ข่าวล่าสุด บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ SPORT แจ้งว่า บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้ว่าจ้างบริษัทฯ พิมพ์และจัดส่งหนังสือพิมพ์ รวมถึงนิตยสารทั้งหมดในเครือมติชน โดยคาดว่าน่าจะบรรลุข้อตกลงได้ภายในกลางเดือนต.ค. และเริ่มดำเนินการวันที่ 1 พ.ย.2560 เป็นต้นไป
สะท้อนสายสัมพันธ์อันดีระหว่างค่ายสยามสปอร์ตกับค่ายมติชน
ทำให้หวนนึกกลับไปถึง “ดีล” รับงานจัดอีเว้นท์ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ซึ่งเคยอื้อฉาว ปรากฏอยู่ในสารบบการตรวจสอบทุจริต แต่ปัจจุบัน เรื่องเงียบๆ ไป โดยไม่มีความชัดเจน
1.กว่า 3 ปีที่แล้ว นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยไปยื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตการดำเนินโครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตประเทศไทย 2020 ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ช่วงที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เป็นเลขาธิการนายกฯ สมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ
นายวัชระกล่าวว่า การดำเนินการโครงการดังกล่าว มีการว่าจ้างงานประชาสัมพันธ์โครงการ 240 ล้านบาท มีบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้างเป็นเงินมูลค่ากว่า 140 ล้านบาท ซึ่งจัดเป็นการว่าจ้างโดยใช้วิธีพิเศษไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม จึงเห็นว่าควรตรวจสอบข้อเท็จจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสุรนันทน์ ว่าดำเนินการและใช้งบประมาณดังกล่าวเป็นไปตามกฎระเบียบและข้อบังคับทางราชการหรือไม่
2. โครงการดังกล่าว เป็นอีเว้นท์ประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. หรือร่างกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
แบ่งเป็น 3 สัญญา รวมมูลค่า 240.00 ล้านบาท
สัญญาที่ จ.01/2557 สลน. จ้างบริษัทมติชนฯ วงเงิน 40 ล้านบาท (ทำสัญญาวันที่ 1 ตุลาคม 2556)
สัญญาที่ จ.17/2557 สลน. จ้างบริษัทมติชนฯ วงเงิน 100 ล้านบาท (ทำสัญญาวันที่ 11 ตุลาคม 2556)
และสัญญาที่ จ.18/2557 สลน. จ้างบริษัทสยามสปอร์ตฯ วงเงิน 100 ล้านบาท (ทำสัญญาวันที่ 11 ตุลาคม 2556)
ทุกสัญญา ปรากฏว่า ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วย “วิธีพิเศษ” ที่ไม่เปิดให้มีการเสนอราคาอย่างกว้างขวาง แต่เป็นการเชิญเฉพาะรายมาเสนอราคาโดยตรง
จ้างให้บริษัทเอกชนทั้ง 2 แห่ง จัดนิทรรศการ จัดสัมมนา และประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ เกี่ยวกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวม 12 จังหวัด
3. ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์เอง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เคยตรวจสอบเรื่องนี้
เคยท้วงไปที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ถูกอ้างว่าเป็นโครงการที่แถลงไว้ต่อสภา ทบทวนไม่ได้
สตง.ยังท้วงไปอีกครั้ง รวมเป็นไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง
โดย สตง. มีหนังสือ เลขที่ ตผ 0019/0822 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2557 เรื่อง ขอให้ทบทวนการจ่ายเงินในการดำเนินโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งไปถึงนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันความเห็นให้ สลน.ทบทวนการจ่ายเงินว่าจ้างงานดังกล่าว หลังจากที่นายสุรนันทน์ลงนามในหนังสือตอบกลับมาว่า ไม่สามารถทบทวนได้ เนื่องจากเป็นงานที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
ในหนังสือฉบับนี้ สตง. ระบุว่า การว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามารับงานนี้ โดยวิธีพิเศษ เป็นการดำเนินการที่ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเปิดเผยโปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งอาจจัดจ้างในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น และอาจเข้าข่ายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 อาจทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
“...การที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีใช้งบประมาณโครงการประชาสัมพันธ์ 240 ล้านบาท จัดจ้างโดยวิธีพิเศษ โดยให้เอกชนดำเนินการทั้งหมด จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเปิดเผยโปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งอาจจัดจ้างในราคาที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น และอาจเข้าข่ายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 อาจทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
จึงขอให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทบทวนการดำเนินการใช้จ่ายเงินโครงการดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับและแบบแผนของทางราชการโดยเคร่งครัด เพื่อให้การจ่ายเงินแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเป็นการป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อการใช้จ่ายเงินของแผ่นดิน ซึ่งหากมีการเบิกจ่ายไม่ถูกต้อง จะต้องมีผู้รับผิดชอบในการเบิกจ่ายเงินนั้น
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาควบคุม ติดตาม กำกับดูแลการดำเนินการดังกล่าวให้ถูกต้อง ผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบ เพื่อประกอบการตรวจสอบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542”
หนังสือลงนามโดย นางสาวประพีร์ อิงกินันท์ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน)
4. โครงการจ้างสื่อดังกล่าว ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในวงการสื่อและวงการเมือง
หลังเซ็นสัญญาไม่กี่เดือน ยิ่งลักษณ์ก็ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556
ในขณะที่กฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ก็ไปไม่ถึงฝั่ง เพราะกระทำผิดรัฐธรรมนูญ ผิดวินัยการคลัง (ไม่ได้หมายความว่าโครงการไม่ดี แต่การออกกฎหมายเพื่อจะกู้เงิน 2 ล้านล้าน แบบที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำนั้นมันผิด)
ทราบว่า สำนักนายกฯ เบิกจ่ายงบให้กับบริษัทเอกชนทั้ง 2 แห่ง เรียบร้อยแล้ว
ในภายหลัง รัฐบาล คสช. ก็ยังดำเนินโครงการ อาทิ รถไฟทางคู่ หลายช่วงทาง ซึ่งบางส่วนก็เคยอยู่ในกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น ซึ่งสะท้อนว่า โครงการที่ดีสามารถทำได้ ไม่มีใครห้าม โดยไม่จำเป็นจะต้องไปออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน แบบที่ยิ่งลักษณ์ทำ
4. ปัจจุบัน ยังไม่พบปลายทางของการตรวจสอบ ว่าจะเอาผิดใครได้ไหม?
จะทวงเงินแผ่นดินที่ละลายหายไป ทั้งๆ กฎหมายกู้เงินนั้น ก็แท้งไปแล้ว ได้ไหม? อย่างไร?
ป.ป.ช. ควรจะชี้แจงว่าเรื่องถึงไหนแล้ว?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี