมือนที่เคยเบี้ยวซ้ำซากมาแล้ว ก็เห็นทีว่าไทยไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากเปิดศึกทุกแนวรบ ทำลายที่มั่นทางทหารและคลังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของเขมรทั้งหมดให้ราบเป็นหน้ากลอง แล้วยาตราทัพไปให้ถึงกรุงพนมเปญ เพื่อจับตัวสองพ่อลูก“ตระกูลฮุน”คือ“ฮุนเซน”และ “ฮุน มาเนต”มาดำเนินคดีในประเทศไทย
โดยที่เวลานี้ ทั้ง“ฮุนเซน”และ“ฮุน มาเนต”ได้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนอกราชอาณาจักรของไทย จากการที่นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งรับคดีที่ พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้ยื่นขอให้ดำเนินคดีกับสองพ่อลูกเขมร ในความผิดฐานสั่งการให้ทหารกัมพูชายิงทั้งปืนและระเบิดลงมาตกในพื้นที่ 4 จังหวัดชายเเดนไทย คือ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอุบลราชานี
คดีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ระบุว่า เป็นผลจากการที่กัมพูชาก่อสงครามรุกรานไทยครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2568 เป็นเหตุให้พลเรือนไทยเสียชีวิต 32 ราย เเละบาดเจ็บ 238 คน ทรัพย์สินเสียหายเกือบ 100 ล้านบาท
คิดแล้วก็อยากให้เขมรเบี้ยวข้อตกลง จะได้สุดๆ และสิ้นเรื่องสิ้นราวกันไปเลย ซึ่งไม่เพียงแต่เขมรจะสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนานเท่านั้น “ทรราชเขมร”สองพ่อลูกตัวการสำคัญก็ถูกเด็ดหัวด้วย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

พรรคอนาคตไทย พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง จับได้เบอร์ 15 ลั่นคนไทยส่วนรวมต้องมาก่อน ชูทำจริง ไม่ทิ้งพื้นที่
ปิดด่านชายแดนพ่นพิษ กัมพูชาเผยยอดนำเข้าจากไทยวูบ ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว
อดีตนักฟุตบอลไทย พลิกบทบาท เป็น ทหารรับใช้ชาติ ช่วยยึดเนิน 350 คืนจากกัมพูชา
จีนเปิดชื่อ 4 นักบินอวกาศหนู ร่วมภารกิจเสินโจว-21 แต่ละชื่อความหมายดีมาก
เช็คเลยมีใครบ้าง! เปิดรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯ 73 คน จาก 34 พรรคการเมือง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี