ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา (และคงยังต่อเนื่องไปอีกหลายปี) บรรดาสื่อมวลชนต่างประเทศมักจะเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตของยานยนต์ (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ 3 ล้อ และ 2 ล้อ ทุกชนิด) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประกาศของฝ่ายรัฐ หรือฝ่ายเอกชนผู้ประกอบการ เช่น
- ระดับเมืองหลวงและมหานคร เช่น กรุงมาดริด กรุงเม็กซิโก จะห้ามมิให้มีการใช้รถน้ำมันเบนซินและดีเซล อีกภายใน 2 - 3 ปีข้างหน้า
- ระดับประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส จะให้รถน้ำมันเบนซินและดีเซลออกจากท้องถนนให้หมดทั่วประเทศภายในปี ค.ศ. 2040 (พ.ศ. 2583)
- บริษัทยักษ์ใหญ่รถยนต์ของสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน และญี่ปุ่น ต่างก็มุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (Electronic Cars)เพื่อนำออกสู่ตลาดภายใน 3 - 4 ปีข้างหน้าและเริ่มทดลองตลาดภายใน 1 - 2 ปีนี้
- บางบริษัทก็จะผลิตทั้งรถยนต์ไฟฟ้า และรถผสม (Hybrid ไฟฟ้ากับน้ำมัน) ดังเช่น:-
- ปี 2019 (2562) กลุ่มบริษัท BMW จะออกรถระบบไฟฟ้า BMW Mini 2019
- ปี 2025 กลุ่ม BMW / Jaguar จะผลิตรถระบบไฟฟ้า 12 รุ่น (Model) และรถ Hybrid 13 รุ่น
- ปี 2020 กลุ่ม Jaguar / Land Rover จะออกรถระบบไฟฟ้า
- ปี 2019 กลุ่ม Volvo จะผลิตรถยนต์ระบบไฟฟ้าทุกรุ่น
- ในปี 2 ปีนี้ กลุ่ม Tesla จะทยอยออกรถรุ่น Model 3 ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเวลา 3 - 4 ปี ได้ออกรถระบบไฟฟ้ารุ่นใหญ่ราคาแพงมาแล้ว
- กลุ่ม Nissan กำลังจะออกรถระบบไฟฟ้าชื่อ “Leaf”
- กลุ่ม Chevrolet กำลังจะออกรถระบบไฟฟ้าชื่อ “Volt”
ซึ่งผู้ที่บุกเบิกในเรื่องนี้ และทำให้บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ของโลกมิสามารถอยู่นิ่งเฉยได้ ก็คือ นาย Elon Musk นักคิดนักบุกเบิกธุรกิจเทคโนโลยีการคมนาคมสุดยอดของโลก ซึ่งมีความคิด มีการลงทุนและทดลองในเรื่องต่างๆ เช่น เครื่องบินขับเคลื่อนด้วยพลังแสงอาทิตย์ จรวดโดยสารข้ามโลก โรงงานผลิตแบตเตอรี่เพื่อรถยนต์ระบบไฟฟ้า เป็นต้น
เมื่อโลกกำลังไปกัน ด้วย “ระบบไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์” ก็มีคำถามว่า แล้วประเทศไทยโดยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โดยสารไปกับเขาด้วยหรือไม่ อย่างไร?
เมื่อไปค้นหาข้อมูล และติดตามข่าวสื่อมวลชน ก็ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรมาก นอกจากประกาศของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนเชื้อเชิญให้บริษัทต่างชาติมาติดต่อเสนอโครงการรถยนต์ไฟฟ้าได้ ซึ่งแปลว่า ใครสนใจก็มาพูดกัน แล้วสำนักงานส่งเสริมการลงทุนก็จะนั่งที่โต๊ะหรือเคาน์เตอร์รอคอย ซึ่งเรื่องรถยนต์ระบบไฟฟ้านี้จะดำเนินการแบบนี้ ก็สะท้อนว่า เรื่องรถยนต์ระบบไฟฟ้ายังไม่เป็นเรื่องระดับชาติ และผู้นำประเทศยังไม่ตื่นตัว หรือเข้าเรื่องเข้าราว อิน (In) ไปกับชาวบ้านทั่วโลกเขา
ก็เลยขอใช้โอกาสนี้ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศให้แน่ชัดว่า ประเทศไทยของเรา
1) จะมุ่งไปสู่ประเทศไร้รถที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลหรือไม่ ถ้าใช่ คิดว่าในปีใด?
2) จะมุ่งให้บริษัทผู้ผลิตและผู้ประกอบรถในไทยเริ่มผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเองหรือไม่?
3) จะสนับสนุนให้บริษัทปั๊มน้ำมันเอกชนใด ได้เปิดกิจการสถานีจ่าย หรือแลกเปลี่ยนแบตเตอรี่ แทนการเปิดปั๊มน้ำมันหรือไม่?
4) จะสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยมีการค้นคว้าวิจัยเรื่องยานยนต์ระบบไฟฟ้า และเรื่องการผลิแบตเตอรี่กันอย่างไร?
5) จะให้มีการผลิตรถยนต์ระบบไฟฟ้า ภายใต้ยี่ห้อไทย มิใช่ไปอาศัยชื่อญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือฝรั่งมังค่า และจะสนับสนุนให้ไทยเราสามารถผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนทั้งหมดด้วยฝีมือคนไทย หรือไม่
6) ไทยเราประกอบรถมา 60 กว่าปีแล้วเป็นอย่างน้อย ถ้าผลิตรถทั้งคันไม่ได้เองแปลว่า ที่ผ่านๆมานั้น ไม่ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฝรั่งมังค่าอย่างจริงจัง สะท้อนว่า เขากั๊กความรู้ หรือไม่ก็สมองไทยคงอ่อน ที่เรียนรู้แล้วเอามาทำเองไม่ได้เสียที แล้วรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จะแก้ปัญหาอย่างไร?
7) จะมอบให้รัฐมนตรีอุตสาหกรรม รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ เชื้อเชิญบริษัทผลิตรถทั้งหมดมาพบ เพื่อรับนโยบายผลิตรถยนต์ระบบไฟฟ้าไปดำเนินการโดยเร็วเมื่อใด?
8) จะมอบให้รัฐมนตรีคมนาคมไปยกร่างกฎเกณฑ์ระเบียบเพื่อรองรับรถยนต์ระบบไฟฟ้าเมื่อใด? เป็นต้น
ผมมั่นใจว่า สมองนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และนักออกแบบอุตสาหกรรมของไทยนั้น ไม่ได้ด้อยกว่าประเทศใดในโลก ดังนั้นน่าจะสามารถรวมพลังผลิตรถยนต์ระบบไฟฟ้าแบบไทยคิดเองทำเองได้ เพียงแต่จะต้องเริ่มต้นด้วยการมีนโยบายที่แน่ชัดและการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งงบวิจัยค้นคว้า งบตั้งไข่ (Start up) เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะได้ตื่นตัวตื่นใจ แล้วประกาศว่า ไทยเราเอาจริงในเรื่องนี้ ไทยก็จะผลิตทั้งรถ แบตเตอรี่ ส่งออกด้วย เป็นการแสดงว่า ประเทศไทยเราจะมีนวัตกรรมของตนเอง ให้สมกับสโลกแกน ประเทศไทยจะไปเป็นประเทศ 4.0 ให้สมน้ำสมเนื้อเสียที
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี