เมื่อวานนี้ ทายาทของบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด แถลงต่อสื่อมวลชน ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญ หลังศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดีทัวร์ศูนย์เหรียญไปก่อนหน้านี้
1.นางสาวสายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ธุรกิจของบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ตฯ และบริษัทในเครือ
ไม่ได้เป็นบริษัททัวร์ แต่เป็นผู้ให้บริการรองรับการท่องเที่ยว ซึ่งมีธุรกิจเกี่ยวกับให้บริการเช่ารถทัวร์กว่า 2,000 คัน และมีบริษัทที่จำหน่ายทั้งเครื่องประดับอัญมณี เครื่องหนัง ขนมไทย สมุนไพร สินค้าเกษตรแปรรูป เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ยอมรับว่า บรรพบุรุษเป็นคนจีน ที่อพยพเข้ามาอยู่ในไทยจริง และได้แต่งงานกับคนไทยทำให้ธุรกิจดำเนินกิจการโดยคนไทย 100% ไม่ใช่บริษัทของคนจีนตามที่ถูกกล่าวหา
ทายาทของบริษัทโอเอฯ ระบุว่า เหตุที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา เชื่อว่ามาจากกรณีบริษัททัวร์ที่ถูกกล่าวหาสวมบัตรประชาชน แล้วมาเช่ารถทัวร์ของบริษัท
โอเอฯ ทำให้ทางบริษัทโอเอฯ ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันกระทำความผิดมูลฐานอั้งยี่และฟอกเงินไปด้วย ทั้งที่บริษัทดังกล่าวเป็นเพียง 2 ใน 300 บริษัทที่มาเช่ารถทัวร์ ซึ่งยังไม่ถึง 1% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมดของทางบริษัทโอเอฯ เลย
ส่วนที่ศาลอาญามีคำสั่งยกฟ้องคดีนั้น ยืนยันไม่มีการวิ่งเต้นคดีแน่นอน
สุดท้าย ขอความเห็นใจ ให้อนาคตได้มีโอกาสกลับมาทำธุรกิจ และหาเงินใช้หนี้ธนาคารที่กู้ยืมมาลงทุน
ข้างต้นนี้ คือ เนื้อหาโดยสรุปในฝ่ายของทางบริษัทโอเอฯ
2.เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลอาญายกฟ้องคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งทางบริษัทฯ และพวก 13 คน ตกเป็นจำเลย
คำพิพากษายกฟ้อง ระบุในทำนองว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้อง การกระทำเช่นนั้นทำให้เศรษฐกิจของชาติเสียหายเป็นอย่างมาก แต่จากพยานหลักฐานที่นำสืบมากลับไม่มีข้อเท็จจริงที่ทำให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 13 ได้ร่วมกันกระทำความผิด ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง
คนที่ถูกตั้งคำถาม คือ พนักงานสอบสวนผู้ทำสำนวนคดีไปฟ้องศาล ว่าทำสำนวนรัดกุมแค่ไหน? แสวงหารวบรวมพยานหลักฐานแน่นหนาเพียงใด?เพราะคดีนี้ เป็นคดีอาญา ใช้ระบบกล่าวหา ศาลไม่มีอำนาจหน้าที่ไต่สวนเหมือนคดีอาญานักการเมือง พิจารณาไปตามข้อกล่าวหา และข้อต่อสู้หักล้างของฝ่ายจำเลย
เป็นที่มาที่ทาง ผบ.ตร. มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ศรีวราห์ และ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ ดูแลแก้ไข
3.เพราะถ้ากลับไปคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ยึดและอายัดทรัพย์กลุ่มเครือข่ายธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ (คำสั่งที่ ย. 213/2559) ระบุพฤติการณ์ของเอกชนไว้อย่างชัดเจน ทำนองว่า บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด กับ บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ทำธุรกิจร่วมกันอย่างไร
โดยระบุว่า บริษัท ฝูอัน จำกัด ใช้บริการรถทัวร์ ของบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด โดยมีข้อตกลงกันว่า ต้องพานักท่องเที่ยวไปซื้อสินค้าหรือไปเที่ยวสถานที่ที่บริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด หรือ บริษัท สยามเจมส์ จำกัด เป็นเจ้าของ จำนวน 5 แห่ง โดยไม่ต้องชำระค่าเช่ารถ
หลังจากที่นักท่องเที่ยวได้ซื้อสินค้าในสถานที่ดังกล่าวแล้ว ทางบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด หรือ บริษัท สยามเจมส์ จำกัด จะจ่ายเงิน
ค่าตอบแทนจากยอดซื้อสินค้าจำนวนประมาณ 20-30% ให้
โดยมีการจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายในชื่อ ‘นางธวัล แจ่มโชคชัย’ ประมาณ 1 ล้านบาท/เดือน
ทั้งนี้ ค่าตอบแทนในแต่ละเดือน จะขึ้นอยู่กับจำนวนสินค้าที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ได้ซื้อสินค้ากับบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด หรือ บริษัม สยามเจมส์ จำกัด
คำสั่งปปง. ระบุด้วยว่า บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้ทำข้อตกลงในลักษณะเดียวกับบริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด กับบริษัททัวร์รายอื่นที่สามารถนำนักท่องเที่ยวชาวจีนมาซื้อสินค้า ที่บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต์ จำกัดได้ โดยจะได้รับค่าตอบแทนจากยอดซื้อสินค้าเช่นกันกับ บริษัท ฝูอัน ทราเวล จำกัด
ระบุต่อไปอีกด้วยว่า จากการตรวจสอบ พบว่า บริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด มีบริษัทที่อยู่ในเครือเดียวกัน ประกอบด้วย
1.บริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
2.บริษัท รอยัล พาราไดซ์ จำกัด
3.บริษัท รอยัล ไทย เฮิร์บ จำกัด
4.บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟท์ เซ็นเตอร์ จำกัด
โดยทั้ง 4 บริษัท มีผู้ถือหุ้นชุดเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือญาติกัน และยังพบว่ามีบริษัทเกี่ยวกับการขนส่งที่บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นชุดเดียวกันอีกจำนวน 6 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท อาร์จี ทรานสปอร์ต จำกัด 2.บริษัทเอเซียวิชั่น ทราเวล จำกัด 3.บริษัท รอยัล ดรากอน ทรานสปอร์ต จำกัด 4.บริษัท รอยัล พารากอน ทรานสปอร์ต จำกัด 5.บริษัท ออล สตาร์ ทรานสปอร์ต จำกัด และ 6.บริษัทโกลเด้น บัส จำกัด
เบื้องต้น เมื่อศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับนางนิสา โรจน์รุ่งรังสี (ประธานกรรมการบริษัทในเครือ โอเอ กรุ๊ป) และนายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี (กรรมการบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด) ในข้อหาร่วมกันกระทำเป็นสมาชิกอั้งยี่ และร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยว ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1613-14/2559 ลงวันที่ 23 ส.ค.2559 และมีการตรวจสอบทรัพย์สิน เข้าข่ายที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ไว้จำนวนหลายรายการ มูลกว่ากว่าหมื่นล้านบาท
ข้างต้น คือเนื้อหาโดยสรุปในฝ่าย ปปง.ที่ทำงานตรวจสอบและนำไปสู่การยึดอายัดทรัพย์
ซึ่งน่าสงสัยว่า กรณีสำนวนคดีอาญาที่ไปฟ้องศาลนั้น ปปง.ไม่ได้เป็นคนทำ แต่เป็นตำรวจและอัยการ
ได้มีการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานตามแนวทางที่ ปปง.ระบุพฤติการณ์ไว้ข้างต้น แน่นหนาแค่ไหน
เงื่อนปมของเรื่องนี้ ต้องใช้ความจริง “หลักฐานและข้อเท็จจริง” ในการทำให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี