จากกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรวม 34 ราย
ละเว้นการปฏิบัติไม่ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของประเทศ จำนวน 1,921,061,629 บาท กรณีจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ และช่วยเหลือพวกพ้องของตนเองนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2560 น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลายคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. คาดว่าภายในเดือน ก.ย. 2560 จะสามารถชี้มูลความผิดได้
ทันทีที่ปรากฏข่าวนี้ “เหวง โตจิราการ” ก็พรวดพราดออกมาให้ความเห็นทันทีว่า “กรณี ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่จ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองนั้น ตนไม่เข้าใจว่า ใจจริงของ คสช. ต้องการความปรองดองจริงหรือไม่ เพราะเรื่องนี้มีมติให้จ่ายผู้เสียหายทั้งเหลืองทั้งแดง จ่ายเป็นการเยียวยาเพื่อลดความไม่พอใจของคน เงิน 7.5 ล้านที่ให้กรณีเสียชีวิตนั้น ก็ให้จากการคำนวณค่าเสียหายอย่างสมเหตุผลแล้วจริงๆ”
ช่างบิดเบือนกันอย่างไม่เกรงใจสมองของคนเคย “เรียนหมอ” มาก่อนบ้างเลยแฮะ ประเด็นที่มีคนไปร้องและ ป.ป.ช. ตรวจสอบ คือ การเอาเงินของรัฐมาจ่าย มันต้องมีกฎหมายรองรับให้ทำ กรณีนี้ ใช้กฎหมายใดรองรับ ถ้าไม่มี ก็ทำไม่ได้ แค่นั้นเองครับ
เรื่องนี้-เริ่มต้นเมื่อเดือน พ.ค. 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม 34 ราย กรณีอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2555 และเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2555 เห็นชอบให้มีการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553 และให้ใช้งบประมาณจากงบประมาณรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 2 พันล้านบาท มาใช้ในการดำเนินการดังกล่าว โดยออกหลักเกณฑ์และอัตราเยียวยาขึ้นใหม่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกฎหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว
นำเรื่องนี้ไปถาม อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. กันทีละข้อๆ ดีกว่า
n ถามโดยหลักการทั่วไปก่อนนะครับ เมื่อเกิดเหตุจลาจลขึ้น โดยปกติแล้วความเสียหายในเหตุจลาจล ตกแก่ใครได้บ้าง?
มีทั้งเจ้าหน้าที่ที่โดนยิงตายหรือบาดเจ็บ มีทั้งชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เป็นแม่ค้าขายของก็โดนมือมืดสร้างสถานการณ์ ขว้างระเบิดใส่จนตายหรือบาดเจ็บ มีทั้งผู้ชุมนุมที่ชุมนุมโดยสงบแล้วโดนลูกหลง มีทั้งพวกลุยเข้าหาเจ้าหน้าที่แล้วมีลูกกระสุนวิ่งมาชนตาย มีทั้งพ่อค้าแม่ค้าในศูนย์การค้าที่สูญเสียทรัพย์สินจากเพลิงไหม้ ทั้งหมดนี้เป็นความสูญเสียทั้งนั้น แต่กฎหมายจะถือเป็น “ความเสียหาย” ที่ต้องชดใช้ “ค่าเสียหาย” หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าชาวบ้านตายเพราะถูกตำรวจทหารยิงทิ้ง อย่างนี้เป็น “ละเมิด” ชัดเจน ต้องจ่ายเป็น “ค่าเสียหาย” ไม่ใช่ “ค่าทำขวัญ” คำนวณแบบสากลจริงๆ อาจถึงรายละ 7.5 ล้าน อย่างที่หมอเหวงท่านว่า ก็ได้ ถ้าทหารตำรวจตาย นั่นเราจ่ายให้เป็น “บำเหน็จ” ไม่ใช่ค่าเสียหาย ได้รายละหนึ่งล้านบาทเห็นจะได้
ถ้าเป็นชาวบ้านโดนลูกหลง โดนมือมีดขว้างระเบิดใส จนตายหรือเจ็บ ตรงนี้มีกฎหมาย พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ปี 2544 จ่ายให้ เป็น “ค่าทำขวัญ” ถ้าตายก็ได้ไม่เกิน 1 แสนบาท เหตุที่จ่ายเพราะถือว่ารัฐบกพร่องคุ้มครองราษฎรไม่ได้ ต้องทำขวัญให้ แต่กรณีความเสียหายทางทรัพย์สินเช่นพ่อค้าแม่ค้าที่ทรัพย์สินวอดวาย ความเสียหายอย่างนี้ไม่มีจ่ายให้ทั้งค่าเสียหายหรือค่าทำขวัญ อีกกรณีหนึ่งก็คือ ผู้ตายหรือผู้บาดเจ็บที่มีส่วนเกี่ยวข้องวุ่นวายในการจลาจลนั้นด้วย ตรงนี้กฎหมายไม่ให้อะไรเลย
n มติรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ จ่ายเงินกว่า 1,900 ล้าน ในปี 2557 เกิดขึ้นอย่างไร
ขณะนั้น มีผู้สูญเสียฝ่าย นปช.จากการชุมนุม ปี 2552-2553 มายื่นคำขอตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ แล้ว 224 ราย กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบแล้วมีเข้าเงื่อนไข 150 ราย จ่ายเงินให้รวม 7 ล้านบาท ก็ไม่พอใจกันว่าให้น้อยไป ไม่คุ้มความเสียหาย ทางการอธิบายว่าเป็นค่าทำขวัญไม่ใช่ค่าเสียหาย ก็ยังไม่ยอมรับกันอยู่ดี
n ทำไมจ่ายไม่ครบทั้ง 224 ราย
พวกที่เหลือกว่า 50 ราย ไม่จ่ายก็เพราะเป็นพวกมีส่วนวุ่นวายในการจลาจลนั้นด้วย ตรงนี้กฎหมายเขาเขียนห้ามไว้
n แล้วถ้าได้ความว่า ทหารยิงตายโดยไม่สมควรแก่เหตุเลยล่ะครับ
ตรงนี้ต้องไปพิสูจน์ว่าเป็นละเมิดตามกฎหมายแพ่ง ถึงจะได้ “ค่าเสียหาย” แต่ไม่ใช่ “ค่าทำขวัญ” ตามกฎหมายปี 2544 นี้
n มีใครพิสูจน์ได้หรือไม่ ว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิสมควรของทหารตำรวจ?
ไม่มีครับ..ยังไม่มีรายงานการสอบสวนฉบับใดของฝ่ายใด ระบุออกมาต่อสาธารณะได้เลย แต่ผู้สูญเสียฝ่ายแดง เขาก็เรียกร้อง
จากรัฐบาลอย่างหนัก
n เมื่อกฎหมายขณะนั้นทำได้แค่นี้ แล้วทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงกล้ามีมติจ่ายให้นอกกฎหมาย สิ้นเงินกว่า 1,900 ล้าน อย่างนี้
อ้างว่าเป็นการจ่ายเพื่อความปรองดอง ตรงนี้ไม่มีฐานทางกฎหมายเลย การคิดคำนวณก็ไพล่ไปคิดแบบ “ค่าเสียหาย” เหมือนรัฐ
เป็นฝ่ายผิดยิงทิ้งชาวบ้าน ทำให้ต้องจ่ายเต็มจำนวนคำนวณให้แบบมาตรฐานสหประชาชาติได้ถึงชีวิตละ 7.5 ล้านบาทเลย มาตรฐานขนาดนี้ก็เกินมาตรฐานกฎหมายไทยเหมือนกัน สรุปแล้วผมเห็นว่าจ่ายอย่างนี้มีปัญหาแน่นอนครับ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ก็ถูกต้องแล้ว ไปว่าเขาไม่ได้
n พวกรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีหนทางต่อสู้อย่างไรบ้าง?
ต้องแก้ให้ได้ว่า มีมติออกมาเพื่อให้ฝ่ายอื่นในจลาจลอื่นด้วย ไม่ได้มุ่งจ่ายให้พวกเดียวกันเท่านั้น ตรงนี้ต้องมีทั้งตัวเลขและพฤติการณ์จริงมาพิสูจน์ ถ้าพิสูจน์ได้มูลคดีอาญาว่าจ่ายโดยทุจริตช่วยพรรคพวกก็น่าจะหมดไป เหลือแต่มูลคดีแพ่งเท่านั้นว่า กฎหมายให้มีอำนาจจ่ายเงินหลวง โดยอ้างนโยบายปรองดองได้อย่างนี้ไหม?
n จ่ายเงินแล้วเกิดปรองดองได้อย่างไรกัน จ่ายเท่าใด คิดอย่างไรจึงจะปรองดองได้จ่ายแล้วใครจะปรองดองกับใครครับ?
ตรงนี้แหละที่เป็นปัญหาเรื่องความสมเหตุสมผล ถ้าเป็นเหตุผลสมควรชัดเจนฉุกเฉิน เช่น บรรเทาทุกข์ราษฎรคราวโดน
สึนามิถล่ม ตรงนี้ใช้อำนาจนโยบายจ่ายเงินด่วนในจำนวนที่สมเหตุสมผลได้ แต่ “เงินปรองดอง” หัวละ 7.5 ล้านบาท ถูกผิด
ไม่ต้องพูดถึง จ่ายเต็มแรง ปรองดองสุดขีดเลยอย่างที่ทำไปนี้ ผมว่าอธิบายยากมากๆ จริงๆ
n ถ้าจะทำให้ถูกต้อง มั่นใจ 100% ต้องทำอย่างไรครับ?
ต้องไปขอกฎหมายจากสภา ต้องเป็นเงินที่จ่ายตามกฎหมาย ไม่ใช่เงินที่จ่ายตามนโยบายที่อธิบายอะไรไม่ได้อย่างนี้
n ถ้าอาจารย์นั่งเป็นรัฐมนตรีอยู่ในวาระขอมติจ่ายเงินปรองดองอย่างนี้จะว่าอย่างไร?
ผมก็ต้องคัดค้าน ถ้าที่ประชุมยืนยัน ผมก็ต้องเดินออกและยื่นใบลาออก
n ถ้าชัดเจนว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจจ่ายเงินปรองดองแบบนี้ได้ เราจะเรียกคืนจากชาวบ้านที่รับเงินไปได้ไหม
เขารับไปโดยสุจริตเราเรียกคืนได้เท่าที่ยังเหลืออยู่ครับ เรียกแล้วขาดเหลือเท่าใด รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่หลักที่รับผิดชอบ ต้องร่วมชดใช้ให้รัฐทั้งหมด ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ นี่เป็นแนวทางหนึ่ง ที่ ป.ป.ช.อาจมีมติส่งให้ นายกรัฐมนตรี รับดำเนินการมาในทางนี้ก็ได้
n แล้วพวกที่มีมติให้จ่ายเงินปรองดอง ไม่ต้องติดคุกหรือครับ
กฎหมายอาญาต้องใช้โดยเที่ยงธรรมและเคร่งครัดมากๆ อย่าขยาย “ความทุจริต” ให้กว้างขวางกันให้มากนัก ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ นะครับ ไม่ว่าในปากในใจของคุณจะมีคำว่า “ปรองดอง” หรือไม่ก็ตามทีเถิด แต่ “ความยุติธรรม” ต้องมีนะครับ ไม่งั้นเราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ ต้อง “ให้เขาได้รับในสิ่งที่ควรได้รับ” นั่นเอง คดีนี้ผู้อนุมัติควรได้รับอะไรคุณก็ไปคิดดูเอาเอง มนุษย์ต้องมีความสามารถคิดได้ว่าอะไรควรไม่ควร ถ้าคิดตรงนี้ไม่เป็นเลย เราก็เป็นแค่ลิงฉลาดๆ ที่รู้จักใส่เสื้อผ้าเท่านั้นเอง
นอกจากความเห็นของอาจารย์แก้วสรรตามที่กล่าวมาแล้ว ฝากให้คิดในท้ายที่สุดว่า การจ่ายเงินเยียวยานี้ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งตัดตอนกระบวนการพิสูจน์ความจริงทั้งหมด ซึ่งต้องคิดนะครับ ว่าเพื่อความปรองดองจริงๆ หรือเพื่อไม่ให้รู้ว่า พฤติกรรมการชุมนุมที่แท้จริงเป็นอย่างไร จนถึงกับยอมออกกฎหมายที่ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำลายสิทธิในการได้รับความยุติธรรมของเสื้อแดง นปช. ชนิด “เอาเงินไป แล้วลืมความตายพวกนั้นซะ” ยังดีว่า คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ฆาตกร” อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำคณะคัดค้านในสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลาออกมา ระดมประชาชนสู้กับกฎหมายเลวทรามนี้ในนาม กปปส.
ฉากหน้าของกฎหมาย คือ เอาน่า แล้วๆ กันไป จบนะ ปรองดองกันนะ แต่เนื้อแท้ของกฎหมายนั้น คือเอาความตายของคนอื่นมาบดบังการพ่วงนิรโทษกรรมคดีทุจริตของ ทักษิณ ชินวัตร!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี